31
บุพปจจัยและผลลัพธที่คาดหวังของการปรับเปลี่ยน สภาพแวดลอมที่อยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุผูชวยศาสตราจารย รอยตํารวจเอก อนุชา แพงเกษร ความนํา บานที่อยูอาศัย เปนหนึ่งในปจจัยสี่ของมนุษย และเปนสิ่งจําเปนขั้นพื้นฐานของมนุษย ซึ่งในการตัดสินใจ เลือกที่อยูอาศัยที่ดีที่สุดสําหรับครอบครัว เพื่อใหเปนไปตามความคาดหวัง แตถาสภาพแวดลอมภายในที่อยู อาศัยที่ไมสอดคลองกับพฤติกรรมของครอบครัว จะทําใหสมาชิกภายในบานไมมีความสุขกอใหเกิดความไม สบายกาย ไมสบายใจ เจ็บปวย เกิดความรุมรอน มีแตความยุงยากหรืออาจมีเหตุไมคาดคิดเกิดขึ้น เมื่อบานไม นาอยูถูกแวดลอมไปดวยสิ่งอัปมงคล เชื่อกันวาสาเหตุสวนหนึ่งนาจะเกิดจากความไมสมดุลทางกายภาพและ พฤติกรรมของมนุษยกับธรรมชาติและสิ่งแวดลอม อันเนื่องมาจากปจจัยและองคประกอบตางๆ ไมวาจะเปน เรื่องทิศทาง ที่ตั้ง ขนาดของบาน ตําแหนงหนาตาง ประตู กําแพง บันได สภาพแวดลอมของดิน หิน ตนไม บอน้ํา และวัสดุในการกอสราง ตลอดจนสีของบาน สิ่งเหลานี้ลวนมีอิทธิพลและสงผลกระทบตอคุณภาพชีวิต ที่อาศัยอยูในบาน ดังนั้นการเลือกทําเลที่ตั้งของบานเรือนและตัวบานจําเปนตองมีความสอดคลองสมดุล กลมกลืนกับธรรมชาติและสภาพแวดลอมโดยรวม (หยก ตั้งธนาวัฒน, 2546) ดังนั้นเรื่องความเชื่อในศาสตรฮวงจุจึงเปนปญหา เงื่อนไข และอุปสรรคตอวิชาชีพของวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรอยางยิ่ง ซึ่งเจาของบานจะตองมีการปรับเปลี่ยนแบบบานที่อยูอาศัยใหเปนไปตาม คําแนะนําของซินแสทุกประการ เพื่อความผาสุกและความสําเร็จในชีวิตตนเอง และครอบครัวตามความคาด หวังไว โดยถึงขนาดมีการทุบแกไขหรือรื้อทิ้งก็มี ทั้งที่ไดดําเนินการเสร็จไปแลว จนบางครั้งเกิดเปนขอพิพาท ที่หาขอยุติไมไดระหวางซินแสกับ วิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรอยูเสมอ จึงนับวาเปนการเสียเวลาและเปน การทํางานที่ซ้ําซอนในกระบวนการออกแบบบานที่อยูอาศัย สงผลใหเจาของบานสิ้นเปลืองเงินทองและเวลา เปนอยางมาก เนื่องจากความเชื่อในศาสตรฮวงจุฮวงจุ(feng shui) เปนวิชาที่มีการสืบทอดตอๆกันมานับหลายพันป ความรูที่สามารถนํามาประยุกต ใชกับชีวิตจริงไดเปนอยางดี บางคนอาจจะมองวาเปนสิ่งที่งมงายไรสาระ แตหลักการพื้นฐานที่ซอนอยู ภายในฮวงจุก็อาศัยพื้นฐานความคิดในการอนุรักษธรรมชาติ ซึ่งการจัดแตงบานสามารถทําไดโดยเนน ความสําคัญ ดานความสะดวกสบาย และประโยชนใชสอยของสมาชิกภายในบาน สิ่งเหลานี้ลวนแตเปนจุดทีคนมองขามและคิดไมถึง (Mak & Ng, 2001) บานพักอาศัยที่ความรมเย็นสุขใจมองไปที่ไหนก็รมรื่นจิตใจก็ ยอมผอนคลาย แตหากจิตใจเปนทุกขกลับเขามาบานมีแตเสียงดังคอยรบกวนประสาทอยูบอยๆ ก็เกิดความ หงุดหงิด และถาภายในบานเต็มไปดวยวัตถุแตปราศจากธรรมชาติ ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียดมากขึ้น การงาน ติดขัดเมื่อการงานไมดีการเงินก็มีปญหาไปดวย ชีวิตครอบครัวก็คงจะไมมีความสุข (ประกายธรรม ไชยแถน, 2547)

Faculty member's Article

Embed Size (px)

DESCRIPTION

บทความของ ผศ.ดร.ร.ต.อ.อนุชา แพ่งเกษร ภาควิชาออกแบบตกแต่งภายใน เรื่องบุพปัจจัยและผลที่คาดหวังของการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยตามศาสตร์ฮวงจุ้ย

Citation preview

Page 1: Faculty member's Article

บุพปจจัยและผลลัพธท่ีคาดหวังของการปรับเปลี่ยน สภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย ผูชวยศาสตราจารย รอยตํารวจเอก อนุชา แพงเกษร

ความนํา บานท่ีอยูอาศัย เปนหนึ่งในปจจัยส่ีของมนุษย และเปนส่ิงจําเปนข้ันพื้นฐานของมนุษย ซ่ึงในการตัดสินใจเลือกท่ีอยูอาศัยท่ีดีท่ีสุดสําหรับครอบครัว เพื่อใหเปนไปตามความคาดหวัง แตถาสภาพแวดลอมภายในท่ีอยูอาศัยท่ีไมสอดคลองกับพฤติกรรมของครอบครัว จะทําใหสมาชิกภายในบานไมมีความสุขกอใหเกิดความไมสบายกาย ไมสบายใจ เจ็บปวย เกิดความรุมรอน มีแตความยุงยากหรืออาจมีเหตุไมคาดคิดเกิดข้ึน เม่ือบานไมนาอยูถูกแวดลอมไปดวยส่ิงอัปมงคล เช่ือกันวาสาเหตุสวนหนึ่งนาจะเกิดจากความไมสมดุลทางกายภาพและพฤติกรรมของมนุษยกับธรรมชาติและส่ิงแวดลอม อันเนื่องมาจากปจจัยและองคประกอบตางๆ ไมวาจะเปนเร่ืองทิศทาง ท่ีต้ัง ขนาดของบาน ตําแหนงหนาตาง ประตู กําแพง บันได สภาพแวดลอมของดิน หิน ตนไม บอน้ํา และวัสดุในการกอสราง ตลอดจนสีของบาน ส่ิงเหลานี้ลวนมีอิทธิพลและสงผลกระทบตอคุณภาพชีวิตท่ีอาศัยอยูในบาน ดังนั้นการเลือกทําเลท่ีต้ังของบานเรือนและตัวบานจําเปนตองมีความสอดคลองสมดุลกลมกลืนกับธรรมชาติและสภาพแวดลอมโดยรวม (หยก ต้ังธนาวัฒน, 2546)

ดังนั้นเร่ืองความเช่ือในศาสตรฮวงจุย จึงเปนปญหา เง่ือนไข และอุปสรรคตอวิชาชีพของวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรอยางยิ่ง ซ่ึงเจาของบานจะตองมีการปรับเปล่ียนแบบบานท่ีอยูอาศัยใหเปนไปตามคําแนะนําของซินแสทุกประการ เพื่อความผาสุกและความสําเร็จในชีวิตตนเอง และครอบครัวตามความคาด หวังไว โดยถึงขนาดมีการทุบแกไขหรือร้ือท้ิงก็มี ท้ังท่ีไดดําเนินการเสร็จไปแลว จนบางคร้ังเกิดเปนขอพิพาทท่ีหาขอยุติไมไดระหวางซินแสกับ วิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรอยูเสมอ จึงนับวาเปนการเสียเวลาและเปนการทํางานท่ีซํ้าซอนในกระบวนการออกแบบบานท่ีอยูอาศัย สงผลใหเจาของบานส้ินเปลืองเงินทองและเวลาเปนอยางมาก เนื่องจากความเช่ือในศาสตรฮวงจุย

ฮวงจุย (feng shui) เปนวิชาท่ีมีการสืบทอดตอๆกันมานับหลายพันป ความรูท่ีสามารถนํามาประยุกต ใชกับชีวิตจริงไดเปนอยางดี บางคนอาจจะมองวาเปนส่ิงท่ีงมงายไรสาระ แตหลักการพื้นฐานท่ีซอนอยูภายในฮวงจุย ก็อาศัยพื้นฐานความคิดในการอนุรักษธรรมชาติ ซ่ึงการจัดแตงบานสามารถทําไดโดยเนนความสําคัญ ดานความสะดวกสบาย และประโยชนใชสอยของสมาชิกภายในบาน ส่ิงเหลานี้ลวนแตเปนจุดท่ีคนมองขามและคิดไมถึง (Mak & Ng, 2001) บานพักอาศัยท่ีความรมเย็นสุขใจมองไปที่ไหนก็รมร่ืนจิตใจก็ยอมผอนคลาย แตหากจิตใจเปนทุกขกลับเขามาบานมีแตเสียงดังคอยรบกวนประสาทอยูบอยๆ ก็เกิดความหงุดหงิด และถาภายในบานเต็มไปดวยวัตถุแตปราศจากธรรมชาติ ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียดมากข้ึน การงานติดขัดเมื่อการงานไมดีการเงินก็มีปญหาไปดวย ชีวิตครอบครัวก็คงจะไมมีความสุข (ประกายธรรม ไชยแถน, 2547)

Page 2: Faculty member's Article

2

ขอสรุปของซินแสหลายทาน ตางใหความสําคัญและใหความหมาย ท่ีมุงเนนความสมดุลทางธรรมชาติในการเลือกทิศและทําเลที่ต้ังของท่ีอยูอาศัย ท่ีเช่ือวาทุกสรรพส่ิงในโลกนี้จะประกอบดวย ธาตุท้ัง 5 ท่ีถูกแสดงดวยรูปทรง สี สัญลักษณของฮวงจุยท่ีดี และโชคชะตาซ่ึงมีอิทธิพลตอชะตาชีวิตและครอบครัวท้ังทางดานสุขภาพกายและจิตใจ สงผลถึงคุณภาพชีวิตท่ีมีความสุข ความเจริญความมั่นคงในหนาท่ีการงาน และเช่ือวาเปนศาสตรท่ีเกี่ยวของกับวิชาโหราศาสตร สถิติ ศิลปะ จิตวิทยา และวิทยาศาสตรท่ีสามารถพิสูจนไดดวยเหตุและผล แตอยางไรก็ดีความเช่ือในเร่ืองฮวงจุย ท่ียังพิสูจนไมไดก็ยังเปนปริศนาที่นาศึกษาคนหา เพราะความเช่ือเปนเร่ืองธรรมชาติ ท่ีเกิดข้ึนกับมนุษยทุกคนท่ีมีตอความเช่ือ ทัศนคติ และพฤติกรรมท่ีมีระดับความแตกตางกันของบุคคล ซ่ึงเปนปจจัยตอการตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือน ท่ีมีอิทธิพลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย เพื่อท่ีจะทําใหคุณภาพชีวิตของตนเองและสมาชิกในครอบครัวดีข้ึน หลังจากท่ีมีการปรับเปล่ียนท่ีอยูอาศัยตามหลักฮวงจุยแลว (ภาณุวัฒน พันธุวิชาติกุล, 2546 มาศ เคหาสนธรรม, 2550 ประกายธรรม ไชยแถน, 2547) การวางผังถือเปนส่ิงแรกท่ีควรตองคํานึงถึงมากท่ีสุด บานท่ีอยูสบายควรกําหนดผังเครื่องเรือน ขนาดหอง ทิศทาง การจัดวัสดุท่ีเหมาะสมกับการใชงาน และบริบทของพื้นท่ี ซ่ึงเปนปจจัยในการจัดสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย เพราะจะไมทําใหเกิดปญหาตามมา แตกลับสงผลทําใหท่ีอยูอาศัยนาอยูอบอุน และทําใหสมาชิกในครอบครัวมีความสุข ความเจริญ และความม่ันคงดวย เพราะบานคือจุดเร่ิมตนของครอบครัวท่ีดี แลวการตัดสินใจเลือกซ้ือบาน และการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยก็จะงายข้ึน (เอกพงษ ตรีตรง, 2549)

ขอคนพบจากการศึกษานี้จะกอใหเกิดการนําไปใชเพื่อสรางดุลยภาพแหงชีวิตท่ีเหมาะสม ทําใหครอบครัวมีความสุขความเจริญ กาวหนา ความม่ันคงในชีวิตและครอบครัว อันจะเปนพื้นฐานท่ีดีของสังคมไทย ตลอดจนหนวยงานท่ีจะไดรับประโยชนจากขอคนพบของการศึกษาคร้ังนี้ จะสามารถสรางความสัมพันธระหวางพฤติกรรมกับสภาพแวดลอมทางกายภาพของท่ีอยูอาศัยท่ีดี กอเกิดความสมดุลกับธรรมชาติมีพลังช่ีท่ีดี มีดุลยภาพแหงชีวิตของครอบครัว ท่ีสงผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ท้ังนี้ยังเปนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศใหยั่งยืนตอไป

วัตถุประสงคของการวิจัย การศึกษาคร้ังนี้มีวัตถุประสงคท่ีจะศึกษาประเด็นตางๆ ดังตอไปนี้

(1) บุพปจจัยของการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยของหัวหนาครัวเรือน ในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย

(2) ผลลัพธจากการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามหลักฮวงจุย ท่ีมีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน (3) ปญหา อุปสรรค และโอกาสของกลุมวิชาชีพวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรในการออกแบบ

สภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย จากอิทธิพลของศาสตรฮวงจุย

