37
1 ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

The Leader & Power

Embed Size (px)

DESCRIPTION

1 ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ 1 ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา 2 ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ 3 เขียน ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ภาพปก สุมาลี เอกชนนิยม บรรณาธิการ จณัญญา เตรียมอนุรักษ์ ออกแบบปกและรูปเล่ม นุสรา ประกายพิสุทธิ์ ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ 4 ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Citation preview

Page 1: The Leader & Power

1

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Page 2: The Leader & Power

1

ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

Page 3: The Leader & Power

2

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

openbooks

Page 4: The Leader & Power

3

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

พิมพ์คร้ังแรก

มีนาคม 2552

เลขมาตรฐานสากลประจำาหนังสือ

978-974-8233-63-5

ราคา 195 บาท

เขียน

ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

บรรณาธิการ

จณัญญา เตรียมอนุรักษ์

ภาพปก

สุมาลี เอกชนนิยม

ออกแบบปกและรูปเล่ม

นุสรา ประกายพิสุทธ์ิ

สํานักพิมพ์ openbooks

286 ถนนพิชัย แขวงถนนนครไชยศรี

ดุสิต กรุงเทพฯ 10300

โทรศัพท์ 02 669 5145

โทรสาร 02 669 5146

www.onopen.com

email: [email protected]

จัดจำาหน่าย

บริษัท เคล็ดไทย จํากัด

117-119 ถนนเฟ่ืองนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ

กรุงเทพ 10200

โทรศัพท์ 02 225 9536-40

โทรสาร 02 222 5188

Page 5: The Leader & Power

4

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Page 6: The Leader & Power

5

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

สารบัญ

คํานิยม 6

คํานํา 8

01 ทางลงของโทนี่ 16

02 วิถีของบราวน ์ 32

03 บนบ่าของอาเบะ 48

04 ความท้าทายวัยชราของยาซูโอะ 62

05 เหมา เติ้ง เจียง หู สู่จีนยุคใหม่ 76

06 แมลงวันในจานปู ของหู จิ่น เทา 90

07 มรดกบาปของคุณบุช 104

08 โลกหลังอเมริกา ประธานาธิบดีหลังบุช 120

09 ก่อนถึงประธานาธิบดีมีซาร์ วลาดิมีร์กําสรวล 140

10 ปูตินนอมินีหรือดิมิทรีตัวจริง 156

Page 7: The Leader & Power

6

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

11 นิโคลาส์ ซาร์โกซี เมื่อไฟรักเผาเรือน 168

12 ลี เมียง บัค ผู้นํา ประชาชน และคนขายชาติ 184

13 ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี คนทุจริตหรือความผิดของกฎหมาย 198

14 เควิน รัดด์ ปฐมบทแห่งการเมืองใหม่ในออสเตรเลีย 210

15 บารัค โอบามา การปรากฏตัวของความกล้าและความหวัง 226

16 จากลิงคอล์น ลูเธอร์ คิง ถึงโอบามา 242

เลือดเนื้อ อหิงสา กว่าจะได้มา การเมืองใหม่

17 ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในหน้าประวัติศาสตร์ใหม ่ 258

Page 8: The Leader & Power

7

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ในบรรดาหัวข้อทั้งหลายที่นักเขียนเลือกหยิบมาเล่าให้คนอ่าน ผู้เขียนคิด

ว่าการเมืองเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ “โหด” ที่สุด เพราะการเมืองมิได้ลอยอยู่ใน

สุญญากาศ หากขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมมากมายที่ส่งผลกระทบซึ่งกันและ

กัน และปัจจัยเหล่านั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของบริบทต่างๆ ที่ย่อมแปรเปลี่ยนไป

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะบริบททางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม

สภาพสังคม และเศรษฐกิจ

นักเขียนที่ปรารถนาจะให้คนอ่านเข้าใจการเมือง โดยเฉพาะ

การเมืองต่างประเทศ จึงต้องทํามากกว่าถ่ายทอดและสรุปเหตุการณ์ต่างๆ

หากต้องอธิบายปัจจัยและบริบทแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง และในเมื่อการเมือง

ย่อมเดินไม่ได้ถ้าไม่มีนักการเมือง นักเขียนก็จะต้องอธิบายปัจจัยแวดล้อม

ในระดับที่เล็กลงมาด้วย คือจากระดับสังคมย่อลงสู่ประวัติ นิสัยใจคอ ตลอด

จนข้อบกพร่องแบบมนุษย์ปุถุชนของนักการเมืองแต่ละคน

การเขียนเรื่องการเมืองให้คนเข้าใจจึงต้องอาศัยความสามารถ

อย่างสูงในการรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลมหาศาล ผนวกกับ

คํานิยม

Page 9: The Leader & Power

8

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ความใจกว้างและเอื้ออาทร ต่อทั้งนักการเมืองผู้เป็นหัวข้อของบทความ

และต่อคนอ่านผู้อาจไม่คุ้นชินกับบริบทของต่างประเทศ

คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา หรือที่ผู้เขียนเรียกด้วยความภาคภูมิใจ

ว่า พี่โญ เป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องการเมืองและนักการเมืองที่เก่งที่สุด

คนหนึ่ง ในบรรดานักเขียนไทยทั้งหมดที่ผู้เขียนรู้จัก

พี่โญมีความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ในการมองและเชื่อมร้อย

บริบทต่างๆ ใน “ภาพใหญ่” ของสังคม เข้ากับ “ภาพเล็ก” ในระดับ “ความ

เป็นมนุษย์” ของนักการเมืองแต่ละคน ตลอดจนอธิบายปฏิสัมพันธ์ระหว่าง

ความเป็นมนุษย์กับอํานาจ อีกทั้งยังทําให้เรื่องที่สลับซับซ้อนอย่างการเมือง

เป็นเรื่องเข้าใจง่ายและอ่านสนุก ด้วยลีลาและชั้นเชิงทางภาษาที่หาตัวจับ

ยาก

ในเมื่อบริบทต่างๆ ที่แวดล้อมการเมืองย่อมแปรเปลี่ยนไปเมื่อยุค

สมัยเปลี่ยนแปลง การลงแรงจารึกบริบทเหล่านี้ไว้ในหน้ากระดาษ จึงทําให้

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ เป็นอิสระจากพันธนาการ

ของเวลา คือหยิบมาอ่านเมื่อใดก็เข้าใจเมื่อนั้น

ในทางกลับกัน การฉายภาพให้เห็น “ความเป็นมนุษย์” ของ

นักการเมือง ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ทางการเมืองไม่น้อยไปกว่าบริบทระดับ

