4
อะไรคือ essay และฝกเขียน essay ยังไง (ขั้น intermediate to advanced) โดยเมื่อลมแรง...ใบไมก็รวง/Dialogue on Writing ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อาทิตยกอนมีนองคนนึงอีเมลลมาถามวาทํายังไงถึงจะเขียนไดดี ผมเห็นวานองคนนั้นมีภาษาในการ เขียนที่คอนขางดีแลว และสามารถ organize essay ไดดี ผมเลยไมไดแนะนําเหมือนกับที่เคยแนะนํา คนอื่นๆ ไป ผมมุงไปที่ทักษะการอาน และกระบวนการคิดมากกวาการเขียน เพราะจากประสบการณ ผมเชื่อวาในการเขียน essay หนึ่งฉบับนั้น reading กับ thinking คิดเปน 70% อีก 30% ที่เหลือเปน writing skill ตรงนี้อาจจะแปลกจากที่ทั่วไปที่มักมีความเขาใจวาการเขียน essay มันก็เปนเรื่อง writing 100% สิ ดังนั้นผมวาสิ่งสําคัญที่ตองพูดถึงคือสิ่งที่เราไมคอยพูดถึง นั่นคือ What is an essay? หลายๆ ครั้ง (จริงๆ เกือบทุกครั้ง) เราจะถูกสอนมาวา essay มีสวนประกอบคือ introduction, body, conclusion และ essay ที่ดีควรจะมี thesis statement อยูตอนตน แลวสวน body ตอง support thesis statement นั้น ทําใหเวลาเราเขียน essay เราจะยึดติดกับรูปแบบแบบนีIntroduction: thesis statement Body 1: Support thesis Body 2: Support thesis Body 3: Support thesis Conclusion: สรุปเรื่องที่พูดมาทั้งหมด เชน Introduction: ประเทศไทยเปนประเทศที่นาอยูที่สุด Body 1: เพราะวาไมคอยมีภัยธรรมชาติ Body 2: เพราะวาคนมีน้ําใจ Body 3: เพราะวาขาวของถูก

what is an essay

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: what is an essay

อะไรคือ essay และฝกเขียน essay ยังไง (ข้ัน intermediate to advanced)

โดยเมื่อลมแรง...ใบไมก็รวง/Dialogue on Writing-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อาทิตยกอนมีนองคนนึงอีเมลลมาถามวาทํายังไงถึงจะเขียนไดดี ผมเห็นวานองคนนั้นมีภาษาในการเขียนที่คอนขางดีแลว และสามารถ organize essay ไดดี ผมเลยไมไดแนะนําเหมือนกับที่เคยแนะนําคนอ่ืนๆ ไป ผมมุงไปที่ทักษะการอาน และกระบวนการคิดมากกวาการเขียน เพราะจากประสบการณ ผมเชื่อวาในการเขียน essay หนึ่งฉบับนั้น reading กับ thinking คิดเปน 70% อีก 30% ที่เหลือเปน writing skill ตรงนี้อาจจะแปลกจากที่ทั่วไปที่มักมีความเขาใจวาการเขียน essay มันก็เปนเร่ือง writing 100% สิ ดังนั้นผมวาส่ิงสําคัญที่ตองพูดถึงคือส่ิงที่เราไมคอยพูดถึง นั่นคือ What is an essay?

หลายๆ คร้ัง (จริงๆ เกือบทุกคร้ัง) เราจะถูกสอนมาวา essay มีสวนประกอบคือ introduction, body, conclusion และ essay ที่ดีควรจะมี thesis statement อยูตอนตน แลวสวน body ตอง support thesis statement นั้น ทําใหเวลาเราเขียน essay เราจะยึดติดกับรูปแบบแบบนี้

Introduction: thesis statementBody 1: Support thesisBody 2: Support thesisBody 3: Support thesisConclusion: สรุปเร่ืองที่พูดมาทั้งหมด

เชน

Introduction: ประเทศไทยเปนประเทศที่นาอยูที่สุดBody 1: เพราะวาไมคอยมีภัยธรรมชาติBody 2: เพราะวาคนมีน้ําใจ Body 3: เพราะวาขาวของถูก

Page 2: what is an essay

Conclusion: เมืองไทยนาอยูเพราะวาสาเหตุ 3 ประการดังที่กลาวขางตน

ไมนาแปลกวาหลายๆ คนจะถูกสอนมาแบบนี้นะครับ นั่นเพราะวาขอสอบหลายๆ ชนิด เชน TOEFL หรือ SAT ก็ยึดติดกับรูปแบบแบบนี้ (ถาไมเขียนตามนี้ คะแนนอาจจะไมดี)

จริงๆ แลวรูปแบบการเขียนแบบนี้เราไมเรียกวา essay นะครับ นักวิชาการบางคนเรียกวา "high-school 5-paragraph writing" หรือ "thesis/support form"

แลวจริงๆ essay คืออะไร มีรูปแบบยังไง?