Page 3: Faculty member's Article

3

การทบทวนวรรณกรรม 1. ฮวงจุย (feng shui): ซินแสภาณุวัฒน พันธุวิชาติกุล (2546) และมาศ เคหาสนธรรม (2550) ไดแสดงความเหน็วา ความเชื่อของคนจีนช้ีใหเห็นถึงปจจัยท่ีมีผลตอชะตาชีวิตสูความสุข และความสําเร็จของมนุษย ซ่ึงมีปจจัยอยู 3 ประการ คือ (ก) ชะตามนุษยหมายถึงฝมือ ความเพียร สติปญญา และการปฏิบัติตัวตอบุคคลรอบขางคือ การกระทําของเรานัน่เอง (ข) ชะตาฟา คือ พลังงานของจักรวาลของแตละชวงเวลา ท่ีสงเขามามีปฏิกิริยาในทางบวก และทางลบกับพลังในตัวของเรา ท่ีเรียกกนังายๆ วา ดวง (ค) ชะตาดิน คือ พลังของส่ิงแวด ลอมรอบตัว ท่ีมีผลตอบุคคลท่ีอาศัยอยูในบริเวณนั้นท่ีเรียกวาฮวงจุย

ฮวงจุยเปนศาสตรจีนโบราณไดเขามาเกี่ยวของกับชีวิตมากข้ึน ดวยความเช่ือวาบานท่ีอยูอาศัยตามหลักฮวงจุยตองอยูในทําเลที่ดีคือ หนาติดน้ําหลังติดเขา แตฮวงจุยในปจจุบันนี้ไดนํามาปรับใชในงานออกแบบท่ีอยูอาศัยมากข้ึน เพื่อทําใหผูท่ีอาศัยในบานมีความสุขในครอบครัว ความเจริญในหนาท่ีการงาน ดานสุขภาพดีท้ังรางกายและจิตใจ และความปลอดภัยในทรัพยสิน และฮวงจุยเปนท้ังศาสตรทางศิลปะ วิทยาศาสตร และเปนภูมิปญญาท่ีเช่ือมโยงสถาปตยกรรมกับสภาพแวดลอมกายภาพ โดยจากการสังเกตปรากฏการณทางดาราศาสตร ปรากฏการณทางธรรมชาติ และพฤติกรรมของมนุษย (Mak & Ng, 2001) และคนโบราณไดประเมินงานอาคารส่ิงกอสรางอยูบนพื้นฐานความสมดุลของธรรมชาติ ท่ีมีความสัมพันธระหวางท่ีอยูอาศัยกับดวงดาวและโหราศาสตร (Bramble, 2003)

ฮวงจุยเปนศาสตรและศิลปท่ีวาดวยทําเลที่ต้ังท่ีอยูอาศัย และการจัดตกแตงภายในก็มีความสําคัญคือใหมีความกลมกลืนทางกายภาพและพฤติกรรมกับธรรมชาติ ทําใหเกิดดุลยภาพอยางลงตัว ไมวาจะเปนตําแหนงทางเขาบาน ประตู หนาตาง ตําแหนงหองรับแขก หองนั่งเลน หองอาหาร หองครัว หองน้ํา หองทํางาน ตลอดจนการจัดวางเคร่ืองเรือน ตู เตียง โตะ เกาอ้ี หิ้งบูชา ลวนแลวแตมีความสําคัญและเปนเร่ืองท่ีจําเปนอยางยิ่ง ประกายธรรม ไชยแถน (2547) ไดพบวา ศาสตรฮวงจุยอาศัยใชพื้นฐานทางธรรมชาติ การจัดแตงบานก็สามารถทําได โดยการเนนความสะดวกสบายท่ีตอบสนองประโยชนใชสอยของผูอยูอาศัย และฮวงจุยเปนการสังเกตอยางงายๆเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอมท่ีมีตอมนุษย ไมวาจะเปนในแงดีหรือแงรายกต็าม แมแตในประเทศตะวันตก ฮวงจุยก็มีแนวโนมไดรับความนิยมเพิ่มข้ึนอยางตอเนื่อง เปนการยกระดับชีวิตของพวกเขาใหดียิ่งข้ึน โดยเฉพาะเมื่อคนมีช่ือเสียง เชน เดวิด เบ็กแฮม ไปจนถึงนักรองผูหลงใหลกล่ินอายตะวันออกอยางมาดอนนา ก็แสดงความสนใจอยางจริงจังตอศาสตรฮวงจุยนี้ ตลอดจนองคกรทางธุรกิจขนาดใหญ เชน สายการบิน และธนาคาร ตางก็เรียกหาซินแสผูเช่ียวชาญมาเพื่อขอคําปรึกษาเชนกัน (ผูจัดการออนไลน, 2548)

2. คุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น (a better quality of life): แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉบับท่ี 10 ซ่ึงมีการประกาศใชในป 2550 ยังคงยึดหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” นําทางในการพัฒนาและบริหารประเทศ โดยมีแนวคิดวา “คนเปนศูนยกลางของการพัฒนา” และเปาหมายสุดทายของการพัฒนาคือ “ความอยูดีมีสุขของ

Page 4: Faculty member's Article

4

คนไทย” ซ่ึงสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ไดกําหนดนิยามของความอยูดีมีสุขไวดังนี้ “ความอยูดีมีสุขหมายถึง การมีสุขภาพอนามัยท่ีดีท้ังรางกายและจิตใจ มีความรู มีงานทําอยางท่ัวถึงมีรายไดพอเพียงตอการดํารงชีพ มีครอบครัวท่ีอบอุนม่ันคง อยูในสภาพแวดลอมท่ีดีและอยูภายใตระบบการบริหารจัดการท่ีดีของภาครัฐ” ความอยูดีมีสุขจะครอบคลุมทุกมิติของการดํารงชีวิตท่ีเช่ือมโยงกันอยางเปนองครวม โดยสามารถจําแนกองคประกอบได 7 ดาน คือ (1) สุขภาพอนามัย (2) ความรู (3) ชีวิตการทํางาน (4) รายไดและการกระจายรายได (5) ชีวิตครอบครัว (6) สภาพแวดลอมในการดํารงชีวิต และ (7) การบริหารจัดการท่ีดีของภาครัฐ (http:// www. nesdb. go.th, 2550) สอดคลองกับกรอบแนวความคิดของ คัควานี (Kakwani, 1993) ท่ีไดมีการแจกแจงองคประกอบของความอยูดีมีสุขออกเปน 7 ดาน ซ่ึงครอบคลุมทุกมิติของคุณภาพชีวิตท่ีดี การศึกษาวิจัยดานคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนไดทําการวิจัยเชิงคุณภาพ ดวยการสัมภาษณเจาะลึก โดยใชโปรแกรม ATLAS.ti. เพื่อดูคุณภาพชีวิตของหัวหนาครัวเรือนและสมาชิกในครอบครัวท่ีมีการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยแลว มีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิมตามความคาดหวังในภาพรวมที่ครอบคลุม 4 มิติไดแก (1) มิติทางดานสุขภาพ (2) มิติทางดานครอบครัวมีความสุข (3) มิติทางดานความเจริญม่ันคงในการงาน และ (4) มิติทางดานสภาพลอมทางกายภาพของท่ีอยูอาศัย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน

2.1 ดานสุขภาพ: คุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนหมายถึง การดําเนินชีวิตในสังคมปจจุบัน และเปนชีวิตท่ีมีความอยูดีมีสุขครบถวนท้ังสุขภาพทางกายและจิตใจโดยปราศจากโรคภัยไขเจ็บภายในบานท่ีอยูอาศัย และในชุมชนของตนเอง (Devadasan, 2000; Robertson, 2006; Halvorsen, 2007) ปจจัยข้ันพื้นฐานของคุณภาพชีวิตทางดานสุขภาพจิตคือ มนุษยก็มีวิถีทางหาความสุขใหตนเองได โดยการมีสมาธิทําใหจิตใจสงบ ฮวงจุยจึงเปรียบเสมือนกุญแจไขสูความสมดุลของรางกายและจิตใจ ทําใหเกิดพลังและความเขมแข็ง (Nikolov, 2007) และในขณะเดียวกัน ความสัมพันธระหวางมนุษยกับสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย จะสามารถเสริมสรางพลังช่ี (chi) ทําใหมีสุขภาพกายและจิตใจท่ีดี เหมือนตนไผท่ีเคล่ือนไหวอยางอิสระแตอยางไรก็ตามการออกแบบท่ีอยูอาศัย ตองอยูบนพื้นฐานของความสะดวกสบาย และความงาม ตลอดจนเร่ืองของสีท่ีใชในบานจะสงผลถึงรางกาย อารมณ จิตใจ และวิญญาณ (Wang, 2007) จะทําใหผูท่ีอยูอาศัยมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม 2.2 ดานครอบครัวมีความสุข: ครอบครัวท่ีดีตองการการมีสวนรวมในการทํากิจกรรมภายในครอบครัว ใหการดูแลเอาใจใสเร่ืองการศึกษาดานสุขภาพกายและจิตใจจะทําใหมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม (Sullivan, Wells, & Leake, 1992; Veenhoven, 2007; Williams, 2007) บานท่ีใชศาสตรฮวงจุยจะมีความสมดุลกับธรรมชาติ ทําใหสมาชิกทุกคนในครอบครัวไดรับพลังช่ีท่ีดี (Pane, 2007) ซ่ึงสอดคลองกับ ฤชากร นาราพงศธร (2550) ท่ีไดกลาวไววา บานท่ีดีตองมีพลังช่ีท่ีดี จึงจะชวยเสริมดวงชะตาได โดยท่ัวไปแลวหลังจากจัดบานไดถูกตองตามหลักฮวงจุยแลวภายใน 3 เดือน จะสังเกตไดถึง

Page 5: Faculty member's Article

5

การเปล่ียนแปลงวาครอบครัวจะมีความสุขมีความรักความเขาใจกันมากข้ึน ซ่ึงประเด็นนี้ผูวิจัยเห็นวาเปนส่ิงท่ีตองพิสูจนเชิงประจักษ ดวยการสัมภาษณเจาะลึกหัวหนาครัวเรือนในผลลัพธและส่ิงท่ีเกิดข้ึนจริงหลังจากการใชฮวงจุย 2.3 ดานความเจริญม่ันคงในการงาน: เนื่องจากประชาชนจะใชชีวิตสวนใหญอยูกับการทํางาน การพิจารณาสภาพแวดลอมการทํางานจึงเปนองคประกอบท่ีสําคัญมาก เพราะชีวิตท่ีมีงานทําและมีความพึงพอใจในการทํางานเปนส่ิงสําคัญท่ีสุดนั้นหมายถึง การมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม (Peterson, 2002; Theodossiou, McCausland, &Pouliakas, 2007) ในขณะท่ี ธิตินัย พันธุวิชาติกุล (2550) ไดกลาวถึงฮวงจุยท่ีดีในยุคท่ี 8 (พ.ศ.2547-2566) บานควรหันสูทิศเหนือหากผูเลือกซ้ือมีโอกาสอยูในบานท่ีหันสูทิศทางท่ีมีโชค จะสงผลดีตออาชีพหนาท่ีการงาน สรางความเจริญม่ันคงใหแกสมาชิกผูอยูในบาน ศาสตรฮวงจุยถูกใชในบานและธุรกิจท่ัวโลก เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการงานมักจะเปนส่ิงจําเปนในการปรับเปลี่ยนใหเกิดพลังอํานาจพื้นฐาน ไมจําเปนตองใชการออกแบบเปนหลักแตใชสภาพแวดลอมรอบตัวใหเกิดประโยชน เพื่อสงเสริมและสนับสนุนใหไดประโยชนสูงสุดจากพื้นท่ีโดยใชฮวงจุย 2.4 ดานสภาพแวดลอมของท่ีอยูอาศัยและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพยสิน: ประกายธรรม ไชยแถน (2550) ไดแสดงความเห็นวา ในการสังเกตธรรมชาติรอบตัวและการดําเนินชีวิตของมนุษยแลวปรับตัว ดัดแปลง ปรุงแตงสรางสรรคใหเกิดความสมดุล โดยเรียกวา “ฮวงจุย” อันเปนศาสตรและศิลปเพื่อธํารงความสมดุลในจุดกึ่งกลาง ซ่ึงการดัดแปลง ปรับเปล่ียน สรางสรรคบรรยากาศบริเวณโดยรอบและภายในบานท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย จะกอใหเกิดสภาพท่ีสุขกายสบายใจทําใหมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน การออกแบบสภาพแวดลอมทางกายภาพของท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย ตองคํานึงถึงจิตวิทยา สรีรวิทยา และนิเวศวิทยา เพื่อสรางความสอดคลองทางดานจิตใจและทาง ดานกายภาพของผูท่ีอยูอาศัย และยังตองใหความสําคัญทางดานสภาพแวดลอมกายภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินเปนอยางยิ่ง สรุปไดวาคุณภาพชีวิตท่ีดีกวาประกอบดวย 4 มิติไดแก (1) มิติทางดานสุขภาพ (2) มิติทางดานชีวิตครอบครัวมีความสุข (3) มิติทางดานความเจริญม่ันคงในหนาท่ีการงาน และ (4) มิติสภาพแวดลอมของที่อยูอาศัยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน

3. การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย (feng shui practice, [PRACTICE]): พฤติกรรมหมายถึง กริยาอาการแสดงออกทุกรูปแบบของส่ิงมีชีวิต ท้ังความคิดและความรูสึกเพื่อตอบสนองส่ิงเราท้ังภายนอกและภายใน การแสดงออกท่ีเห็นไดจากภายนอกโดยรูปแบบของพฤติกรรมตางๆนั้น เปนผลมาจากการทํางานรวมกันของพันธุกรรม และสภาพแวดลอมทางกายภาพ (Newell, 1990; Ryan & Deci, 2000; Daniels, 2001; Franken, 2001; Willis, 2007) และกลไกของการเกิดพฤติกรรมคือ ส่ิงเราหรือตัวกระตุนและเหตุจูงใจ จึงกอใหเกิดการ