สังคม ก็ช่วยให้เราสําเหนียกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของอํานาจ

และแยกแยะได้อย่างเที่ยงตรงมากขึ้นว่า ใครสมควรเป็น ฅ.คน

ข้างฝา ที่ควรค่าแก่การเคารพทุกยุคสมัย

สฤณี อาชวานันทกุล

18 กุมภาพันธ์ 2552

Page 10: The Leader & Power

9

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Page 11: The Leader & Power

10

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ การเมืองโลกจัดได้ว่ามีความผันผวนสูงยิ่ง

ส่งผลให้ผู้นําประเทศจํานวนไม่น้อยต้องร่วงหล่นจากอํานาจก่อนเวลา

อันควร ส่วนผู้ที่ยังดํารงตําแหน่งอยู่ตามวาระ มักจะมีคะแนนนิยม

ตกต่ําเป็นประวัติการณ์ ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ นับ

จากสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

ความผันผวนทางการเมืองเหล่านี้ เป็นผลสืบเนื่องโดยตรง

จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี วิถีชีวิต ตลอดจนทัศนคติที่คนมี

ต่อชีวิตและต่อโลก

เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสื่อสาร ทําให้ผู้คน

สามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีเพื่อความ

สะดวกสบายในชีวิตประจําวันทั้งหลาย ผลของมันได้กลายเป็นวิถีชีวิต

ใหม่แพร่ขยายไปทั่วโลก ก่อให้เกิดธุรกิจและบริการจํานวนมาก จาก

หุบเขาซิลิคอนไปจนจรดนครมุมไบ จนกระบวนการสร้างความมั่งคั่ง

คํานํา

Page 12: The Leader & Power

11

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ใหม่ได้ย้ายจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตมาสู่ภาคเทคโนโลยีสาร-

สนเทศและการสื่อสาร ยิ่งมีตลาดเงินและตลาดทุนช่วยหนุนส่ง เศรษฐี

ใหม่จึงปักธงลงฐานอย่างรวดเร็ว จากเขตผู่ตงในเซี่ยงไฮ้ไปจนถึงเมือง

ใหญ่ในไอร์แลนด์

ทั้งหมดนี้ ก่อให้เกิดชนชั้นกลางและผู้ประกอบการที่ผุดขึ้น

ราวดอกเห็ดในฤดูฝน ผลักดันให้โลกเปลี่ยนโฉมอย่างรวดเร็ว ทั้งทาง

ด้านทัศนคติต่อชีวิตและวิธีคิดในการสร้างความมั่งคั่ง ผู้คนจํานวนไม่

น้อยหันมาสร้างกําไรจากธุรกรรมทางการเงินแทนการผลิต เงินทุนที่

เคยถูกทําให้เคลื่อนไหวอย่างจํากัด กลับไหลบ่าทะลักข้ามพรมแดน

หลังประเทศส่วนใหญ่เปิดเสรี ส่งผลให้วิถีการดําเนินธุรกิจต้องเปลี่ยน

ปรับเพื่อตอบรับกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

แม้ในทางกายภาพผู้คนจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในทางจิตใจผู้คน

กลับต้องเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มมากจากความไม่แน่นอนของปัจจัยรอบ

ด้านและความผันผวนของอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหายนะของ

การเก็งกําไรในภาคการเงินจากความละโมบเริ่มเผยโฉมให้เห็น

ยิ่งหวาดวิตกผู้คนยิ่งแก่งแย่งเพื่อความอยู่รอด ยิ่งสุ่มเสี่ยงยิ่ง

ต้องแสวงหาความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ทรัพยากรซึ่งมีอยู่อย่างจํากัด

ถูกแย่งชิง ทั้งด้วยเหตุผลของความมั่งคั่งและในนามของความมั่นคง

จากน้ํามันดิบในตะวันออกกลางสู่ฝูงปลากลางทะเลลึก แต่ละประเทศ

ฉกชิงทรัพยากรเรื่อยไปจนถึงการใช้ชั้นบรรยากาศรองรับก๊าซเรือน

กระจกจากอุตสาหกรรม

ยิ่งโลกเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ความขัดแย้งก็ยิ่งปะทุขึ้นใน

ทุกภาคส่วนในอัตราที่เร็วขึ้น จนนํามาสู่การปะทะกันเองทั้งของกลุ่ม

Page 13: The Leader & Power

12

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ผลประโยชน์ในประเทศ รวมทั้งก่อให้เกิดสงครามระหว่างประเทศเป็น

ระยะจากอิรักไปจนถึงอัฟกานิสถาน

ในอดีตที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ

และสังคม ส่งผลให้การเมืองต้องเปลี่ยนตามโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ชั่ว

แต่ว่า การเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งอํานาจ มักจะเปลี่ยนแปลงไม่ทัน

สังคม บ่อยครั้งสังคมจึงจําต้องสร้างแรงกดดันเพื่อให้เกิดความ

เปลี่ยนแปลงทางการเมือง และวิธีการที่ใช้กันมาโดยตลอดก็คือ การ

เปลี่ยนตัวผู้นํา

หากผู้นําไม่สามารถนําเสนอนโยบายใหม่เพื่อตอบสนองต่อ

ความเปลี่ยนไปของสังคมได้ สังคมส่วนใหญ่มักจะเลือกเปลี่ยนตัวผู้นํา

ในทันทีที่มีโอกาส ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาจากภายในพรรค

ผ่านการเลือกตั้ง กระทั่งจากการรัฐประหาร และการลุกฮือขึ้นของ

ประชาชน สุดแล้วแต่เงื่อนไขและปัจจัยในแต่ละสังคมจะกําหนด

สังคมที่ก้าวหน้ามักเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยสันติวิธี เช่น