Page 6: Faculty member's Article

6

ปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยท่ีมีอิทธิพลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีกวาของตนเองและสมาชิกในครอบครัวประกอบดวย ดานประสบการณ และดานการฝกอบรมปฏิบัติ 3.1 ดานประสบการณ (feng shui experience, [EXPERIEN]): องคความรูท่ีเกิดจากการกระทําหรือไดพบเห็นบางส่ิงบางอยางมาในชีวิต หรือจากประสบการณในอดีตท่ียึดถือตอกันมา ทําใหศาสตรฮวงจุยท่ีไดรับการถายทอดจากบรรพบุรุษ ถือเปนธรรมเนียมปฏิบัติสืบตอกันมาหลายพันป แทจริงแลวพฤติกรรมตามศาสตรฮวงจุย เปนเร่ืองของการสังเกตธรรมชาติท่ีสรางความสมดุลใหเกิดข้ึนในท่ีอยูอาศัย และสามารถเปล่ียนแปลงการดําเนินชีวิตดีข้ึน (Yu, 2005; Chang, 2007)

การแสวงหาคําปรึกษาจากผูท่ีมีความรู มีประสบการณ และใหคําแนะนําการใชศาสตรฮวงจุย ในการแกปญหาเกี่ยวกับทําเลที่ต้ัง และสภาพแวดลอมใหมีความสมดุลเพื่อกระตุนพลังช่ีท่ีมีผลกระทบตอคุณภาพชีวติ จะทําใหเกิดส่ิงท่ีดีตอตนเองและครอบครัว การใหคําปรึกษานี้มีอยูท่ัวไปที่เรียกตัวเองวาเปนซินแส ท้ังท่ีกอต้ังเปนสํานักมูลนิธิสถาบันการศึกษา หรือใหบริการคําแนะนําทางอินเตอรเน็ต ทางรายการวิทยุ โทรทัศน และส่ืออ่ืนๆ ท่ีแพรหลายมากในปจจุบัน (Herath, Ellis, Tan, Canales, Yung, Eng, Eusoff, & Chua, 2007) 3.2 การฝกอบรมปฏิบัติ (feng shui training, [TRAINING]): การเรียนการศึกษา คนควาตามตําราและคําแนะนําใหรู ฝกฝน ปฏิบัติท่ีละข้ันตอน เพื่อใหบรรลุเปาหมายและไดรับประโยชนสูงสุดท่ีเรียกวาทฤษฎีการเรียนรูจากสังคม (social learning theory) ท่ีสามารถนํามาปรับใชในสังคมปจจุบัน (Rotter, 1982) และพฤติกรรมท่ีแสดงออกทุกรูปแบบท้ังภายในและเปนการแสดงออกที่เห็นไดจากภายนอก โดยมีส่ิงเราหรือตัวกระตุนและเหตุจูงใจ อันเปนปจจัยท่ีจะทําใหพฤติกรรมเปล่ียนแปลงไป ตรงกับทฤษฎีพฤติกรรมท่ีวางแผนไว (theory of planned behavior) โดยมีการรับรูและความต้ังใจเขาไปสงเสริมสนับสนุนพฤติกรรมนั้น (Ajzen, 2005) ทําใหเกิดการปฏิบัติ (practice) จึงเปนพฤติกรรมตามศาสตรฮวงจุย ซ่ึงมีท้ังประสบความสําเร็จและไมประสบความสําเร็จ ท่ีมีผลตอการตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือนในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยดวย จากการทบทวนวรรณกรรมของการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยไดแก ดานประสบการณ และดานการฝกอบรมปฏิบัติ ท่ีมีความสัมพันธกับตัวแปรอ่ืนๆ ท่ีมีอิทธิพลตอกระบวนการตัดสินใจในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมกายภาพท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย

4. การตัดสินใจใชฮวงจุย (feng shui decision, [DECISION]): การตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือน ในการเลือกซ้ือหรือปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย ท่ีมีความคาดหวังเพื่อท่ีจะใหตนเองและสมาชิกในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม อันประกอบดวย (1) ดานความคาดหวัง (2) ดานขอมูลขาวสารดานท่ี ต้ังโครงการและระบบสาธารณูปโภค เพื่อนํามาหาความสัมพันธกับตัวแปรอ่ืนๆ ท่ีมีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุยปรับเปล่ียนท่ีอยูอาศัย

Page 7: Faculty member's Article

7

4.1 ดานความคาดหวัง (expectation, [EXPECT]): การตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือนท่ีตองการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม ทําใหพบวาหัวหนาครัวเรือนมีความคาดหวังในการดําเนินชีวิตของตนเองและสมาชิกในครอบครัว ท่ีจะไดรับโชคลาภ มีสุขภาพท่ีดี มีความรํ่ารวยม่ังค่ัง ประสบความสําเร็จ มีความเจริญม่ันคง และครอบครัวมีความสุข หลังจากปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุยแลว (Jeffrey, 2000; Jurock, 2002; Wright, 2003; Grossman, 2005)

การนําองคความรูมาใชในการตัดสินใจปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย จะตองมีการศึกษาคนควาในศาสตรฮวงจุยอยางถูกตอง เพื่อใหเกิดความสมดุลมีพลังช่ีท่ีดี ท่ีสามารถซึมซับไดจากสภาพแวดลอมท่ีมีผลตอรางกาย จิตใจ และวิญญาณ อันมีท้ังคุณและโทษท่ีสงผลกระทบถึงอารมณความรูสึก และชีวิตความเปนอยูในบานพักอาศัย (Pane, 2006; Stewart, 2006) 4.2 ดานขอมูลขาวสาร (information, [INFORM]): การตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือนในการเลือกท่ีอยูอาศัย จะตองใชขอมูลขาวสารประกอบการตัดสินใจ โดยพิจารณาจากการเลือกทําเลที่ ต้ังโครงการ สาธารณูปโภคและส่ิงอํานวยความสะดวกสบาย ความสวยงามและรสนิยมท่ีตรงกับความตองการของตนเองและครอบครัวแลว ซ่ึงการไดรับขอมูลขาวสารที่ใหถูกตองเปนการสรางความเขาใจใหแกสังคม ยอมสงผลใหเกิดการพัฒนาทางดานสังคมในวิถีทางที่ถูกตอง ท่ีเรียกวาทฤษฎีสารสนเทศ (information theory) ทําใหการตัดสินใจไปในทิศทางท่ีถูกตองแมนยําและรวดเร็ว (Innes, 1998) โดยสวนมากโครงการท่ีต้ังอยูในพื้นท่ีท่ีมีความเจริญจะมีราคาสูง ไดมีการโฆษณาประชาสัมพันธหลากหลายรูปแบบ เพื่อใหผูบริโภคสามรถตัดสินใจเลือกซ้ือ เชน การบริการหลังการขาย การลดเงินดาวน บริการออกแบบตกแตงใหฟรี รวมถึงโฆษณาวาโครงการมีการออกแบบโดยใชศาสตรฮวงจุยดวย ฯลฯ จากการทบทวนวรรณกรรมในการตัดสินใจในการใชฮวงจุย ไดแก ความคาดหวังดานสุขภาพความสําเร็จของตนเองและสมาชิกในครอบครัว และขอมูลขาวสารดานศาสตรฮวงจุย เร่ืองทําเลที่ต้ังและระบบสาธารณูปโภคท่ีดี โดยเปนความตั้งใจของหัวหนาครัวเรือนในการตัดสินใจเลือกซ้ือหรือปรับเปล่ียนสภาพ แวดลอมท่ีอยูอาศัย เพื่อคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม

5. ทัศนคติตอฮวงจุย (feng shui attitude, [ATTITUDE]): ทัศนคติเปนความรูสึกและความเช่ือ หรือการรูของบุคคลตอส่ิงหนึ่งในทางบวกหรือลบ และทําใหบุคคลเกิดแนวโนมท่ีจะมีพฤติกรรมโตตอบในทางใดทางหน่ึงตอส่ิงนั้น ดังนั้นจึงมีทัศนคติตอฮวงจุยท่ีแตกตางกัน ดวยความเห็นวาศาสตรฮวงจุยเปนเร่ืองการสังเกตจากกฎธรรมชาติ และเปนเคร่ืองมือท่ีสรางความสมดุล ทําใหท่ีอยูอาศัยและการดําเนินชีวิตดีข้ึน (Choy, 2000; Yu, 2005; Chang, 2007; Too, 2007) ในขณะท่ีนักวิชาการหลายทานไดแสดงความเห็นวาฮวงจุยเปนวิทยาศาสตร เพราะที่ไดทําการศึกษาคนความีหลักฐานพิสูจนไดมีเหตุผล เปนการรองรับและมีขอพิสูจนแลว (Kiat, 1995; Jones, 2000; Lerdpiriyakamol, 2004; McTaggart, 2007; Brant, 2007; Nikolov, 2007; Yap, 2007)

Page 8: Faculty member's Article

8

ดังนั้นทัศนคติท่ีมีตอฮวงจุยจึงเปนเร่ืองท่ีหลายคนสนใจ เนื่องจากฮวงจุยมีผลกระทบตอวิถีการดําเนินชีวิตของคนในสังคมปจจุบัน ทําใหศาสตรฮวงจุยมีการศึกษาและแพรหลายไปท่ัวโลกเปนโลกาภิวัตน ซ่ึงเปนการยอมรับศาสตรฮวงจุย ของคนทุกสาขาอาชีพที่ใหความสนใจเปนอยางมาก (Mak & Ng, 2001; Lim, 2003; Hilfiger & Ungaro, 2005; Choy, 2006; Too, 2006) ทัศนคติตอฮวงจุยจึงมีความคิดเห็นท่ีหลากหลายแตกตางกัน ข้ึนอยูกับการรับรูและประสบการณของแตละบุคคลในประเด็นดังตอไปนี้ 5.1 กฎธรรมชาติ (natural law, [NATURAL]): ฮวงจุยหมายถึง ลมและนํ้า เปนส่ิงท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ จากการสังเกตความสัมพันธระหวางพลังธรรมชาติท่ีมองเห็นไดดวยตาเปลา และท่ีมองไมเห็นดวยตาเปลา (Mak & Ng , 2001) ธรรมชาติมีความสมดุลและความกลมกลืนท่ีประกอบดวย หยินและหยาง ซ่ึงมีผลตอมนุษยดานสุขภาพ ความเจริญม่ันคงและความสําเร็จ (Jeffrey, 2000; Viol, 2003; Wright, 2003; Capone, 2005; Grossman, 2005; Miller, 2005; Witcombe, 2005) ความสมดุลในธรรมชาติระหวางสมัยใหมกับแบบประเพณีนิยมในงานสถาปตยกรรมของจีนโบราณท่ีมีธาตุท้ัง 5 ในธรรมชาติไดแก ไม โลหะ ไฟ ดิน และนํ้า ทําใหเกิดความสมดุลกลมกลืนกันนั้น คือ “Feng Shui” และเชนเดียวกับ “Vaastu Shastra” ในสถาปตยกรรมของอินเดียโบราณท่ีมีธาตุท้ัง 5 ในธรรมชาติ ไดแก ทองฟา อากาศ ไฟ ดิน และนํ้า ซ่ึงใชเปนพื้นฐานในการออกแบบบานท่ีอยูอาศัย ชุมชน และงานสถาปตยกรรมอ่ืนๆ ท่ีมีมานานแลวในอดีต 5.2 ความมีเหตุผล (rationality, [RATIONAL]): องคความรูท่ีไดโดยการสังเกตและคนควาจากการประจักษทางธรรมชาติ แลวจัดเขาอยางเปนระเบียบท่ีเปนกระบวนการทางวิทยาศาสตร นักวิชาการหลายทานไดแสดงความคิดเห็นวา ฮวงจุยเปนวิทยาศาสตรท่ีเกี่ยวของกับสภาพแวดลอมกายภาพ สังคมศาสตร จิตวิทยา สถิติ และพฤติกรรมมนุษย เพราะเปนการศึกษาตามหลักการของวิทยาศาสตรท่ีมีเหตุผล (So, Kitipornchai, Skinner, Choy, Mak, Paton, Anders, Wong, Rozumowski, Sin, Lagnasco, Chiang & So, 2005) และมีทัศนคติตอฮวงจุยวาเปนส่ิงท่ีเกิดข้ึนและสามารถพิสูจนได ตามหลักการทางวิทยาศาสตรมีเหตุผลในเชิงตรรกวิทยารองรับแลว ไมเปนไสยาศาสตรหรือมนตดําอยางท่ีบางคนเขาใจ (Choy, 2006; Jones, 2006; Lowe, 2006) ทัศนคติตอฮวงจุยท่ีวาเปนวิทยาศาสตรนี้ไดขยายวงกวางมากข้ึน ซ่ึงมีความสัมพันธและมีอิทธิพลตอสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และศาสตรสาขาตางๆ จึงเร่ิมมีการศึกษา จดบันทึก ทําสถิติ และวิจัยเปนเชิงวิชาการมากข้ึน 5.3 การยอมรับศาสตรฮวงจุย (feng shui acceptance, [ACCEPT]):ในปจจุบันการออกแบบบานท่ีอยูอาศัย สํานักงาน โรงพยาบาล อาคารสาธารณะ หางสรรพสินคา และอาคารสถานท่ีใหบริการอื่นๆ โดยวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากรท่ัวทุกมุมโลกตางใหความสําคัญกับการใชศาสตรฮวงจุยในการออกแบบ ท่ีเช่ือวาพลังช่ีสามารถกระตุนใหนําความโชคดี สุขภาพดี ความม่ังค่ัง รํ่ารวยมาสูผูท่ีอยูอาศัย และผูใชบริการในสถานท่ีนั้นๆ (Ha, 1999; Jeffreys, 2000; Johnson, 2004; Stevens, 2005) จากการยอมรับรวมกันนี้ ประชากรท่ัวทุกมุม

Page 9: Faculty member's Article

9

โลก จึงไดมีโอกาสเขามาสัมผัสในทุกสาขาวิชาชีพ และเปนสวนหนึ่งของศาสตรฮวงจุยโดยไมรูตัว (Hilfiger & Ungaro, 2005; Choy, 2006; Too, 2006)