เดียวกับผู้นําที่ชาญฉลาด มักเลือกลงจากอํานาจในจังหวะที่เหมาะสม

แต่ก็ใช่ว่าทุกสังคมจะเป็นเช่นนั้น ด้วยผู้นําจํานวนไม่น้อยมักยึดติดกับ

อํานาจ และคิดว่าอํานาจเป็นสิ่งจิรัง เมื่อได้อํานาจมาแล้วจึงพยายาม

เหนี่ยวรั้งไว้กับตัวเองให้นานที่สุด แม้ว่าปัจจัยต่างๆ จะบ่งชี้ว่า ถึงเวลา

ต้องวางมือจากอํานาจแล้ว แต่ผู้นําเหล่านั้นกลับไม่เคยสดับฟัง สังคม

ที่มีผู้นําประเภทหลัง จึงต้องรวมพลังเพื่อกดดันให้ผู้นําพ้นจากอํานาจ

ทั้งด้วยวิธีการอันละม่อมไปจนถึงวิธีการอันรุนแรง

Page 14: The Leader & Power

13

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

การเมืองจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เรียนได้ไม่รู้จบ หากผู้ที่

พบความสําเร็จจนก้าวเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่สถิตของรัฐบุรุษ

กลับมีน้อยมาก นักการเมืองส่วนใหญ่แม้จะเอาชนะศัตรูทางการเมือง

ได้ทั่วทั้งแผ่นดิน หากมักต้องมาสิ้นชื่อ ตกม้าตายเอาง่ายๆ ด้วยการ

พ่ายสงครามในใจเพียงครั้งเดียว

การได้มาซึ่งอํานาจที่ว่ายาก จึงไม่ยากเท่ากับการรักษาไว้ซึ่ง

อํานาจ การรักษาอํานาจไว้ที่ว่ายาก จึงไม่ยากเท่ากับการลงจาก

อํานาจเมื่อถึงเวลา นักการเมืองที่ชาญฉลาดจึงต้องเข้าใจศาสตร์และ

ศิลป์ของทั้งจังหวะและเวลา รวมทั้งต้องเปี่ยมด้วยปณิธานที่จะนํา

ความเปลี่ยนแปลงใหม่มาสู่ประเทศชาติในเวลาที่ประชาชนต้องการ

และนี่คือก้าวย่างสู่เส้นทางสายรัฐบุรุษ อันเป็นเป้าหมายสูงสุด

ของผู้นํา

ที่กล่าวมา คือสิ่งที่ผู้เขียนได้พยายามบอกเล่าไว้ในหนังสือที่

มีชื่อว่า ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ เล่มนี้

ผู้เขียนได้รวบรวมชีวประวัติของผู้นําโลกยุคใหม่จากโทนี่

แบลร์ เรื่อยไปจนถึงบารัค โอบามา โดยบอกเล่าเส้นทางการก้าวเข้าสู่

อํานาจและบริบททางประวัติศาสตร์ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และ

การเมืองของแต่ละประเทศอย่างย่นย่อ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจพื้นฐานของ

ผู้นําแต่ละคนและความเป็นมาของแต่ละประเทศได้ดีขึ้น

ทั้งหมดนี้ เป็นการบอกเล่าอย่างกระชับ ตัดต่ออย่างรวดเร็ว

และเน้นแต่ที่ควร เพื่อให้พอเหมาะกับเนื้อที่จํากัดที่มีอยู่ เนื่องจาก

Page 15: The Leader & Power

14

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

เป็นการเขียนเพื่อตีพิมพ์ในหน้านิตยสารรายเดือนเป็นเบื้องต้น เรื่อง

ราวแต่ละบทจึงถูกบังคับให้ต้องจบในตัว โดยผูกโยงไว้ให้เกาะเกี่ยวกัน

ไปอย่างหลวมๆ จนพอจะรวมความออกมาเป็นเล่มได้

ข้อเขียนชุดนี้ ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร ฅ.คน ในคอลัมน์

ชื่อ ฅ.คนข้างฝา โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฉบับเดือนสิงหาคม 2550 หลังโทนี่

แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศก้าวลงจากตําแหน่ง ก่อนจะจบ

ลงในเดือนธันวาคม 2551 เมื่อบารัค โอบามาประกาศชัยชนะจากการ

ลงชิงตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ทั้งหมดถูกเขียนขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ของไทย ทั้งการเดินขบวนขับไล่รัฐบาล การปิดถนนราชดําเนิน การ

ยึดทําเนียบรัฐบาล การปะทะกันอย่างรุนแรงที่หน้ารัฐสภา และการปิด

สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเหตุการณ์ทั้งหลายล้วนทําให้ผู้นําคนแล้วคน

เล่าต้องร่วงหล่นจากอํานาจ ทําให้รัฐบุรุษหลายคนต้องถูกท้าทายอย่าง

ถึงแก่น เมื่อแรงปะทะปะทุขึ้นในสังคมอย่างรุนแรง จนไม่อาจหาทาง

ยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

เหตุการณ์เหล่านี้แทบทุกประเทศล้วนเคยผ่าน หลายประเทศ

ก้าวพ้นด้วยพื้นฐานอันเข้มแข็ง โดยไม่หวนคืนสู่เส้นทางสายเก่า หาก

แต่มุ่งหน้าหาทางรับมือกับปัญหาใหม่ ด้วยผู้นําคนใหม่ นโยบายใหม่

ที่ตอบสนองต่อปัญหาได้ดีขึ้น ในขณะที่บางประเทศเลือกที่จะนําพาตัว

เองย้อนกลับไปในเส้นทางเดิม เรียกร้องหาผู้นํารุ่นเก่า วิธีการเก่า ด้วย

หวนคิดถึงวันชื่นคืนสุขในอดีต แม้ว่าอดีตนั้นยากที่จะหวนกลับคืนมา

ก็ตามที

Page 16: The Leader & Power

15

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

และก็ใช่แต่เฉพาะสังคมไทย หากความขัดแย้งเปลี่ยนแปลง

ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั่วโลก เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น จน

ไม่อาจมองอย่างแยกส่วน แม้ว่าความทุกข์ในประเทศจะใหญ่หลวงจน

บดบังดวงตาจากโลกภายนอก หากทว่า การดํารงอยู่และดําเนินไป

ของปัจจัยทั้งหลายที่มาชุมนุมอยู่โดยพร้อมเพรียงในเบื้องหน้าจากทุก

สารทิศ เป็นสิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป

หนังสือเล่มนี้จึงมิได้บอกเล่าเรื่องใหม่ หากแต่พยายาม

แจกแจงปัจจัยของความเปลี่ยนแปลงแห่งโลก ออกมาให้ผู้อ่านเห็น

อย่างง่ายๆ ผ่านชีวิตของผู้นําคนสําคัญและประวัติศาสตร์ที่ผูกพันผู้นํา

เหล่านั้นไว้อย่างแน่นหนา โดยมีเงื่อนไขแห่งปัญญาและเวลาของผู้

เขียนเป็นข้อจํากัด ความผิดพลาดทั้งหลายที่มี ล้วนเกิดจากสอง

เงื่อนไขนั้น อันเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยตรง

ผู้เขียนขอขอบคุณ คุณเวียง-วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการ

บริกรแห่งนิตยสาร ฅ. คน ผู้เปิดพื้นที่ให้กับคอลัมน์นี้ ขอบคุณทีมงาน

นิตยสารทุกคนที่ติดตาม ตรวจแก้ ประกอบรูปต้นฉบับขนาดยาวและ

เต็มไปด้วยตัวละครชิ้นนี้ด้วยความอดทน

ขอบคุณอาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ คุณสฤณี อาชวานันทกุล

และคุณจณัญญา เตรียมอนุรักษ์ ที่ช่วยอ่านและวิจารณ์ต้นฉบับด้วย

ความอุตสาหะ และขอขอบคุณอาจารย์สุมาลี เอกชนนิยม สําหรับการ

วาดภาพปกอย่างพิถีพิถัน ซึ่งช่วยให้หนังสือเล่มนี้น่าหยิบอ่านเหมือน

ได้ดื่มชาแทนที่จะเป็นถ้วยยาขม

Page 17: The Leader & Power

16

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

แน่นอน หนังสือเล่มนี้ย่อมมิได้เกิดจากความรู้ของผู้เขียนโดย

ลําพัง หากเกิดจากหนังสืออ้างอิงหลายเล่ม ทั้งหนังสือเล่ม นิตยสาร

ข่าว หนังสือพิมพ์รายวัน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งข้อมูล

จากเว็บไซต์จํานวนมาก ตลอดระยะเวลาการเขียนกว่าหนึ่งปีครึ่ง

หนังสือและข้อมูลเหล่านี้ให้ความรู้อันหลากหลายแก่ผู้เขียน ทั้งให้

ความเพลิดเพลินใจในยามที่ต้องเพ่งพินิจกับสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นในสังคม

ไทย แม้มิได้เอ่ยนาม แต่ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณเจ้าของความรู้ใน

โลกกว้างทุกท่านเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้

สุดท้าย ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยทําให้

ผู้อ่านมีความกล้าและมีความหวัง มีพลังที่จะเปลี่ยนผ่านสังคมไทยไปสู่

การเมืองใหม่อย่างแท้จริง หลังจากเรายืนพิงเสาหลักของชาติจนล้ม

ระเนระนาดไปทีละต้นมานมนาน

ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

กุมภาพันธ์ 2552

พระราม 9 กรุงเทพฯ

Page 18: The Leader & Power

17

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Page 19: The Leader & Power

18

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

“Sometimes the only way you conquer the pull of power is to set it down.”

Tony Blair

ทางลงของโทนี่

01

Page 20: The Leader & Power

19

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

เอเวอเรสต์

คนที่ไม่เคยปีนเขาอาจคิดว่าการขึ้นถึงยอดเขาเป็นเรื่องสําคัญ

สูงสุด แต่นักปีนเขาเอเวอเรสต์ทุกคนรู้ดีว่า สิ่งสําคัญกว่านั้น คือการลง

จากยอดเขา เพราะถ้าไม่รู้วิธีการลง ไฉนเลยจะมีโอกาสอยู่ชื่นชมกับ

ความสําเร็จในการขึ้นสู่จุดสูงที่สุดในโลก นักปีนเขามากประสบการณ์

บางคนยอมตัดใจไม่ขึ้นสู่ยอดเขา แม้จะเป็นความใฝ่ฝันอันท้าทายมา

ตลอดชีวิต ด้วยเพราะตระหนักดีว่า พลังงานและเวลาที่เหลืออยู่ อาจ

ไม่เพียงพอที่จะนําพาตัวเองลงจากยอดเขาได้อย่างปลอดภัย

จิตใจที่เข้มแข็งที่สุด จึงหาใช่จิตใจที่จะนําพาตัวเองขึ้นสู่ยอด

เขา หากแต่เป็นจิตที่สามารถตัดใจได้ เมื่อรู้ว่าเงื่อนไขทั้งปวงล้วนไม่

เอื้ออํานวยให้ตนเองบรรลุความฝันอันสูงสุด แม้ว่าความฝันนั้นจะห่าง

ออกไปเบื้องหน้าในระยะทางไม่กี่ก้าวเดิน

จิตใจที่เข้มแข็งที่สุด จึงหาใช่จิตใจที่มุ่งเสพสุขอยู่บนยอดเขา

Page 21: The Leader & Power

20

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

หากแต่เป็นจิตที่สามารถพากายและใจลงจากยอดเขาอย่างปลอดภัย

เมื่อรู้ว่าเวลาอันควรได้มาถึงแล้ว

ยอดเขาจึงเป็นพื้นที่ชั่วคราวของมนุษย์ เมื่อถึงเวลาทุกคน

ล้วนต้องก้าวกลับลงมาใช้ชีวิตบนพื้นราบตามปกติ ปล่อยให้ยอดเขา

เป็นหมุดหมายเพื่อการพิชิตของคนรุ่นต่อไป

การลงจากยอดเขาจึงเป็นศิลปะขั้นสูงของนักปีนเขา ซึ่ง

มนุษย์ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองควรเรียนรู้ เพราะยอดเขา

ยิ่งสูง พื้นที่ก็ยิ่งแคบและอันตราย ถ้าผู้มาก่อนไม่ยอมเดินลงมาดีๆ

แทบทุกกรณีในประวัติศาสตร์ เขามักถูกผู้มาทีหลังถีบตกจากบัลลังก์

เสมอ

อิรัก

พูดกันอย่างภาษาชาวบ้าน อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์

ของอังกฤษเองก็หวิดๆ จะถูกถีบให้ตกจากยอดเขา หลังจากประกาศ

ออกไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี 2006 ว่าจะก้าวลงจากตําแหน่งหัวหน้า

พรรคแรงงานและนายกรัฐมนตรี แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่ยอม

ประกาศออกมาชัดๆ ว่าจะลงจากเก้าอี้ในวันไหน นานวันเข้าสมาชิก

พรรคก็ชักไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกอร์ดอน บราวน์ รัฐมนตรี