อิทธิพลจากส่ือตางๆ ส่ิงแวดลอมสังคม ตลอดจนครอบครัวเปนตัวกระตุนและสนับสนุน ท่ีกอใหเกิดการปรับเปล่ียนใหเปนไปตามความคาดหวังไวท่ีเรียกวา ทฤษฎีการเรียนรูจากสังคม (social learning theory) ซ่ึงเกิดจากการสังเกต การเรียนรู และการรับรูจากบริบทของสังคม (Bandura, 1975) จากการทบทวนวรรณกรรมในเร่ืองทัศนคติตอฮวงจุย ดังกลาวไดช้ีใหเห็นถึงความสําคัญไดแก เปนกฎธรรมชาติ ความมีเหตุผล และการยอมรับศาสตรฮวงจุย ท่ีมีผลตอการตัดสินใจในการปรับเปล่ียนสภาพ แวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย เพื่อคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ดังนั้นในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ผูวิจัยจึงนํามาศึกษาวิเคราะห เพื่อตองการทราบวาตัวแปรแตละตัวมีความสัมพันธกับตัวแปรตามอยางมีนัยสําคัญ และหาเสนทางความสัมพันธกับตัวแปรอ่ืนๆดวย

6. ความเชื่อในฮวงจุย (feng shui belief, [BELIEF]): ฮวงจุยเปนศาสตรจีนโบราณไดเขามาเกี่ยวของกับชีวิตมากข้ึน ดวยความเช่ือวาบานท่ีอยูอาศัยตามหลักฮวงจุยตองอยูในทําเลที่ดีคือ หนาติดน้ําหลังติดเขา แตฮวงจุยในปจจุบันนี้ไดนํามาปรับใชในงานออกแบบที่อยูอาศัยมากข้ึน เพื่อทําใหผูท่ีอาศัยในบานมีความสุขในครอบ ครัว ความเจริญในหนาท่ีการงาน ดานสุขภาพดีท้ังรางกายและจิตใจ และความปลอดภัยในทรัพยสิน และความเช่ือในฮวงจุยท่ีวา บานท่ีดีอยูแลวเจริญรุงเรืองจะตองข้ึนอยูกับทิศ ทําเลที่ต้ัง และเพียบพรอมดวยธาตุท้ัง 5 เพื่อความสมดุลของธรรมชาติ นอกจากนี้จะตองเหมาะสมกับฤกษและราศีดวงดาวของผูท่ีอยูอาศัยดวย จะสงเสริมใหดียิ่งข้ึน 6.1 โชคชะตาชีวิต (FORTUNE): ความเช่ือของชาวจีนในการเขียนแผนผังฮวงจุยและการวิเคราะหโชคชะตาชีวิต ไดใชวันท่ีในระบบสุริยคติเปนหลักโหราศาสตร โดยการเลือกวันเวลาที่พลังชะตาฟาของจักรวาล ประสานสอดคลองกับองศาทิศทางพลังชะตาดินของส่ิงปลูกสรางนั้นจะรวมตัวกันมาเกื้อหนุนบุคคลท่ีถูกกําหนดไว เปนเคล็ดลับท่ีซอนอยูของการจัดฮวงจุยซ่ึงก็คือวิชาโหราศาสตร (Alan, 2005) ฮวงจุยเปนท้ังศาสตรทางศิลปะและวิทยาศาสตร เปนภูมิปญญาท่ีเช่ือมโยงสถาปตยกรรมกับสภาพแวดลอมกายภาพ โดยจากการสังเกตปรากฏการณทางดาราศาสตร ปรากฏการณทางธรรมชาติ และพฤติกรรมของมนุษย (Mak & Ng, 2001) และคนโบราณไดประเมินงานอาคารส่ิงกอสรางอยูบนพื้นฐานความสมดุลของธรรมชาติ ท่ีมีความ สัมพันธระหวางท่ีอยูอาศัยกับดวงดาวและโหราศาสตร (Bramble, 2003) 6.2 ทิศและทําเลท่ีตั้ง (physical orientation, [ORIENT]): ศาสตรแหงฮวงจุย เปนเร่ืองท่ีวาดวยทําเลที่อยูอาศัย และการจัดตกแตงภายในท่ีถูกตองเหมาะสม เพื่อควบคุมพลังช่ีท่ีกําหนดคุณประโยชนใหกับชีวิตมนุษย และเปาหมายในการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยก็คือการปฏิบัติตามศิลปะแหงธรรมชาติ โดยประมวลมาจากศาสตรทุกดาน ท้ังดานนิเวศวิทยา ภูมิศาสตร ดาราศาสตร และจิตวิทยา (Jurock, 2002; Art & Gallieries, 2005; Grossman, 2005; Miller, 2005; Sagar, 2005; Wijaya, 2005; Witcombe, 2005) โดยใหพิจารณาจากทิศ

Page 10: Faculty member's Article

10

ในการวางตําแหนงอาคาร ประตู หนาตาง และทิศทางการไหลเวียนพลังงานของกระแสลม แสงแดด เพื่อใหรับและกักเก็บพลังช่ีท่ีดีไวภายในที่อยูอาศัยพรอมท่ีจะกระตุนดานโชคลาภ หนาท่ีการงาน สุขภาพ การศึกษา ดานความม่ังค่ังรํ่ารวย ดานความรัก และความสําเร็จ (Morris, 2006; Clovis, 2007; Diamond, 2007) 6.3 ความเชื่อในธาตุท้ัง 5 (belief in 5 elements, [5ELEMENT]): ชาวจีนเชื่อวาในสรรพส่ิงทุกอยางมีธาตุท้ัง 5 คือ ธาตุน้ํา ธาตุไม ธาตุไฟ ธาตุดิน และธาตุโลหะ ท่ีสรางความสมดุลนําความโชคดีและปกปองอันตรายจากพลังช่ี และตําแหนงทิศของธาตุตางๆเหลานี้ใชไดในทุกๆท่ีในโลก ไมวาจะเปนทวีปเอเชีย อเมริกา หรือแมวาจะอยูในซีกโลกใตอยางออสเตรเลีย หรือซีกโลกเหนืออยางยุโรปก็ตาม (Chiou, 1996; Capone, 2005; Jurock, 2002; Miller, 2005; Dumfries, 2005; Weber, 2005)

ธาตุท้ัง 5 สามารถพบในทุกส่ิงทุกอยางนับต้ังแตทิศและทําเลท่ีต้ัง วัตถุตางๆไปจนถึงอารมณ ความรูสึกนึกคิด และอวัยวะท้ังภายในภายนอกรางกายลวนจัดอยูในธาตุใดธาตุหนึ่งในธาตุท้ัง 5 นี้ ซ่ึงจะมีธาตุประจําทิศท้ัง 8 ท่ีมีอิทธิพลตอสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย ธาตุเหลานี้ถูกแสดงดวย รูปทรง สี และสัญลักษณท่ีเขากับลักษณะของบานเปนการเพิ่มความกลมกลืนทําใหเกิดความสมดุลของหยินและหยางในธรรมชาติ เพื่อนําไปใชในการออกแบบท่ีอยูอาศัยใหถูกตองตามศาสตรฮวงจุย (Gee, 2006; Lim, 2006; Patrick, 2006)

7. ปจจัยทางชีวสังคม (bio–social factor, [BIOSO]) ปจจัยสวนบุคคลไดแก อายุ เพศ สถานภาพสมรส และสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีประกอบดวย ปจจยัดานระดับการศึกษา ดานอาชีพ และระดับรายไดของหัวหนาครัวเรือน ซ่ึงสอดคลองกับ เอกพงษ ตรีตรง (2549) ท่ีไดศึกษาเกี่ยวกับเร่ือง การจัดการสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยของมนุษยอันเกิดจาก ดิน น้ํา ฟา อากาศ จิตวิทยา และพฤติกรรมของมนุษยแตละบุคคล ซ่ึงการออกแบบพื้นท่ีใชสอยของบาน ท่ีใหเกิดประโยชนสูงสุดนั้น ข้ึนอยูกับ อายุ เพศ อาชีพ สถานภาพสมรส การศึกษา สถานท่ีเกิด และประสบการณจากอดีตถึงปจจุบัน ในการวางแผนจัดการในงานสถาปตยกรรม ท่ีมีความเหมาะสมกับวิถีชีวิต (Diamond, 2007) 7.1 อายุ (AGE): ภาณุวัฒน พันธุวิชาติกุล (2546) และประกายธรรม ไชยแถน (2547) ตางใหความสําคัญเกี่ยวกับอายุของบุคคล ซ่ึงมีผลตอความเช่ือในฮวงจุย โดยมีเหตุผลวาหลักของวิชาการพยากรณของโหราศาสตรจีน ใหความสําคัญในเร่ืองอายุ โดยจะตองนับอายุต้ังแตในทองมารดา และตองบวกอายุไทยไปอีก 1 ป เพราะการพยากรณ เร่ืองของจังหวะและโชคชะตาของผูท่ีอยูอาศัย จึงจะตองทราบวัน เดือน ป และเวลาเกิดท่ีแนนอน ใชสําหรับการคํานวณดูฤกษดวงตามโหราศาสตร ดังท่ีกลาววาวิชาการทางโหราศาสตรแขนงตางๆไดถูกพัฒนาข้ึน เพื่อนํามาใชในการศึกษาและหยั่งรูจังหวะความเปล่ียนแปลงของดวงดาวตางๆ ที่มีปฏิกิริยาสอดคลองกับอายุและวิถีชีวิตมนุษยแตละคน (มาศ เคหาสนธรรม, 2550)

7.2 เพศ (GENDER): ภาณุวัฒน พันธุวิชาติกุล (2546) ไดกลาวถึง การพยากรณโหราศาสตรจีนวา ผูท่ีเรียนศาสตรฮวงจุยวาสวนใหญเปนชายมากกวาหญิง เนื่องจากความเช่ือถือของผูท่ีดูฮวงจุย มักจะใหความเช่ือถือและนับถือซินแสที่เปนผูชายมากกวาผูหญิง

Page 11: Faculty member's Article

11

โรสสบาช (Rossbach, 1993) ไรจท (Wright, 2003) วิทคัมบ (Witcombe, 2005) ไดใหความสําคัญกับตัวแปร เพศ วาทุกสรรพส่ิงในโลกนี้ลวนแตประกอบข้ึนมาจาก หยินและหยาง เพราะมันคือสัญลักษณของความประสานกลมกลืน พลังท้ังสองอยางนี้จะมีลักษณะท่ีตรงขามกัน หยินเปนสตรีเพศ หยางก็เปนบุรุษเพศ หยินเปนความมืด หยางก็เปนความสวาง ฯลฯ แตพลังของท้ังสองกลับเสริมซ่ึงกันและกัน ท่ีมีผลตอความเช่ือ ทัศนคติ การตัดสินใจในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย และการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย 7.3 สถานภาพสมรส (marital status, [MSTATUS]): ไดมอนด (Diamond, 2007)ไดกลาวถึงการมีชีวิตคูท่ีอยูดวยกันอยางมีความสุขนั้น ตองขจัดปญหาความขัดแยงความไมไววางใจซ่ึงกันและกัน โดยการจัดสภาพแวดลอมภายในท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุยใหไดรับพลังช่ีท่ีดี จะทําใหเกิดความรักความอบอุนในครอบ ครัวท่ีใชชีวิตในบานหลังเดียวกัน หากการจัดวางเคร่ืองเรือนและหาทําเลปลูกสรางท่ีอยูอาศัยท่ีดีแลว ฮวงจุยก็จะมอบส่ิงตางๆท่ีดีใหกับชีวิตสมรส มีความสุข ครอบครัวท่ีดี มีอายุยืน ความม่ังค่ังรํ่ารวย มีโชคลาภ และอาชีพการงานท่ีประสบความสําเร็จ (Gee, 2506 ; Patrick, 2006)

7.4 ปจจัยทางดานสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม (socio – economic status, [SES]): จากการทบทวนวรรณกรรม นักวิชาการหลายทานท่ีไดกลาวถึงปจจัยดานระดับการศึกษา ปจจัยดานอาชีพ และปจจัยดานระดับรายไดของหัวหนาครัวเรือน เปนดัชนีช้ีวัดสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมได (Sitnikov & Valliiere, 2001; Flynn et al., 2002; Massam, 2002; Banister & Bowling, 2004) ท่ีมีผลตอการตัดสินใจในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูตามศาสตรฮวงจุย เพื่อคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ปจจัยทางชีวสังคม (bio-social factor) มีความสัมพันธกับตัวแปรอ่ืนๆ ไดแก ความเช่ือในฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย การตัดสินใจใชฮวงจุย และการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย ซ่ึงสอดคลองกับ ฟซบาย และไอจเซ็น (Fishbein & Ajzen, 1975) ท่ีไดพบทฤษฎีการกระทําท่ีไตรตรองแลว (theory of reasoned action) โดยไดศึกษาความเช่ือสวนบุคคล (personal belief) และความเช่ือของผูอ่ืนในกลุม หมูคณะหรือสังคมทําใหเกิดทัศนคติ (attitude) และบรรทัดฐานเชิงจิตวิสัย (subjective norm) ตอเปาหมายและวัตถุประสงคท่ีต้ังใจไว (intention) ท่ีมีอิทธิพลตอพฤติกรรม (behavior) ท่ีแสดงออกทุกรูปแบบท้ังภายในและเปนการแสดงออกท่ีเห็นไดจากภายนอก โดยมีส่ิงเราหรือตัวกระตุนและเหตุจูงใจ ท่ีมีอิทธิพลทําใหพฤติกรรมการเปล่ียนแปลงตามสังคมนั้นๆ

จากการทบทวนวรรณกรรมพบตัวแปรอิสระไดแก ปจจัยทางชีวสังคม ซ่ึงเปนคุณสมบัติของหนวยวิเคราะห คือ หัวหนาครัวเรือนท่ีเปนประชากรกลุมเปาหมายที่กําลังตัดสินใจเลือกซ้ือหรือปรับเปลี่ยนท่ีอยูอาศัย ท่ีอาจจะใชหรือไมใชศาสตรฮวงจุยในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย ซ่ึงปจจัยทางชีวสังคม ไดแก อายุ เพศ สถานภาพสมรส และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงมีระดับการศึกษา อาชีพ และรายไดของหัวหนาครัวเรือน ท่ีเปนดัชนีช้ีวัดสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมได ความเช่ือในฮวงจุย ซ่ึงประกอบดวย โชคชะตาชีวิต และทิศทําเลที่ต้ัง และธาตุท้ัง5 ทัศนคติตอฮวงจุยไดแก กฎธรรมชาติ ความมีเหตุผล และการ

Page 12: Faculty member's Article

12

ยอมรับศาสตรฮวงจุย การตัดสินใจใชฮวงจุยของหัวหนาครัวเรือนในการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย ประกอบดวย ความคาดหวัง และขอมูลขาวสารดานท่ีต้ังและดานระบบสาธารณูปโภค ท่ีมีผลตอตัวแปรตามคือ การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยไดแก ประสบการณ และดานการฝกอบรมปฏิบัติ ที่สงผลถึงคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน

กรอบแนวคิดและสมมติฐานสําหรับการวิจัย องคความรูท่ีไดจากการทบทวนวรรณกรรมคร้ังนี้ เปนท้ังเชิงทฤษฎีและงานวิจัยเชิงประจักษท่ีช้ีใหเห็นวา การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย ข้ึนอยูกับการตัดสินใจใชฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย ความเช่ือในฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม ท่ีมีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ผูวิจัยจึงไดเขียนโครงสรางความสัมพันธของตัวแปร ดังภาพ 1

ภาพ 1 โครงสรางความสัมพันธของตัวท่ีใชในการศึกษา

ปจจัยทางชีวสังคม

(BIOSO) - อายุ (AGE) - เพศ (GENDER) - สถานภาพสมรส(MSTATUS) -สถานะทางเศรษฐกิจและ สังคม (SES.)