ว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ซึ่งเป็นที่คาดหวังว่าจะได้ขึ้นดํารงตําแหน่ง

หัวหน้าพรรคคนต่อไป อันหมายถึงการได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดย

อัตโนมัติ แรงกดดันในพรรคจึงสูงมาก เพราะยิ่งนานวันคะแนนนิยม

ของโทนี่ แบลร์ก็ยิ่งตกต่ําลง ตามเหตุและปัจจัยที่เขาได้ก่อไว้ในช่วง

เวลาที่ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี

Page 22: The Leader & Power

21

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

จากการสํารวจของหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ คะแนนนิยม

ที่แบลร์เคยได้รับในระดับสูงสุดในสมัยแรก ตกลงเหลือเพียงร้อยละ 26

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 อันเป็นช่วงเวลาที่มีข่าวว่าคนสนิทของ

เขารับเงินสนับสนุนจากผู้มีอุปการคุณโดยมีตําแหน่งสําคัญเป็นของ

แลกเปลี่ยน

ความจริงคะแนนนิยมของแบลร์เริ่มตกต่ําลงหลังจากที่เขา

ตัดสินใจร่วมกับประธานาธิบดีจอร์จ บุชของสหรัฐอเมริกาส่งทหาร

เข้าไปทําสงครามรุกรานอิรัก แบลร์ได้อ้างหลักฐานว่าอิรักมีอาวุธ

อานุภาพทําลายล้างสูงไว้ในครอบครองต่อรัฐสภาอังกฤษ ทั้งๆ ที่

ในเวลาต่อมาได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นหลักฐานเท็จ อีกทั้งองค์การ

สหประชาชาติ ก็หาได้มีมติรองรับการทําสงครามกับอิรักในครั้งนี้ไม่

การตัดสินใจของแบลร์ไม่เพียงแต่ทําให้คะแนนนิยมของเขาใน

ประเทศตกลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนถึงความสัมพันธ์ที่อังกฤษมี

ต่อสหภาพยุโรป เพราะทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี สองเสาหลักแห่งยุโรป

ต่างปฏิเสธที่จะเดินเข้าสู่สงครามครั้งนี้

นักประวัติศาสตร์และนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองทุกสํานักจึง

สรุปตรงกันว่า กรณีอิรักจะเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนโทนี่ แบลร์

ไปอีกหลายปี และอาจถือเป็นกรณีดําเนินนโยบายต่างประเทศผิด

พลาดจนสร้างความเสียหายต่อประเทศในระยะยาว

ยิ่งมีทหารอังกฤษเสียชีวิตในอิรักมากขึ้นเท่าใด ฝันร้ายก็จะยิ่ง

ตามหลอกหลอนแบลร์หนักขึ้นเท่านั้น

ในชีวิตคนเรา เรื่องราวดีๆ อาจจะมีเท่ากับเรื่องราวร้ายๆ แต่

จิตใจที่หวั่นไหวของมนุษย์มักจะทําให้เรื่องราวร้ายๆ ติดอยู่ในความ

Page 23: The Leader & Power

22

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ทรงจําของตัวเราและผู้อื่นมากกว่า

แบลร์เองกําลังเริ่มต้นใช้เวลาของชีวิตที่ เหลืออยู่พิสูจน์

คํากล่าวนี้ หลังจากที่เขาตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้านเลขที่

10 ถนนดาวนิ่ง อันเป็นที่ทําการของนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่อวันที่

27 มิถุนายน 2007

ทางเลือกที่สาม

การยอมก้าวลงจากตําแหน่งโดยดี ทําให้แรงกดดันทั้งหลาย

ทั้งปวงที่แบลร์เคยต้องแบกเอาไว้จนเกิดอาการหัวใจวายอ่อนๆ เมื่อ

หลายปีก่อนหายไปแทบจะในทันที พันธมิตรนานาชาติของเขาอัน

ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา องค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และ

รัสเซียได้พร้อมใจกันหางานใหม่ให้เขาล่วงหน้า ด้วยการแต่งตั้งให้เป็น

ทูตพิเศษสําหรับการเจรจาเพื่อยุติปัญหาในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อมา

ยาวนานนับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

แบลร์เคยสร้างผลงานเจรจาจนอังกฤษสามารถยุติปัญหาที่มี

มายาวนานกับไอร์แลนด์เหนือได้ในสมัยของเขา อีกทั้งความเอาจริง

เอาจังในการแก้ไขปัญหาในประเทศด้อยพัฒนาของแบลร์ก็เป็น

นโยบายที่ได้รับความชื่นชมจากคนอังกฤษ แต่ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะ

เป็นการที่แบลร์ปรับปรุงนโยบายพรรคแรงงานเดิม ซึ่งเน้นการควบคุม

กิจการโดยรัฐ การเก็บภาษีสูง และต่อต้านธุรกิจขนาดใหญ่ มาสู่การ

เป็นพรรคแรงงานใหม่ที่ก้าวออกจากกรอบความคิดแบบแบ่งแยกซ้าย-

ขวา หันมาใช้นโยบายที่เรียกกันว่า ทางเลือกที่สาม (The Third Way)

ที่ไม่ใช่ซ้ายไม่ใช่ขวา แต่เน้นการสร้างโอกาส ความยุติธรรม และการ

Page 24: The Leader & Power

23

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

เพิ่มอํานาจให้กับภาคประชาชน รวมทั้งเน้นความสามารถในการแข่ง

ขันและปรับตัวเข้ากับโลกาภิวัตน์อย่างจริงจัง

ทางเลือกที่สามนี้ บิล คลินตันเคยนํามาใช้จนสามารถนําพา

พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ถึงสองสมัย จน

ทางเลือกที่สาม ที่ไม่ใช่ซ้ายและขวา ไม่ใช่อนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยม

ได้กลายเป็นคัมภีร์ใหม่ที่ส่งให้พรรคสายกลางซ้ายกลับมาได้รับ

ความนิยมจากผู้ลงคะแนนอีกครั้ง หลังจากต้องตกเป็นรองพรรคสาย

อนุรักษ์นิยมฝ่ายขวามาตลอดช่วงทศวรรษ 1980

แม้คนเก่าคนแก่ในพรรคแรงงานที่เคยยึดถืออุดมการณ์เดิมจะ

ตกตะลึง แต่มหาชนอังกฤษส่วนใหญ่กลับถูกอกถูกใจ จนแบลร์กลาย

เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงานคนแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้ง