ความเช่ือในฮวงจุย

(BELIEF) - โชคชะตา (FORTUNEW) - ทําเล/ธาตุท้ัง5 (ELEMORIE)

ทัศนคติตอฮวงจุย (ATTITUDE)

- กฎธรรมชาติ (NATURE) -ความมีเหตุผล (RATIONAL) -การยอมรับศาสตรฮวงจุย (ACCEPT)

การตัดสินใจใชฮวงจุย

(DECISION) - ความคาดหวัง(EXPECT) - ขอมูลขาวสาร (INFORM)

การปฏิบัติตามฮวงจุย

(PRACTICE) -จากประสบการณ (EXPERIEN) - จากการฝกอบรม (TRAINING)

คุณภาพชีวิต

ท่ีดีขึ้น (BETERQOL)

Page 13: Faculty member's Article

13

ภาพ 1 แสดงใหเห็นวาการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย (PRACTICE) จะมีมากนอยเพียงใดข้ึนอยูกับปจจัยหลัก 4 ปจจัยไดแก (ก) การตัดสินใจใชฮวงจุย (DECISION) ท่ีประกอบดวย ดานความคาดหวัง(EXPECT) และดานขอมูลขาวสาร (INFORM) (ข) ทัศนคติตอฮวงจุย (ATTITUDE) ท่ีประกอบดวย กฎธรรมชาติ (NATURE) ความมีเหตุผล (RATIONAL) และการยอมรับศาสตรฮวงจุย (ACCEPT) (ค) ความเช่ือในฮวงจุย (BELIEF) ท่ีประกอบดวย ดานโชคชะตา (FORTUNEW) ดานทําเล/ธาตุท้ัง 5 (ELEMORIE) และ(ง) ปจจัยทางชีวสังคมท่ีประกอบดวย อายุ (AGE) เพศ(GENDER) สถานภาพสมรส(MSTATUS) และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม (SES)

ในขณะเดียวกันการตัดสินใจใชฮวงจุย (DECISION) จะมีมากนอยเพียงใดข้ึนอยูกับปจจัยหลัก 3 ปจจัยไดแก (ก) ทัศนคติตอฮวงจุย (ATTITUDE) ท่ีประกอบดวยกฎธรรมชาติ (NATURE) ความมีเหตุผล (RATIONAL) และการยอมรับศาสตรฮวงจุย (ACCEPT) (ข) ความเช่ือในฮวงจุย (BELIEF) ท่ีประกอบดวย ดานโชคชะตา (FORTUNEW) ดานทําเล/ธาตุท้ัง 5 (ELEMORIE) และ (ค) ปจจัยทางชีวสังคมท่ีประกอบดวย อายุ (AGE) เพศ (GENDER) สถานภาพสมรส (MSTATUS) และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม (SES)

สําหรับการทัศนคติตอฮวงจุย (ATTITUDE) จะมีมากนอยเพียงใดข้ึนอยูกับปจจัยหลัก 2 ปจจัย ไดแก (ก) ความเช่ือในฮวงจุย (BELIEF) ท่ีประกอบดวย ดานโชคชะตา (FORTUNEW) ดานทําเล/ธาตุท้ัง 5 (ELEMORIE) และ (ข) ปจจัยทางชีวสังคมที่ประกอบดวย อายุ (AGE) เพศ (GENDER) สถานภาพสมรส (MSTATUS) และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม (SES)

นอกจากนี้ความเช่ือในฮวงจุย (BELIEF) จะมีมากนอยเพยีงใดข้ึนอยูกับปจจัยทางชีวสังคมไดแก อาย ุ(AGE) เพศ (GENDER) สถานภาพสมรส (MSTATUS) และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม (SES) สมมุติฐานการวิจัย และสมการโครงสราง: สามารถเขียนเปนสมมุติฐานการวิจัยไดดังตอไปนี้

(1) การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ การตัดสินใจใชฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย ความเช่ือในฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม

(2) การตัดสินใจใชฮวงจุยข้ึนอยูกับ ทัศนคติตอฮวงจุย ความเช่ือในฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม (3) ทัศนคติตอฮวงจุยข้ึนอยูกับ ความเช่ือในฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม (4) ความเช่ือในฮวงจุยข้ึนอยูกับ ปจจัยทางชีวสังคม (5) การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยมีผลทําใหคุณภาพชีวติท่ีดีข้ึน จะใชแนวทางการวิจยัเชิงคุณภาพ

ระเบียบวิธีการวิจัย 1. แนวทางและวิธีการวิจัย ประกอบไปดวย แนวทางการวิจัยเชิงปริมาณ และแนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ 1.1 แนวทางเชิงคุณภาพ (qualitative approach): ผูวิจัยไดใชวิธีการสัมภาษณเจาะลึก (in-depth interview) ท่ีเนนประเด็นเร่ือง สาเหตุและผลลัพธจากการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย การตัดสินใจใชฮวงจุยในการปรับเปลี่ยนท่ีอยูอาศัย ทัศนคติตอฮวงจุย และความเช่ือในฮวงจุยโดยใชวิธีการสัมภาษณแบบเจาะลึกจาก

Page 14: Faculty member's Article

14

บุคคลท่ีเกี่ยวของ 3 กลุม ไดแก (1) หัวหนาครัวเรือน ผู ท่ีอยูอาศัยในบานเด่ียวท่ีใชฮวงจุยปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยแลว จํานวน 10 ราย (2) ซินแสผูเช่ียวชาญดานฮวงจุยจํานวน 10 ราย และ (3) กลุมวิชาชีพวิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากร ท่ีทําหนาท่ีออกแบบบานและท่ีอยูอาศัย จํานวน 10 ราย รวมท้ังส้ิน 30 ราย ท่ีอาศัยอยูในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล การศึกษาวิจัยคร้ังนี้ผูวิจัยทําการวิเคราะหขอมูลเชิงคุณภาพ โดยใชโปรแกรม ATLAS.ti มาสรางแบบจําลองความสัมพันธ 1.2 แนวทางเชิงปริมาณ (quantitative approach): ผูวิจัยใชวิธีการเก็บขอมูลจากแบบสอบถามและการสัมภาษณดวยแบบสอบถาม จากหัวหนาครัวเรือนผูท่ีอยูอาศัยในบานเดี่ยวในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ซ่ึงประกอบดวยมาตรวัดตัวแปรหลักท่ีมีอยูในกรอบแนวความคิดทุกตัว และเม่ือไดขอมูลมาแลวจะนําไปวิเคราะหถดถอยพหุแบบเชิงช้ัน (hierarchical regression analysis) และการวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ (path analysis)ในดานการวิเคราะหขอมูลไดใชโปรแกรมสําเร็จรูป ในการหาคาสถิติตางๆ ท้ังสถิติเบ้ืองตนและสถิติวิเคราะห โดยมีการทดสอบความเช่ือถือได (reliability test) ของมาตรวัดของตัวแปรตางๆกอนนําไปใชจริง และไดแปลงขอมูลเพื่อนําไปวิเคราะหดวยโปรแกรมสําเร็จรูปทางสังคมศาสตร 2. ประชากรเปาหมาย และการสุมตัวอยางประชากร

2.1 ประชากรเปาหมายของการวิจัยเชิงคุณภาพ: การวิจัยคร้ังนี้ ผูวิจัยใชวิธีการสัมภาษณเจาะลึกประชากรเปาหมาย คือ (ก) ซินแส ผูท่ีมีความรูและประสบการณเกี่ยวกับศาสตรฮวงจุย ซ่ึงเปนผูท่ีใหคําแนะนําเกี่ยวกับการใชฮวงจุยปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย จํานวน 10 ราย (ข) วิศวกร สถาปนิก และมัณฑนากร ผูท่ีมีวิชาชีพออกแบบท่ีอยูอาศัย จํานวน 10 ราย และ (ค) หัวหนาครัวเรือนท่ีใชฮวงจุยปรับเปลี่ยนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยแลว จํานวน 10 ราย รวมท้ังส้ิน 30 ราย

2.2 ประชากรเปาหมายของการวิจัยเชิงปริมาณ: หัวหนาครัวเรือนเปนหนวยวิเคราะหของการวิจัยคร้ังนี้ เปนหัวหนาครัวเรือนท่ีกําลังตัดสินใจจะซ้ือหรือปลูกบาน และผูท่ีอยูอาศัยในหมูบานจัดสรรหรือบานท่ีปลูกแลว ซ่ึงอาจจะเปนผูท่ีใชหรือไมไดใชฮวงจุยปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยก็ได หรือเปนผูท่ีใชฮวงจุยปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยแลว โดยใหกลุมเปาหมายตอบแบบสอบถาม จํานวน 535 ราย 3. การสุมตัวอยาง

3.1 การวิจัยเชิงคุณภาพ: การสุมตัวอยางสําหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผูวิจัยใชเทคนิควิธีการแบบ บอลลหิมะ (snowball sampling) ใชในกรณีท่ีหนวยท่ีจะศึกษายากตอการเขาถึง หรือท่ีไมทราบพฤติกรรมของเขาท่ีผูวิจัยสนใจจะศึกษา ซ่ึงผูวิจัยตองการใหไดจํานวนอยางนอย 30 คน ซ่ึงพอแกการวิจัยเชิงคุณภาพ

ในกลุมประชากรที่สุมตัวอยางมาใชในการศึกษาคร้ังนี้คือ ผูวิจัยจะตองหาตัวอยางแรกใหได โดยเร่ิมจากผูท่ีมีความรู ความสมารถใหคําแนะนําในการใชฮวงจุยคือ ซินแส โดยการสัมภาษณเจาะลึกและใหซินแสชวยแนะนําวามีใครบาง ท่ีไดทําการปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุยไปแลว ผูวิจัยจึงเขา

Page 15: Faculty member's Article

15

ไปสัมภาษณเจาะลึกบุคคลท่ีซินแสและสถาปนิกแนะนํามา ซ่ึงมีคุณสมบัติท่ีผูวิจัยตองการศึกษาใหไดอีก 1 คน 2 คน 3 คน หรือมากกวา หลังจากนั้นขอใหคนท่ีไดถูกสัมภาษณไปแลว ชวยแนะนําคนมาเพิ่มอีกคนละ 1 คน 2 คน หรือ 3 คน จนไดจํานวนตัวอยางมากพอ ในกระบวนการวิจัยผูวิจัยจะตองเก็บขอมูลจากบุคคลแรกใหครบถวนตามท่ีตองการ แลวจึงเก็บขอมูลจากบุคคลชุดท่ีสองใหครบถวน ทําเชนนี้ไปทุกชุดจนครบตามท่ีตองการ (สุชาติ ประสิทธ์ิรัฐสินธุ, 2546) การสัมภาษณเจาะลึกประชากรตัวอยางจํานวน 30 คน ซ่ึงขอมูลบันทึกไวได ผูวิจัยสัมภาษณประชากรสามกลุมคือ (1) หัวหนาครัวเรือน จํานวนสิบคน ประกอบอาชีพเจาของกิจการ พนักงานธนาคาร แมบาน ขาราชการบํานาญ นักวิชาการปาไม ผูรับเหมา วิศวกรโรงงาน และลูกจางของรัฐ ประชากรกลุมนี้มีอายุตํ่าสุด 29 ป อายุสูงสุด 67 ป (2) ซินแส รวมสิบคนประกอบดวย วิศวกรโยธา ธุรกิจสวนตัว รับราชการ อาจารยพิเศษ พนักงานบริษัท คนดูดวงชะตา วิศวกร และหมอดูเลข 7 หลัก (3) กลุมวิศวกร/มัณฑนากร / สถาปนิก รวมสิบคน ประกอบดวยมัณฑนากรส่ีคน สถาปนิกส่ีคน และวิศวกรโยธาสองคน

3.2 การวิจัยเชิงปริมาณ: ผูวิจัยจึงจําเปนตองทําการสุมตัวอยางตัวแทนประชากรเปาหมาย โดยใชการสุมตัวอยางแบบหลายข้ันตอน (multi-stage sampling) ซ่ึงเปนการสุมตัวอยางตามโอกาสทางสถิติ เพื่อใหเปนตัวแทนของประชากรเปาหมาย ทําการสุมตัวอยางในระดับหมูบานจัดสรร ท่ีอาศัยอยูในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล และในระดับครัวเรือน ซ่ึงมีรายละเอียดดังตอไปนี้

ในระดับหมูบาน ทําการสุมหมูบานจัดสรร ท่ีมีหัวหนาครัวเรือนท่ีอาจจะใชหรือไมใชศาสตรฮวงจุยในเลือกซ้ือบาน หรือมีการปรับเปล่ียนท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย ในการสุมคร้ังนี้ไดจํานวนหมูบานจัดสรรท่ีเปนตัวอยาง 55 หมูบาน

ในระดับครัวเรือน ทําการสุมครัวเรือนจากหมูบาน หมูบานละ 10 ครัวเรือน โดยการทําตารางบัญชีรายช่ือครัวเรือนจากขอมูลสํานักงานโครงการหมูบาน ได 550 ครัวเรือน