ที่สอง ที่ดํารงตําแหน่งอยู่ครบสมัย แถมยังได้รับการเลือกกลับเข้ามา

อีกสองครั้ง รวมเวลาแล้วแบลร์เป็นผู้นําพรรคแรงงานใหม่อยู่ถึง 13 ปี

เป็นนายกรัฐมนตรีรวม 10 ปี

ในยุคของแบลร์ เป็นทศวรรษที่อังกฤษมีอัตราการเติบโตทาง

เศรษฐกิจในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรป อัตราการว่างงานลดต่ํา

ลง ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้น อังกฤษที่เคย

จมอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมานานค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็น

ประเทศทันสมัยน่าลงทุน ลอนดอนพลิกฟื้นกลายเป็นศูนย์กลางการ

เงินของโลกอีกครั้ง กิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมเจริญก้าวหน้าขึ้น จน

อังกฤษสามารถผลิตสินค้าในเชิงวัฒนธรรมและปัญญาออกสู่ตลาดโลก

ได้ไม่น้อยหน้าประเทศอื่นใดในโลก

เมื่อยืนหันหลังให้กับทิศตะวันออก(กลาง)และหลับตาข้างที่

Page 25: The Leader & Power

24

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

มองไปยังอิรัก รัฐสภาอังกฤษจึงพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนให้เกียรติโทนี่

แบลร์ในวันสุดท้ายที่เขาเข้าประชุมสภา อีกทั้งผู้นําพรรคอนุรักษ์นิยม

อย่างนายเดวิด คาเมรอนยังกล่าววาจาตามประเพณีสรรเสริญโทนี่

แบลร์อย่างซาบซึ้ง ถึงภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่แบลร์ต้องแบกไว้ อัน

เป็นเรื่องไม่ง่ายสําหรับทุกคนในครอบครัวของเขา

“ในนามของพรรคอนุรักษ์นิยม ผมขออวยพรให้ท่านและ

ครอบครัวจงประสบแต่ความสุขและความสําเร็จสืบต่อไปในอนาคต”

คาเมรอนกล่าวทิ้งท้าย เล่นเอาเชอร์รี่ แบลร์ ภริยาของผู้ที่กําลังจะ

กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่งชมการกล่าวอําลาครั้งนี้อยู่บน

แกลเลอรี่สําหรับคนนอกถึงกับน้ําตาซึม เช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้

แทนราษฎรจากพรรคแรงงานที่กลั้นน้ําตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อแบลร์ก้าว

เดินออกจากที่ประชุมสภา

เอดินเบรอะ

โทนี่ แบลร์ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 1953 ที่เมือง

เอดินเบรอะ ในสก็อตแลนด์ มีชื่อเต็มๆ ว่า แอนโธนี่ ชาร์ลส์ ลินตัน

แบลร์ (Anthony Charles Lynton Blair) แบลร์พูดถึงตัวเองว่า เขาเป็น

คนที่เกิดมาในยุคหนึ่งทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง

เติบโตมาในทศวรรษ 60-70 ที่คนหนุ่มสาวต้องการปฏิวัติสังคม เขา

สุกงอมทางการเมืองในยุคที่สงครามเย็นสิ้นสุดและโลกกําลังเปลี่ยน

ผ่านเข้าสู่ยุคปฏิวัติทางการเมือง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี

วัยเด็กของแบลร์จึงเป็นช่วงเวลาที่อังกฤษกําลังเผชิญหน้า

กับความยากลําบากและขาดแคลนหลังสงครามโลก แม้ว่าอังกฤษจะ

Page 26: The Leader & Power

25

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับการ

ทําสงครามก็ทําให้มหาอํานาจอย่างอังกฤษต้องตกที่นั่งลําบาก จนต้อง

ตากหน้าไปขอพึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินจากอเมริกาภายใต้

แผนการมาร์แชลเพื่อฟื้นฟูยุโรป

ในวัยหนุ่มของแบลร์ กระแสต่อต้านสงครามเวียดนามใน

อเมริกาได้ทําให้ดอกไม้ผลิบานไปทั่วโลก เรียกขานกันว่า ยุคฮิปปี้หรือ

ยุคบุปผาชน หนุ่มสาวปฏิเสธครอบครัวและสังคม ดนตรีร็อคและ

ยาเสพติดหลายขนานแพร่หลาย ด้วยผู้คนมากมายต่างพากันเชื่อว่า

มันคือยาวิเศษที่จะพาผู้เสพไปยังสรวงสวรรค์ แบลร์เองคลั่งไคล้มิก

แจ็คเกอร์ ในช่วงวัยรุ่นเขาปวารณาตัวเองเป็นนักกีตาร์และใฝ่ฝันจะ

เป็นร็อคสตาร์ชื่อดัง

แต่ก็เหมือนความฝันในวัยหนุ่มสาวของคนส่วนใหญ่ เมื่อวัน

เวลาผ่านไป เรื่องราวทั้งหลายก็เหลือเพียงภาพถ่ายและความทรงจํา

สําหรับการเขียนชีวประวัติบางบทบางหน้าในวัยสนธยาของชีวิต

อ็อกซฟอร์ด

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุค 60-70 แบลร์

เข้าเรียนที่วิทยาลัยเซ็นต์ จอห์น แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด สํานัก

ที่ขึ้นชื่อว่ามั่งคั่งและมีชื่อเสียงที่สุดของมหาวิทยาลัย อ็อกซฟอร์ดทํา

หน้าที่ผลิตชนชั้นปกครองให้กับอังกฤษมายาวนาน จนพลอยทําให้

ชนชั้นปกครองจากประเทศอื่นนิยมส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่จนเป็น

ประเพณีมาตรฐาน แม้ครั้งหนึ่งมกุฎราชกุมารไทยก็เคยถูกส่งมาศึกษา

ในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นเดียวกับมกุฎราชกุมารภูฏาน ผู้ซึ่งเพิ่งก้าวขึ้น

Page 27: The Leader & Power

26

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่ โทนี่ แบลร์ กับเพื่อนสมัยวัยหนุ่ม

Page 28: The Leader & Power

27

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่

จากอ็อกซฟอร์ด แบลร์เรียนต่อเนติบัณฑิตที่สํานักลินคอล์นส์

อินน์ ที่ซึ่งเขาได้พบกับเชอร์รี่ บูธ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นภรรยา