4.การสรางมาตรวัด และการทดสอบความเชื่อถือไดของมาตรวัด ตัวแปรหลักท่ีใชในการศึกษาคร้ังนี้ประกอบดวย

4.1 ความเช่ือในฮวงจุย ( ฺBELIEF) จํานวนขอคําถาม 12 รายการ คาความเช่ือถือไดของมาตรวัดอยูในระดับสูงมาก โดยมีคาสัมประสิทธ์ิอัลฟา (Cronbach’s alpha) เทากับ .837

4.2 ทัศนคติตอฮวงจุย (ATTITUDE) จํานวนขอคําถาม 12 รายการ คาความเช่ือถือไดของมาตรวัดอยูในระดับสูง โดยมีคาสัมประสิทธ์ิอัลฟา (Cronbach’s alpha) เทากับ .726 4.3 การตัดสินใจใชฮวงจุย (DECESION) จํานวนขอคําถาม 12 รายการ คาความเช่ือถือไดของมาตรวัดอยูในระดับสูงมาก โดยมีคาสัมประสิทธ์ิอัลฟา (Cronbach’s alpha) เทากับ .940

Page 16: Faculty member's Article

16

4.4 การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย (PRACTICE) จํานวนขอคําถาม 20 รายการ คาความเช่ือถือไดของมาตรวัดอยูในระดับสูง โดยมีคาสัมประสิทธ์ิอัลฟา (Cronbach’s alpha) เทากับ .780

5.วิธีการวิเคราะหขอมูล ในการวิเคราะหขอมูลผูวิจัยใชสถิติพรรณนา เทคนิคการวิเคราะหถดถอยพหุเชิงช้ัน และการวิเคราะหเสนทาง (ความสัมพันธ) สําหรับการวิเคราะหถดถอยพหุเชิงช้ัน ผูวิจัยมีวัตถุประสงคเพื่อตองการศึกษาอิทธิพลของแตละกลุมตัวแปรอิสระวามีผลตอตัวแปรตามมากนอยเพียงใด

5.1 วิเคราะหถดถอยพหุเชิงชัน้(hierarchical regression analysis) การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย: การใชฮวงจุยในการแกปญหาเกี่ยวกับทําเลที่ต้ัง และสภาพแวดลอมให

มีความสมดุลเพื่อกระตุนพลังช่ี ซ่ึงการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย เปนเร่ืองของการสังเกตธรรมชาติท่ีสรางความ สมดุลใหเกดิข้ึนในท่ีอยูอาศัย และสามารถเปล่ียนแปลงการดําเนินชีวิตดีข้ึน (Yu, 2005; Chang, 2007) สมมติฐานการวิจัย: จากกรอบแนวคิดไดมีสมมติฐานของการวิจยั เปนแบบจําลองสําหรับการวิเคราะห (models of analysis) ดังตอไปนี ้

สมมติฐานท่ี 1: การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ ปจจัยทางชีวสังคม PRACTICE = d0 + d1 AGE + d2 SEX + d3 SES + d4 STATUS .......……..……(1) สมมติฐานท่ี 2: การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ ปจจัยทางชีวสังคมและความเช่ือในฮวงจุย ดังสมการ PRACTICE = d5 + d6 AGE + d7 SEX + d8 SES + d9 STATUS +

d10 FORTUNEW + d11 ELEMORIE ......……..……(2) สมมติฐานท่ี 3: การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ ปจจัยทางชีวสังคมและความเช่ือในฮวงจุย และ ทัศนคติตอฮวงจุย ดังสมการ

PRACTICE = d12 + d13 AGE + d14 SEX + d15 SES + d16 STATUS + d17 FORTUNEW+ d18 ELEMORIE + d19 NATURE + d20 RATIONAL + d21 ACCEPT ..…….(3) สมมติฐานท่ี 4: การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ ปจจัยทางชีวสังคมและความเช่ือในฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุย ดังสมการ PRACTICE = d22 + d23 AGE + d24 SEX + d25 SES + d26 STATUS + d27 FORTUNEW +

d28 ELEMORIE + d29 NATURE + d30 RATIONAL + d31 ACCEPT + d32 EXPINFOM ................……(4)

การวิเคราะหถดถอยแบบเชิงช้ันการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย ตามแบบจําลอง 1 ปรากฏวา ปจจยัทางชีวสังคมมีความสัมพันธตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยนอยมากเพยีงรอยละ 2 แตมีเพียงดานสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมเทานั้น ท่ีมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย อยางมีนยัสําคัญทางสถิติ (ตาราง 1)

Page 17: Faculty member's Article

17

ตาราง 1 การวิเคราะหถดถอยแบบเชิงช้ันการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย __________________________________________________________________________________ ตัวแปร แบบจําลอง 1 แบบจําลอง 2 แบบจําลอง 3 แบบจําลอง 4 __________________________________________________________________________________ ปจจัยทางชีวสังคม อายุ -.01 -.01 -.006 -.001 (-.18) (-.18) (-.12) (-.01) เพศ (1 = ชาย) -.99 -1.00 -1.08 -1.08 (-.96) (-.95) (-1.02) (-1.02) สถานะเศรษฐกิจและสังคม .06** .06*** .06** .06** (2.62) (2.58) (2.52) (2.49) สถานภาพสมรส (1 = โสด) 1.34 1.40 1.33 1.24 (1.09) (1.08) (1.07) (1.01) ความเชื่อในฮวงจุย ดานโชคชะตา -.002 -.03 -.07 (-.02) (-.29) (-.72) ดานทําเลและธาตุท้ัง5 -.002 -.03 -.07 (-.02) (-.43) (-.85) ทัศนคติตอฮวงจุย ดานกฎธรรมชาติ .04 .07 (.41) (.74) ดานความมีเหตุผล .07 .03 (.36) (.25) ดานการยอมรับศาสตรฮวงจุย .04 -.05 (.41) (-.38) การตัดสินใจใชฮวงจุย ดานขอมูลและความคาดหวงั .09* (2.02) __________________________________________________________________________________ คาคงท่ี 5.99 6.08 4.81 4.01 (2.71) (2.24) (1.41) (1.17) R2 .02 .02 .02 .03 SEE 11.50 11.52 11.54 11.51 F 2.08 1.38 1.00 1.31 Sig. F .08 .22 .44 .22 __________________________________________________________________________________ หมายเหตุ ในวงเล็บ คือ คา t

Page 18: Faculty member's Article

18

เม่ือไดนําความเช่ือในฮวงจุยเขารวมวิเคราะห ตามแบบจําลอง 2 พบวา ความเช่ือในฮวงจุยมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยเทาเดิมคือรอยละ 2 และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ยังคงมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยตอไป ในตอนท่ีสาม เม่ือไดนําทัศนคติตอฮวงจุยเขารวมวิเคราะหตามแบบจําลอง 3 ปรากฏวา ทัศนคติตอฮวงจุยมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยยังคงเทาเดิมคือรอยละ 2 และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยตอไป แตความเช่ือในฮวงจุย และทัศนคติตอฮวงจุย ซ่ึงประกอบดวยดานกฎธรรมชาติ ดานความมีเหตุผล และดานการยอมรับศาสตรฮวงจุยไมมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยเลย (ตาราง 1)

ในตอนท่ีส่ี เม่ือไดนําปจจัยดานการตัดสินใจใชฮวงจุยเขามาวิเคราะหรวมดวยตามแบบจําลอง 4 พบวา การตัดสินใจใชฮวงจุยมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยเพิ่มข้ึนคือ รอยละ 3 แตการตัดสินใจใชฮวงจุย ดานขอมูลและความคาดหวังมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ และปจจัยทางชีวสังคมคือ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยตอไป โดยสรุปปจจัยทางชีวสังคมมีผลมากกวาการตัดสินใจใชฮวงจุย แตความเชื่อในฮวงจุย และทัศนคติตอฮวงจุยไมสงผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย

สรุปและการตีความผลการวิเคราะห จากการศึกษาแสดงใหเห็นวา สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมสงผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย กลาวคือการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยของประชากรที่ตกเปนกลุมตัวอยาง จะตองมีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงประกอบดวย รายได การศึกษา และอาชีพอยูในระดับสูง จะมีการปฎิบัติตามศาสตรฮวงจุยมากกวาคนท่ีมีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอยูในระดับลาง ท้ังนี้อาจเปนเพราะวาในปจจุบันการเรียนศาสตรฮวงจุยเปนผูท่ีมีการศึกษาสูง เพื่อตองการพิสูจนหลักวิชาแลวนําไปใชไดจริง และการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย จะสงผลถึงคุณภาพชีวิตใหดีข้ึน นอกจากนี้รายไดท่ีสูงยังเปนอีกหนึ่งปจจัย ท่ีมีอํานาจเลือกซ้ือท่ีอยูอาศัยดานทําเลที่ต้ัง ขนาด และของรูปแบบบาน ตลอดจนส่ิงอํานวยความสะดวกอ่ืนๆท่ีดีไดอีกดวย (Vogt & Marans, 2004)

อยางไรก็ตามการตัดสินใจใชฮวงจุย ดานขอมูลและความคาดหวังมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยดวย กลาวคือขอมูลของฮวงจุยและความคาดหวัง จะมีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีมีการเปล่ียนแปลงท่ีดีข้ึน ซ่ึงสอดคลองกับแนวคิดของนักวิชาการบางกลุม ในประเด็นท่ีวา การใชขอมูลขาวสารประกอบการตัดสินใจเลือกทําเลท่ีต้ังโครงการ ท่ีมีสาธารณูปโภคและส่ิงอํานวยความสะดวกสบาย ความสวยงาม และรสนิยมท่ีตรงกับความตองการของตนเองและครอบครัว ท้ังนี้การการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยจึงตองอาศัยขอมูลขาวสารดังกลาวขางตน โดยมีความคาดหวังวาฮวงจุยจะทําใหการดําเนินชีวิตของตนเองและสมาชิกในครอบครัวไดรับโชคลาภ มีสุขภาพที่ดี มีความรํ่ารวยม่ังค่ัง ประสบความสําเร็จ มีความเจริญม่ันคง และครอบครัวมีความสุข หลังจากปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุยแลวทําใหมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน (Jeffrey, 2000; Jurock, 2002; Wright, 2003; Grossman, 2005; Wijaya, 2005; Sagar, 2005; Ashdown, 2007)

Page 19: Faculty member's Article

19

5.2 การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ (path analysis): การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธระหวางตัวแปรตางๆ จากกรอบแนวความคิดตามสมมติฐานท่ีต้ังไว การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยข้ึนอยูกับ การตัดสินใจใชฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย ความเช่ือในฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม ดังภาพ 2

ภาพ 2 แบบจําลองการวิเคราะหเสนทางความสัมพันธท่ีมีนัยสําคัญระหวางตัวแปรตางๆ กับการปฏิบัติ ตามศาสตรฮวงจุย

ตาราง 2 ผลทางตรงและทางออมของตัวแปรอิสระท่ีมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย (514 ราย)

เชิงสาเหตุและผล ตัวแปรท่ีมีผลตอ การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย

ทางตรง ทางออม รวม

- การตัดสินใจใชฮวงจุย - ทัศนคติตอฮวงจุย - ความเช่ือในฮวงจุย

0.128 -

-

-

0.031

0.092

0.128

0.031

0.092 - เพศ

-

-0.004

-0.004

- สถานะเศรษฐกิจและสังคม

0.111

-

0.111

__________________________________________________________________________________

Page 20: Faculty member's Article

20

จากตาราง 2 พบวา สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และการตัดสินใจใชฮวงจุยของหัวหนาครัวเรือนมีผลทางตรงตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย สวนทัศนคติตอฮวงจุยของหัวหนาครัวเรือนมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยโดยผานการตัดสินใจใชฮวงจุย สําหรับความเช่ือในฮวงจุยของหัวหนาครัวเรือนมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย โดยผานการตัดสินใจใชฮวงจุย และนอกจากนี้ความเชื่อในฮวงจุยยังมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยโดยผานทัศนคติตอฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุยดวยเชนกัน

หัวหนาครัวเรือนท่ีเปนหญิงท่ีมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยโดยผานความเช่ือในฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุย และเพศหญิงยังมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย โดยผานทัศนคติตอ ฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุย นอกจากนี้หัวหนาครัวเรือนเพศหญิงยังมีผลทางออมตอการปฏิบัติตามศาสตร ฮวงจุย โดยผานความเช่ือในฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุยนี้ดวย

จากการวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ มีความสอดคลองกับแนวคิดของนักวิชาการบางกลุม ท่ีไดใหทัศนะเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินใจของหัวหนาครัวเรือนในการเลือกซ้ือหรือปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัยตามศาสตรฮวงจุย โดยหัวหนาครัวเรือนมีความคาดหวังวาฮวงจุย จะทําใหตนเองและสมาชิกในครอบครัวมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนกวาเดิม (Dumfries, 2005; Foster, 2005; Kerns, 2005; Speer, 2005; Trubner–Kent, 2005; Weber, 2005) และมีการใชขอมูลขาวสารทางดานศาสตรฮวงจุย มาใชประกอบกับการพิจารณาในการตัดสินใจใชฮวงจุยปรับเปล่ียนท่ีอยูอาศัย นอกจากนี้การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยยังตองเปนผูท่ีมีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีสูงดวย

6. สรุปขอคนพบ ตามกรอบแนวความคิดท่ีไดมีการนําเสนอไปแลว ไดต้ังแบบจําลองสําหรับการวิเคราะหไว ไดดังตอไปนี ้

การทดสอบสมมติฐานท่ี 1 ท่ีกําหนดวา การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย ข้ึนอยูกับปจจัยทางชีวสังคม ความเช่ือในฮวงจุย ทัศนคติตอฮวงจุย และการตัดสินใจใชฮวงจุย ผลจากการวิเคราะหถดถอยแบบเชิงช้ันพบวา ปจจัยทางชีวสังคม ดานสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมสงผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย กลาวคือการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย จะตองมีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอยูในระดับสูง ท้ังนี้อาจเปนเพราะวารายไดท่ีสูงยังเปนอีกหนึ่งปจจัยท่ีมีอํานาจเลือกซ้ือท่ีอยูอาศัยนั้น ดานทําเลที่ต้ัง ขนาดและของรูปแบบบาน ตลอดจนส่ิงอํานวยความสะดวกอ่ืนๆท่ีดีไดอีกดวย

อยางไรก็ตามการตัดสินใจใชฮวงจุยในดานขอมูลและความคาดหวังสงผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยดวย กลาวคือขอมูลของฮวงจุยและความคาดหวังจะมีผลตอการเปล่ียนแปลงท่ีดีข้ึนของชีวิต ซ่ึงสอดคลองกับแนวคิดของนักวิชาการบางกลุมในประเด็นท่ีวา การใชขอมูลขาวสารประกอบการตัดสินใจเลือกทําเลท่ีต้ังโครงการ ท่ีมีสาธารณูปโภคและส่ิงอํานวยความสะดวกสบาย ความสวยงาม และรสนิยมท่ีตรงกับความตองการของตนเองและครอบครัว

Page 21: Faculty member's Article

21

ขอคนพบดังกลาวสอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกของหัวหนาครัวเรือน คิดวาฮวงจุยมีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุย โดยเฉพาะการที่จะซ้ือบานหลังแรกจะมีความระมัดระวังมาก และตองการบานท่ีดีท่ีสุดสําหรับครอบครัว

การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ ผลปรากฏวา การตัดสินใจใชฮวงจุย และปจจัยทางชีวสังคม ดานสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย โดยทัศนคติตอฮวงจุย ความเช่ือในฮวงจุย อายุ เพศ และสถานภาพสมรสไมมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยเลย

การตัดสินใจใชฮวงจุยมีผลตอการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย กลาวคือความคาดหวังและขอมูลขาวสารของฮวงจุยจะมีผลตอการเปล่ียนแปลงของชีวิตท่ีดีข้ึน ซ่ึงขอคนพบนี้สอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกของหัวหนาครัวเรือนคิดวากอนซ้ือบานจะตองตรวจดูฮวงจุยหลายคร้ังและมีคาใชจายสูง

การทดสอบสมมติฐานท่ี 2 ท่ีกําหนดวา การตัดสินใจใชฮวงจุยข้ึนอยูกับปจจัยทางชีวสังคม ความเช่ือในฮวงจุย และทัศนคติตอฮวงจุย

ผลจากการวิเคราะหถดถอยแบบเชิงช้ัน ปรากฏวาความเช่ือในฮวงจุย ซ่ึงประกอบดวยดานโชคชะตา และดานทําเลและธาตุท้ัง 5 โดยมีความเช่ือในดานโชคชะตามีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุยมากกวาดานทําเลและธาตุท้ัง 5 ทัศนคติเกี่ยวกับการยอมรับศาสตรฮวงจุยมีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุยดังกลาวขางตน สอดคลองกับแนวคิดท่ีเปนสากลของนักวิชาการหลายทาน(Lim, 2003; Too, 2006; Wade, 2007) ในการยอมรับศาสตรทางดานนี้อันเนื่องมาจากอิทธิพลของส่ือตางๆ ส่ิงแวดลอมและสังคม ตลอดจนครอบครัวท่ีเปนปจจัยกระตุนและสนับสนุนใหเกิดการยอมรับและตัดสินใจใชฮวงจุย

ขอคนพบดังกลาวสอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกของหัวหนาครัวเรือนอาชีพเปนนักวิชาการปาไม (อายุ 34 ป) ท่ีคิดวามีการยอมรับในศาสตรฮวงจุยกันอยางแพรหลายมากข้ึนจึงมีผลตอการตัดสินใจในการปรับ เปล่ียนท่ีอยูอาศัย อยางไรก็ตามกฎธรรมชาติมีอิทธิพลตอทัศนคติท่ีจะทําใหกลุมตัวอยางตอการตัดสินใจใชฮวงจุย ซ่ึงสอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกของหมอดูดวงเลข 7 ตัวพมาและดูฮวงจุย (อายุ 54 ป) คิดวาฮวงจุยมีผลตอการตัดสินใจเลือกท่ีอยูอาศัย และแนะนําใชหลักธรรมชาติใหกับคนท่ีมาปรึกษาตลอด

ในขณะท่ีทัศนคติตอฮวงจุยดานความมีเหตุผลไมมีอิทธิพลตอการตัดสินใจใชฮวงจุย ท้ังนี้อาจเนื่องมา จากความเช่ือในเร่ืองฮวงจุย เชน การติดกระจกแปดเหล่ียม เพื่อสะทอนความชั่วรายไมจําเปนตองอาศัยเหตุผลหรือความเปนตรรกที่จะชวยในการตัดสินใจในการใชศาสตรฮวงจุยในการปรับเปล่ียนท่ีอยูอาศัย เพื่อใหเกิดคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน

การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ ผลปรากฏวา สามารถอธิบายการผันแปรของการตัดสินใจใชฮวงจุยไดมากถึงรอยละ 56 โดยมีทัศนคติตอฮวงจุย และความเช่ือในฮวงจุยมีผลตอการการตัดสินใจใชฮวงจุย กลาวคือการตัดสินใจใชฮวงจุยของประชากรท่ีตกเปนกลุมตัวอยางมีทัศนคติท่ีดีตอฮวงจุยและความเช่ือในฮวงจุยมาก แตปจจัยทางชีวสังคมไมมีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุยเลย

Page 22: Faculty member's Article

22

ขอคนพบนี้สอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกวิศวกร ท่ีเห็นวาฮวงจุยมีผลตอการตัดสินใจเลือกท่ีอยูอาศัยมาก เพราะเช่ือศาสตรนี้ 100% จากการศึกษาเองและเขารับการฝกอบรมตลอดมา และไดรับรูจากส่ือตางๆ บานท่ีอยูอาศัยในปจจุบันก็ใชบริการซินแสกอนซ้ือ และมีการปรับเปล่ียนประตูบาน จัดหองนอน ปรับหองสวมตามท่ีซินแสแนะนํามาดวย

การทดสอบสมมติฐานท่ี 3 ท่ีกําหนดวา ทัศนคติตอฮวงจุยข้ึนอยูกับปจจัยทางชีวสังคม และความเช่ือในฮวงจุย

ผลจากการวิเคราะหถดถอยแบบเชิงช้ัน ปรากฏวา ปจจัยทางชีวสังคม อันไดแก อายุ เพศ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และสถานภาพสมรส และดานความเช่ือในศาสตรฮวงจุย ซ่ึงประกอบดวย ดานโชคชะตา และทําเลและธาตุท้ัง 5 สงผลตอทัศนคติท่ีดีตอฮวงจุย พบวาเพศชายมีทัศนคติท่ีดี และหากมีความเชื่อในดานโชคชะตา และทําเลและธาตุท้ัง 5 ดวยแลว ก็จะมีทัศนคติท่ีดีตอฮวงจุยมากยิ่งข้ึน นอกจากนี้ความเช่ือในฮวงจุย คือ ปจจัยทําเลและธาตุท้ัง5 สามารถอธิบายไดมากกวาปจจัยดานโชคชะตา

การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ ผลปรากฏวา อธิบายการผันแปรของตัวแปรทัศนคติตอฮวงจุยไดมากถึงรอยละ 58 โดยความเช่ือในฮวงจุย และเพศมีผลตอทัศนคติท่ีดีตอศาสตรฮวงจุยกลาวคือ ผูชายมีทัศนคติตอฮวงจุยท่ีดีมาก ซ่ึงขอคนพบนี้สอดคลองกับการสัมภาษณเจาะลึกของผูรับเหมา ท่ีคิดวาตนเองมีทัศนคติท่ีดีตอ ฮวงจุยมาก ในการปรับเปล่ียนบานท่ีอยูปจจุบันกําลังตอเติมใหมก็จะปรึกษาซินแสตลอด แตอายุ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม และสถานภาพสมรสไมมีผลตอการตัดสินใจใชฮวงจุยเลย

การทดสอบสมมติฐานท่ี 4 ท่ีกําหนดวา ความเช่ือในฮวงจุยข้ึนอยูกับปจจัยดานทางชีวสังคม ผลจากการวิเคราะหถดถอยพหุพบวา เพศมีผลตอความเช่ือในฮวงจุย โดยท่ีผูหญิงมีแนวโนมในความ

เช่ือศาสตรฮวงจุยมากกวาผูชาย การวิเคราะหเสนทางความสัมพันธ ผลปรากฏวา เพศมีผลตอความเช่ือในฮวงจุย กลาวคือผูหญิงมีความ

เชื่อในฮวงจุยมากกวาผูชาย การทดสอบสมมติฐานท่ี 5: การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยมีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ผลจากการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณเจาะลึกประชากรเปาหมายท้ัง 3 กลุมพบวา ผลลัพทจาก

การปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุยมีผลตอคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน ท่ีครอบคลุมท้ัง 4 มิติ คือ - ดานสุขภาพ - ดานครอบครัว - ดานหนาท่ีการงาน และ - ดานสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน

Page 23: Faculty member's Article

23

7. ขอเสนอแนะ ในการวิจัยคร้ังนี้ไดแบงขอเสนอแนะออกเปนสองหัวขอใหญๆ คือ 7.1. ขอเสนอแนะเชิงปฏิบัติ จากการศึกษาพบวา

7.1.1 ขอคนพบที่ชัดเจนจากการศึกษาวิจัยนี้ เสนอตอรัฐบาลหรือหนวยงานท่ีรับผิดชอบดานคุณภาพชีวิตของประชาชน เชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย การเคหะแหงชาติ และ สํานักพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต โดยนําไปเขียนบทความ เอกสาร ตํารา และจัดทําหนังสือ เพื่อทําการเผยแพรตอสาธารณชนและประชาชนท่ีกําลังตัดสินใจเลือกซ้ือบานหรือปลูกบาน ใชเปนแนวทางในการปฏิบัติปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมบานท่ีอยูอาศัยอยางถูกตองและเหมาะสมกับชีวิตและครอบครัว

7.1.2 กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย สามารถนําขอคนพบท่ีไดจากการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ในดานสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย ไปประยุกตใชกับโครงการจัดวางระบบสาธารณูปโภคเพ่ือชุมชน

7.1.3 สถาบันการศึกษาท่ีมีการเรียนการสอน และการทําวิจัยในหลักสูตรวิชาสถาปตยกรรมศาสตร สามารถนําขอคนพบที่เปนเชิงประจักษและเปนวิทยาศาสตรจากการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ ทําเปนตําราเกี่ยวกับศาสตรฮวงจุยสําหรับการออกแบบที่อยูอาศัยตามหลักวิชาการ ใหกับนักศึกษาและประชาชนที่สนใจ เพื่อนําไปเปนกระบวนการเรียนรูและถายทอดองคความรู 7.2 ขอเสนอแนะเชิงวิชาการ

7.2.1 ควรมีการทําวิจัย หรือคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพึงพอใจและประสิทธิผลของการใชศาสตร ฮวงจุยทางดานอ่ืนๆ เชน ฮวงจุยสําหรับธุรกิจและสํานักงาน หรือฮวงจุยในอสังหาริมทรัพย เพื่อทําการศึกษาเปรียบเทียบกับการวิจัยนี้ท่ีเนนเฉพาะท่ีอยูอาศัย

7.2.2 ควรมีการศึกษาดานสภาวะจิตวิสัยเชิงวิทยาศาสตร ดวยวิธีวิทยาคิว (Q Methodology) ซ่ึงจะไดความคิดเห็นท่ีเปนขอเท็จจริงจากผูท่ีเกี่ยวของโดยตรง ท่ีสามารถจําแนกแนวคิดและพฤติกรรมเชิงจิตวิทยาสําหรับการสรางมาตรวัดตางๆ เพื่อใหเกิดความหลากหลาย และเปนการเพ่ิมเนื้อหาสาระเชิงวิชาการในรูปแบบใหมท่ีแตกตางในดานการวิเคราะห และการประมวลผล ทําใหเปนประโยชนตอวงการวิจัยมากยิ่งข้ึน

7.2.3 ควรมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมถึงปญหา อุปสรรค และผลลัพธตางๆที่สามารถอธิบายการปฏิบัติตามศาสตรฮวงจุย เชน ดานความยากงายในการปรับเปล่ียนตามหลักฮวงจุย หรือดานงบประมาณ หรือดานระยะเวลาที่เห็นผล หรือประสิทธิผลจากการใชฮวงจุยปรับเปล่ียนสภาพแวดลอมท่ีอยูอาศัย เปนตน เพื่อใหเกิดความชัดเจนมากยิ่งข้ึนในการปฏิบัติตามหลักฮวงจุย

7.2.4 ควรมีการศึกษาท่ีอยูอาศัยท่ีใชฮวงจุยแลว เพื่อจะนํามาใชช้ีแจงคุณประโยชนของการใชศาสตร ฮวงจุยภายในท่ีอยูอาศัย และอาคารท่ีประกอบธุรกิจ ตลอดจนหนวยงานราชการตางๆดวย เพื่อใหประชาชนใชในการตัดสินใจและการปฏิบัติท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต

Page 24: Faculty member's Article

24

เอกสารอางอิง

ภาษาไทย

ประกายธรรม ไชยแถน. ( 2547 ). ฮวงจุย ศาสตรและศิลปวาดวยท่ีอยูอาศัย. กรุงเทพฯ : เดลฟ สํานักพิมพA.D.MCMXCU

ภานวุัฒน พนัธุวิชาติกุล. ( 2546 ). ตํานานฮวงจุย. กรุงเทพฯ : อมรินทรพร้ินต้ิงแอนพับลิชช่ิง จํากัด (มหาชน ).

มาศ เคหาสนธรรม. (2550). ฮวงจุยชัน้สูงเชิงวิทยาศาสตร เลม 1. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ โอ. เอส พร้ินต้ิง เฮา จํากัด. วิศิษฐ เตชะเกษม. (2549). แคมเปญทรงพลัง มารเก็ตติ้ง อิง 'ความเชื่อ' จาก http://www. bangkokbizweek.com

7 ต.ค. 2007 สุชาต ประสิทธ์ิรัฐสินธุ. (2546). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร. กรุงเทพฯ : บริษัท เฟองฟา พร้ินต้ิง

จํากัด. สุชาต ประสิทธ์ิรัฐสินธุ. (2550). นานานวตกรรมวิธีวิทยาคิว ( Q Methodology ). การศึกษาสภาวะจิตวิสัยเชิง

วิทยาศาสตร: แนวคิดทฤษฎ ีและการประยุกตใช. กรุงเทพฯ: หางหุนสวนจํากัดสามลดา.

สํานักงานคณะกรรมการพฒันาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ. (2550). ความอยูดีมีสุข. จาก เคร่ืองช้ีวัดความอยูดีมีสุขและการวิเคราะหเชิงนโยบาย.

หยก ต้ังธนาวฒัน. (2546). ฮวงจุยลัษณะบานดี - ดอย 100แบบ. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพไพลิน.

เอกพงษ ตรีตรง. (2547). อยูสบาย2. กรุงเทพฯ:บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุปจํากัด. (มหาชน).

เอกพงษ ตรีตรง. (2549). ท่ีหลังอยาทํา. กรุงเทพฯ :บริษัทเนช่ัน มัลติมีเดีย กรุป จํากดั. (มหาชน) เอกพงษ ตรีตรง. (2549). แนวคิด FENG SHUI แบบวิทยาศาสตรท่ีถูกตองไมงมงาย. คมชัดลึก ปท่ี 5 ฉบับท่ี

1750 วันเสารท่ี 5 สิงหาคม 2549 ภาษาอังกฤษ

Ajzen, I.(2005). Attitudes, personality, and behavior (2nd. Edition). Milton-Keynes, England: Open University Press / McGraw-Hill.

Alan, S. (2005). Chinese astrology and feng shui. Retrieved November 21, 2005,from http:// www.fengshuithatworks. co.uk

American Psychological Association.(2001). Publication Manual of The American Psychological

Association ( 5 th ed).Washington, DC : Autor

Page 25: Faculty member's Article

25

Art , M., & Gallieries, J. ( 2005). The use of mirrors in classical feng shui. Retrieved November 21, 2005, from http://www.fengshuitimes.com

Ashdown, L.(2007). Feng shui and the authentic life. Retrieved January 26, 2007, from http://www.dowsersofthewest.org/articles/articles

Bandura, A. (1975). Social Learning & Personality Development: Holt, Rinehart & Winston, INC: NJ.

Banister, D., & Bowling, A. (2004). Quality of Life for the Elderly: The Transport Dimension. Transport

Policy, 11, 105-115

Beliaeva, L.(1999). The new middle classes in Russia. Sociological Reswarch,38,77-79. Retrieved April 7, 2005, from http://www. social _stratification_and_ Income 4 html.

Bramble, C. (2007). Feng shui, physics and energy. Retrieved February 14 ,2007 , from http://www. dragon-gate.com Brant, M.J. M.S.(2007). Psychology and feng shui in romantic relationships. Retrieved February 14 ,2007 ,

from http://www.chissell.com Capone, M. (2005). Balancing your life with feng shui. Retrieved November 21, 2005, from http:// www.

healthynewage.com Chang, C. (2007).What is a feng shui life. Retrieved Mar 5, 2007, from http://www. ezinearticles. com Chiou, S - C. (1996). Computational Considerations of Historical Architectural Analysis – A Case Study

of Chinese Traditional Architecture. Ph.D. Dissertation, School of Architecture, Carnegie Mellon University, Pittsburgh, PA.

Choy , H. (2006). One response to “ Hong Kong conference aims to make feng shui more scientific” Retrieved January 21, 2007, from http://chinaview. wordpress .com Choy, H. (2007). Is feng shui superstitious ? Sydney, March 2000. Retrieved January 21, 2007, from

http://www.feng-shui-architects.com Clovis, R. (2007). Latest success story. Retrieved March 22, 2007, from http:// www.1fengshui. com Daniels, M. (2001). Maslows's concept of self-actualization. Retrieved February 7, 2007, from http://www. mdani.demon.co.uk

Devadasan, R., & N.(2000) . A better quality of life? Special issue with the Sunday Magazine From the publishers of THE HINDU ADIVASI : JULY 16, 2000

Diamond, K. (2007). Feng shui solutions. Retrieved March 22, 2007, from http://www. fengshuinews. com

Page 26: Faculty member's Article

26

Dumfries, C. (2005). An introduction to feng shui for real estate appraisers. Retrieved November 30, 2006, from http://www.aicanada.ca

Fishbein, M., & Ajzen, I.(1975). Belief, attitude, intension and behavior : An introduction to theory and

research. Boston: Addison-Wesley Flynn, P., Berry, D., & Heintz, T.(2002). Sustainability and Quality of Life Indicators: Toward the

Integration of Economic, Social and Environmental Measures. The Journal of Social Health, 1, 4-7

Franken, R. (2001). Human motivation (5th ed.). Pacific Grove, CA: Brooks/Cole

Fishbein, M., & Azjen, I. (1975). Belief, Attitude, Intention and Behavior : An Introduction to Theory and

Research. Boston: Addison -Wesley Gee, D. (2506). Feng shui - creating environments for success and well-being. Retrieved January 23,

2006, from http://www.9star.net Grossman, S. (2005). An introduction to feng shui . Retrieved November 21, 2005, from http:// www. designare.com Ha, K. O. (1999). Culture Construction Developers tailor building to Asian tastes using Feng Shui and other

design elements. Published Sunday, August 22,1999, in San Jose Mercury News. Retrieved November 21, 2005, from http//www. huaren.org

Halvorsen, B.(2007). Walking toward a better quality of life. Retrieved January 31, 2007, from http:// www. uwm.edu Herath, T., Ellis, T., Tan, T., Canales, M., Yung, J., Eng, J., Eusoff, H., & Chua, B.(2007). Feng shui consultants. Retrieved March1,2007, from http://www.wofs.com Hilfiger, T., & Ungaro, E. (2005). The feng shui of fashion. Retrieved February 1, 2007, from

http://www.indoindians.com Innes, J. E. (1998). Information in communicative planning. Journal of the American Planning Association,

64, 52-63.

Jeffreys, P.(2000). Feng Shui for the health sector: harmonious buildings ,healthier people. 8 Tibberton Square, London NI 8SU,UK.

Johnson, J. S. (2004). Interior design of a health education building. Retrieved November 13, 2006, from http// www.wofs.com.

Jones, K. S.(2000). An understanding of space. Retrieved December 28, 2006, from http://www. heartofharmony.com

Page 27: Faculty member's Article

27

Jones, K. S. (2006).Unlocking the secrets to health, wealth & happiness with feng shui and four pillars of destiny! Retrieved December 28,2006, from http://www. heartofharmony. com

Jurock, O. (2002). Developers ignore feng shui at their peril . Article in The Vancouver Sun on June 1, 2002. Retrieved November 21, 2005, from http://www. Jurock.com

Kakwani, N. (1993). Performance in Living Standards: An International Comparison. A comparison of quality of life indices. domai. Retrieved November 21, 2005, from http:// www.wider.unu.edu

Kiat, T. W. (1995). A letter to the editors of The New Straits Times, a kuala lumpur english-language broadsheet, on friday, june 2, 1995 - Retrieved March 4, 2007, from http://www.synaptic.bc.ca

Kiat, T. W. (1995). The feng shui of physics. Retrieved March 4, 2007, from http://www. synaptic.bc.ca

Lerdpiriyakamol, P. (2004). Feng shui : The mysterious heritage of beliefs and customs . Retrieved February 27, 2007, from http://www.thaifolk.com

Lim, H. (2003). Feng shui NZ. Retrieved November 22, 2005, from http//www.wofs. com.

Lim, P. (2006). Four pillars : The 3 kides of luck. Retrieved November 22, 2005, from http//www.wofs. com. Lowe, J. (2006). Feng shui your shed . Retrieved February 27, 2007, from http://www . themoneypages.com Mak, M. Y., & Ng , S. T. (2001). The art and science of Feng Shui – a study on architects’ perception.

School of Architecture and Built Environmental, University of Newcastel, Callagham, NSW2308, Australia . Department of Civil Engineering, University of Hong Kong, Pokfulam Road, Hong Kong

Massam, B. H. (2002). Quality of Life: Public Planning and Private Living, Progress in Planning,

vol. 58 (3), 141-228 McTaggart, L. (2007). The intention experiment: Use your thoughts to change the world (hardcover).

Retrieved March 2, 2007, from http://www.amazon.co. uk Miller, S. (2005). What are the elements in real estate? Retrieved November 21, 2005, from http://www. hometomorrow.com Miller, S. (2005). Are you in or out of balance? Retrieved November 21, 2005, from http://www. hometomorrow.com Morris, J.( 2006). Direction of our house . Retrieved March 24, 2007, from http://en. allexperts. com Morris, P.(2002). Creativity in living, love and problem solving creative life therapy. Retrieved February 14,

2007, from http://www.creativelife therapy.com Newell, A.(1990).Unified theories of cognition. Harvard University Press, Cambridge, MA.

Page 28: Faculty member's Article

28

Nikolov, E.(2007). Feng shui – ancient science for good life. Retrieved March 3, 2007, from http://magicaura. com Pane, A. (2006). The dance of balance feng shui for body, mind and spirit . by annie pane. Retrieved January25, 2006, from http://www.eastcoastfengshui.com Patrick, C. (2006). West meets east by caroline patrick. Retrieved January 23, 2006, from http:// moongateschool.com Peterson, T.(2002). A new home and a job mean a better quality of life. Retrieved April 7, 2007, from

http://www.thecha.org Pollitt, K. (1995) Subject to debate. The Nation.260, 552 Retrieved April 7, 2005, from http://www. social

stratification and Income. html. Robertson, S. (2006). How to improve your love life with the power of feng shui. Retrieved December 26, 2006, from http://www.classic-feng-shui.com Rossbach, S. (1983). Feng shui :The ancient chinese art of placement. E.P. Dutton,Inc. Retrieved November

22, 2005, from http://mcel.pacificu. Edu. Rotter, J. B. (1982). The development and application of social learning theory. New York:Praeger. Ryan, R., & Deci, E. (2000). Self-determination theory and the facilitation of intrinsic motivation, social development, and well-being. American Psychologist,55(1), 68-78. Sagar, (2005). Neo feng shui. Retrieved November 21, 2005, from http://www. authorlink.com Sitnikov, A., & Valliere, RJ. (2000) Is a middle class forming? russian social science review,41, 66-80.

Retrieved April 7, 2005, from http://www. social stratification and Income.3 html. So, K .M., Kitipornchai, S., Skinner, S., Choy, H., Mak, M., Paton, M., Anders, G., Wong, .S.,

Rozumowski, D. W., Sin, P. K.F., Reyneri di Lagnasco, C. A., Chiang, M., & So, (2005) . International symposium on scientific feng shui & built environment 2005,Wei Hing Theatre, City University of Hong Kong, Retrieved February 1, 2007, from http://www.hkifm.org

Stevens, S. (2005). Feng shui tips for your home office. Retrieved November 21,2005, from http://www. hometomorrow. com Stewart, C. (2006). Feng shui basics as rerating to House Plans. Retrieved December 1, 2006, from http:// www.theplancollection.com

Page 29: Faculty member's Article

29

Sullivan, G., Wells, K.B., & Leake, B.(1992). Clinical Factors Associated With Better Quality of Life in a

Seriously Mentally Ill Population . Hosp Community Psychiatry, 43,794-798. Theodossiou, I., McCausland, D., & Pouliakas, K.(2007). Job satisfaction tops poll of life happiness. Retrieved March 15, 2007, from http://pda.physorg.com Too, L. ( 2006). China building and construction products. Retrieved November 13, 2006, from http//www.

wofs.com Too, L. ( 2007). Field of dreams. Retrieved February 28, 2007, from http://www.lillian-too.com Treiman, D.J., McKeever, M., & Fodor, E (1996). Racial differences in occupational status and income in

South Africa . Demography, 33, 111-132.Retrieved April 7, 2005, from http://www. social _stratification_ and_ Income. html.

Veenhoven, R.(2007). For A Better Quality of Life. Published in: Mathieu Deflem Ed., Sociologists in a

global age: Biographical perspectives, chapter 11, 175-186 Viol, S. (2003). Wind & water – feng shui and creation, or why feng shui work, Toulouse 2003 .Retrieved March 25, 2005, from http://www.huna. Org Vogt, A. C., & Marans, R. W. (2004). Natural resources and open space in the residential decision process: a

study of recent movers to fringe counties in southeast Michigan. Landscape and Urban Planning,

69, 255-269. Wang, M. Z. (2007). The spiritual feng shuiTM. Retrieved March 23, 2007, from http://www.thespiritual fengshui.com Weber, K. (2005). How to buy a home with good feng shui. Retrieved November 21, 2005, from http://www.

Hometomorrow.com Weber, K.(2007). How to buy a home with good feng shui. Retrieved March 9, 2007, from http://www.home-

repair-tips.net Wijaya, A. H. (2005). A little bit of feng shui. Retrieved November 21, 2005, from http:// english.siutao.com Williams, D.(2007). Believing in better schools, a better quality of life. Retrieved April 1, 2007, from http://www.catalyst-chicago.org Willis,T.J.(2007). Positive approaches to solving behavior challenges. Retrieved February 7, 2007 , from http:// www.autismservices.ca Witcombe, C. (2005). Earth mysteries : Geomancy. Retrieved November 21, 2005, from

http://witcombe.sbc.edu

Page 30: Faculty member's Article

30

Wright, S. (2003). What is feng shui ? Retrieved November 21, 2005, from http://www. fengshuivancouver. Com

Wright, S.(2007). Best real estate feng shui . Retrieved February 11, 2007, from http:// www. bestrealestatefengshui.com

Yap, J. (2007). Feng shui: Science of belief ? Retrieved February 18, 2007, from http://www.chinese astrologyreadings.com Yu, J. (2005). Feng shui research centre. Retrieved March 2, 2007, from http://www.astro- fengshui.com Zi, W. C. (2002). Scientific applications from the I – Ching . Cited in Yafonne Asian week August 9 –

Augusi15, 2002. Retrieved November 21, 2005, from http://www. asianweek. Com.

Page 31: Faculty member's Article

26