และแม่ของลูก 4 คนของเขา อันประกอบด้วย ยวน นิกกี้ แคธรีน และ

ลีโอ ลูกชายคนเล็กที่ถือกําเนิดขึ้นมาในช่วงที่เขาดํารงตําแหน่ง

นายกรัฐมนตรี อันเป็นครั้งแรกในรอบ 150 ปี ที่ผู้นําประเทศอังกฤษ

สามารถผลิตทายาทในระหว่างดํารงตําแหน่ง

แบลร์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก

ในปี 1983 เมื่อเขามีอายุได้เพียง 30 ปีเท่านั้น โดยเซดจ์ฟีลด์เป็นเขต

ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการแบ่งพื้นที่เลือกตั้งใหม่ ทําให้ไม่เคยมีผู้สมัคร

จากพรรคแรงงานมาก่อน จึงเป็นโอกาสและจังหวะดีที่นักการเมือง

หนุ่มอย่างแบลร์จะแจ้งเกิด อาศัยการทํางานอย่างขยันขันแข็งและ

ความมุ่งมั่นแรงกล้า แบลร์ค่อยๆ ไต่เต้าทางการเมืองจากภายในพรรค

จนเมื่อจอห์น สมิธหัวหน้าพรรคแรงงานคนก่อนเสียชีวิตลงอย่าง

ปัจจุบันทันด่วน แบลร์จึงได้โอกาสเสนอตัวเพื่อชิงตําแหน่งหัวหน้า

พรรคคนต่อไป

มีเรื่องเล่ากันสนุกปากแต่ไม่มีการยืนยันว่า คู่แข่งคนสําคัญ

ของแบลร์ในครั้งนั้นหาใช่ใครที่ไหน หากแต่คือ กอร์ดอน บราวน์

นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันนั่นเอง เพื่อไม่ให้ตัดคะแนนเสียงกันเอง

แบลร์ได้ทําข้อตกลงลับกับบราวน์ว่า ถ้ายอมหลีกทางให้เขาเป็น

หัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี เขาจะยอมลงจากตําแหน่งในเวลา

สองสมัยเพื่อให้บราวน์รับช่วงต่อ การต่อสู้ครั้งนั้นบราวน์จึงยอมถอน

ตัวและแบลร์ก็ได้เป็นผู้นําพรรคแรงงานสมใจ

Page 29: The Leader & Power

28

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

แบลร์เริ่มนําพรรคแรงงานเข้าสู่ยุคใหม่ตั้งแต่ปี 1994 นอก

จากนโยบายใหม่ ทีมงานคนรุ่นใหม่แล้ว แบลร์ยังใส่ใจกับการบริหาร

สื่อและภาพลักษณ์สาธารณะเป็นอย่างยิ่ง ทําให้แบลร์กลายเป็นนักการ

เมืองคนดังภาพลักษณ์ดี

ส่วนผสมทั้งหมดทําให้ในปี 1997 แบลร์สามารถสร้าง

ประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการนําพรรคแรงงานคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง

อย่างถล่มทลาย ยุติการนําอย่างยาวนานกว่า 18 ปีโดยพรรคอนุรักษ์-

นิยมลง ด้วยจํานวนเก้าอี้ในสภามากถึง 179 ที่นั่ง ส่งผลให้แบลร์กลาย

เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษด้วยวัยเพียง 44 ปี

คะแนนนิยมที่มีต่อตัวแบลร์พุ่งขึ้นสูงกว่าร้อยละ 70 หลังจาก

ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ก่อนจะพุ่งขึ้นสูงกว่านั้นในหนึ่งปีถัดมา

เมื่อแบลร์ใช้ความสามารถด้านการสื่อสารเรียกขานเจ้าหญิงไดอาน่า

ด้วยคําว่า เจ้าหญิงของประชาชน (People’s Princess) ภายหลังจาก

ที่ไดอาน่าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในกรุงปารีส และราชวงศ์มีท่าทีเย็นชา

ต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่าจนสร้างความไม่พอใจให้กับ

สื่อมวลชนและคนอังกฤษ

สงครามหรือสันติภาพ

แบลร์เคยกล่าวไว้ในปีที่เขาได้รับการเลือกตั้งว่า คนรุ่นเขาน่า

จะเป็นคนรุ่นแรกที่สามารถใคร่ครวญถึงความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตทั้ง

ชีวิตโดยปราศจากสงคราม หรือมิต้องส่งลูกหลานเข้าสู่สงคราม นั่นดู

จะเป็นจินตนาการอันสูงส่งของคนที่เกิดมาในยุคหลังสงครามโลกครั้ง

ที่สอง แต่เมื่อผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ใน

Page 30: The Leader & Power

29

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

มหานครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 แบลร์ได้ประกาศต่อ

ประชาชนชาวอังกฤษอย่างขึงขังว่า

“นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างอเมริกากับลัทธิก่อการร้าย แต่นี่คือ

สงครามระหว่างโลกเสรีประชาธิปไตยกับลัทธิก่อการร้าย ดังนั้น พวก

เราชาวอังกฤษจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหายชาวอเมริกันของเรา ใน

โมงยามแห่งความเศร้านี้”

สุนทรพจน์ที่ปลุกขวัญและกําลังใจคนในชาติใช้ได้ดีเสมอใน

ภาวะที่คนในประเทศตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ไม่ว่าความกลัวนั้นจะ

มาจากสาเหตุใด ไม่เพียงแต่คะแนนนิยมของบุชจะพุ่งสูงขึ้นในอเมริกา

ด้วยสุนทรพจน์ชาตินิยมเท่านั้น ในอังกฤษเอง คะแนนนิยมของแบลร์

ก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งหลังจากการประกาศอย่างแข็งขันที่จะต่อสู้กับลัทธิ

ก่อการร้าย สายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นหลัง

จากกรณี 9/11

จึงไม่น่าแปลกใจเมื่ออเมริกาตัดสินใจบุกอิรัก แบลร์จึงออก

หน้าเคียงบ่าเคียงไหล่บุช แม้จะได้รับการต่อต้านจากสมาชิกสภาผู้

แทนราษฎรพรรคแรงงานที่ออกเสียงคัดค้านถึง 139 เสียง แต่แบลร์ก็

พาอังกฤษเข้าสู่สงครามอิรักด้วยเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรค

อนุรักษ์นิยมอันเป็นพรรคฝ่ายค้าน การตัดสินใจครั้งนี้ทําให้โรบิน คุก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษจากพรรคแรงงาน

รวมทั้งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลของเขาอีกหลายคนประกาศลาออกเพื่อ

เป็นการประท้วง

การตัดสินใจบุกอิรักกลายเป็นการตัดสินใจครั้งสําคัญในชีวิต

การเมืองของแบลร์ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ดร.เดวิด เคลลี่ แหล่ง

Page 31: The Leader & Power

30

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

บุชกับแบลร์ สองผู้นําประเทศมหาอํานาจ ผู้ส่งกองกําลังทหารเข้าไปในอิรักและยืนยันความถูกต้องในการตัดสินใจของตน

Page 32: The Leader & Power

31

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

ข่าวของบีบีซี ผู้ให้ข้อมูลเรื่องการไม่มีอยู่จริงของอาวุธอานุภาพทําลาย

ล้างสูงในอิรัก ถูกพบเป็นศพในชายป่าแห่งหนึ่ง สื่อมวลชนอังกฤษ

นําเสนอข่าวนี้อย่างต่อเนื่องนานหลายเดือน จนกลายเป็นเรื่องที่

สั่นคลอนตําแหน่งนายกรัฐมนตรีของแบลร์ เช่นเดียวกับข่าวการรับ

เงินช่วยเหลือของพรรคแรงงานผ่านทางที่ปรึกษาคนสนิทของแบลร์

เพื่อแลกกับตําแหน่งสําคัญ หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า cash-

for-honours ที่กําลังดําเนินไปอย่างเข้มข้นในช่วงเวลาก่อนแบลร์จะ

ก้าวลงจากตําแหน่ง

อำานาจ

ในที่สุดหลังจากรั้งรอมานาน แบลร์ก็ตัดสินใจกลับไปยังเขต

เซดจ์ฟีลด์ อันเป็นเขตที่เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ เขาเลือก

จะกลับมากล่าวอําลาตําแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่ที่เขาแจ้งเกิดทางการ

เมือง เลือกที่จะกล่าวสุนทรพจน์สุดท้ายกับคนที่เลือกเขาเข้าสู่สภา

แบลร์เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนไว้ว่า เขายังยืนยัน

ว่าการตัดสินใจส่งทหารเข้าไปในอิรักเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ประเทศอย่าง

อังกฤษจําเป็นต้องดําเนินนโยบายต่างประเทศอย่างชาญฉลาด บาง

ครั้งอาจจะต้องอาศัยแรงเหวี่ยงจากมหาอํานาจอื่นๆ เพื่อคงบทบาท

ของอังกฤษในเวทีโลกไว้

แบลร์ยืนยันความคิดนี้อีกครั้งในคํากล่าวลา

“ท่านอาจจะคิดว่าข้าพเจ้าผิด แต่ข้าพเจ้าทําในสิ่งที่ข้าพเจ้า

คิดว่าถูกต้องสําหรับประเทศ”

ไม่มีใครรู้ว่าในวันข้างหน้าลูกหลานชาวอังกฤษจะเขียน

ประวัติศาสตร์โทนี่ แบลร์อย่างไร แต่ในวันนี้ เมื่อเขาตัดสินใจปล่อยมือ

Page 33: The Leader & Power

32

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

จากอํานาจ คํายกย่องที่ว่าเขาเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดในยุค

ของเขาก็เห็นจะไม่ได้เป็นคํากล่าวเกินเลย อย่างน้อยเขาก็พิสูจน์ให้

โลกเห็นว่า ใช่แต่เพียงการได้มาซึ่งอํานาจและการรักษาอํานาจไว้

เท่านั้น แต่แบลร์ยังเรียนรู้ศิลปะขั้นสูงของการเมือง นั่นคือการก้าวลง

จากอํานาจในเวลาที่ถูกต้อง

จะมีก็แต่นักปีนเขาผู้เชี่ยวชาญ นักการเมืองผู้สามารถ และ

มนุษย์ผู้เจนจัดในชีวิตเท่านั้น ที่จะเข้าถึงศิลปะขั้นสูงของการเดินลง

จากยอดเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ที่อยู่เหนือ

เอเวเรสต์ขึ้นไป

ที่เรียกกันในภาษาไทยว่า อํานาจ

โทนี่ แบลร์และครอบครัวหน้าบ้านเลขที่ 10 ในวันอําลาตําแหน่งนายกรัฐมนตรี

Page 34: The Leader & Power

33

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

Page 35: The Leader & Power

34

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

“And now let the work of change begin.”

Gordon Brown

วิถีของบราวน์

02

Page 36: The Leader & Power

35

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่

อำานาจ

สิ่งที่ผู้มีอํานาจกลัวมากที่สุด คือการตกจากอํานาจ ผู้มีอํานาจ

จึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาอํานาจของตนเองไว้ให้แน่นหนา

ที่สุด ด้วยเหตุนี้ ผู้มีอํานาจจึงมักไม่ไว้ใจใคร ไม่จริงใจกับผู้คน และ

เต็มไปด้วยความหวาดระแวง บุคคลซึ่งผู้มีอํานาจมักหวาดระแวง

ไม่จริงใจ และไม่ไว้ใจมากที่สุดหาใช่คนอื่นไกล หากแต่คือคนใกล้ตัว

ยิ่งใกล้ตัวมากเท่าใด ยิ่งน่าวิตกกังวลว่าคนผู้นั้นจะสร้างบารมีขึ้นมา

แข่งและแย่งอํานาจไปจากตน

ในประวัติศาสตร์การเมืองของทุกชาติทุกภาษา ผู้ที่เริ่มมี

บารมีจนท้าทายอํานาจของกษัตริย์มักมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ถ้าไม่ถูกสั่ง

ประหารและริบทรัพย์ ก็มักต้องหลีกลี้หนีราชภัยออกไปใช้ชีวิตตามป่า

เขาห่างไกล หรือในบ้านเมืองต่างแดน บ้างต้องแสร้งเร้นกายหายสูญ

หรือเปลี่ยนชื่อแซ่ จนแม้แต่คนเคยรู้จักก็ต้องปิดบังอําพราง

Page 37: The Leader & Power

274

ผู้นํา อํานาจ ประวัติศาสตร์ และการเมืองใหม่