มีหลายๆ คนใหนิยามของคําวา essay ไว แตถาจะใหสรุปตามความเขาใจผมคือ [b]งานเขียนที่เปนการบันทึกกระบวนความคิดของนักเขียน วากวาจะผานมาจนถึงจุดสุดทายของงานเขียน (ยอหนาสุดทาย) นักเขียนคิดอะไรบาง หรืองายๆ ก็คือ essay ไมไดมีหนาที่บอกความจริงกับคนอาน แต essay บอกความคิดของคนๆ หนึ่งเกี่ยวกับสถาการณ/ประสบการณ/บทความหนึ่ง[/b] อานแบบนี้แลวจะเห็นวา essay ไมไดมีรูปแบบที่สวยงามหรือ perfect แบบที่มี introduction บอก thesis statement หรือมี body ที่สนับสนุน thesis statement และมี conclusion ที่บอกคนอานวาทั้งหมดไดเขียนอะไรมา แต essay ที่แทจริงนั้นมีรูปแบบที่ไมตายตัว บางทีคนเขียนอาจจะขัดแยงในความคิดของตัวเอง, ไมเห็นดวยกับคนอ่ืนที่แสดงความเห็นในหัวขอที่ตัวเองสนใจ หรือเห็นดวย, ยกตัวอยางใหคนอานดูเพ่ือชักจูงใหคลอยตาม, ตั้งคําถาม (ที่หลายๆ คร้ังยังหาคําตอบไมได แตส่ิงที่ไดมาคือสมมติฐานที่มาจากการศึกษาในชวงเวลานั้น), มองหัวขอในหลายๆ มุมมองไมใชมุมมองที่ตัวเองเห็นอยางเดียว เปนตน

ถาจะสังเกตใหดี จะเห็นวา essay จะคลายๆ กับบทสนทนา เชน เวลาเพ่ือนมาเลาใหฟงวาหนังเร่ืองนี้ดียังไง เพ่ือนก็คงไมบอกวาหนังดีหมดหรือหนังไมมีไปสะหมด แลวเราก็คงไมแคเห็นดวยหรือไมเห็นดวยกับความคิดของเพ่ือน หรือเราอาจจะบอกวา มันคลายๆ กับหนังเร่ืองที่เราเคยดู หรือเราอาจจะตั้งคําถามกับเพ่ือน (เชน "เหย แตถาดูดีๆ ฉากนี้มันเปนแบบนี้นะเวย") ความเปนไปไดที่เราจะตอบมีอีกหลากหลายไมจบส้ิน เชนเดียวกันกับการเขียน essay แตส่ิงที่ยากคือ เราจะตองเปนทั้งตัวเองและเปนทั้งเพ่ือนในเวลาเดียวกัน ตรงนี้ตองอาศัยการฝก ทั้งการอานและการเขียนและการคิด

Page 3: what is an essay

ฝกยังไงดีหละ?

การอาน/การคิด สองอยางนี้สําหรับผมดูเหมือนจะมาคูกัน ตองบอกกอนวาผมมองการอานในมุมที่แตกตางไป การอานไมไดหมายถึงการอานหนังสืออยางเดียว แตรวมไปถึงการอานโลก (ขอใชคําของนักการศึกษาชาวบราซิลนะครับ Reading the World, Reading the Word) เวลาเราจะพูดถึงปรากฎการณในสังคม เชนเส้ือสายเดี่ยว เราก็กําลัง "อาน" สังคมอยู คือเรากําลังมองถึงส่ิงที่เกิดข้ึน พยายามหาสาเหตุ แสดงความคิดเห็น (วาชอบหรือไมชอบ -- เพราะวาอะไร) เปรียบเทียบส่ิงที่เกิดข้ึนกับปรากฎการณอ่ืนๆ ในสังคมทั้งในอดีตและปจจุบัน ตั้งสมมติฐานวาอนาคตตอไปจะเปนยังไง (กระแสนี้จะอยูนานแคไหน หรือวามีผลกระทบตอกระแสที่จะตามมาหรือเปลา) เปนตน ผมเรียกกิจกรรมทางสมองเหลานี้วาการ "อาน" เขนเดียวกัน

จากตัวอยางสายเดี่ยวจะเห็นวาการอานนั้นไมเหมือนกับการอานทั่วไป ปกติเวลาเราอานหนังสือเราจะพยายาม "สรุป" (ตรงนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากวัฒนธรรมขอสอบปรนัยที่เนนความจํา) แลวก็จบลงแคนั้น ทําใหเวลาเราเขียน เราก็มักจะ "สรุป" ส่ิงที่เราอานใหคนอานของเรา แตคําถามคือ คนอานไมสามารถสรุปไดดวยตัวเองนั้นหรือ ถาสรุปเองได ทําไมจะตองมาอานงานเขียนของเรา? [b]นี่แหละครับปญหาสําคัญ หลายๆ งานเขียนที่ผมเห็นจะเนนสรุปมากกวาที่จะพยายามทํากิจกรรมทางสมองที่ผมพูดไวตอนแรก[/b] ทําใหงานเขียนพวกนี้ไมถูกเรียกวา essay อีกทั้งยังไมมีอะไรแปลกใหมสําหรับคนอาน เพราะวาคนอานไมไดรูวาเราเขียนทําไม (นอกจากเขียนเพ่ือสรุป ซึ่งเคาสรุปเองได) และไมไดเห็นความคิดเห็นของเราตอหัวขอ และไมไดเรียนรูอะไรใหมๆ

ดังน้ันเวลาอานน้ันเราควรจะอานดวยความคิดท่ี active อยูตลอดเวลา ตองคอยสรุป และ เปรียบเทียบ แสดงความเห็น (เห็นดวยและไมเห็นดวย เพราะวาอะไร) ตั้งสมมติฐาน หาสาเหตุของปญหา/หัวขอ เปนตน หรือพูดงายๆ คือ ตองทําใหคนอานอานแลวรูสึกวาไดอะไรกลับไป แลว "อะไร" ในท่ีน้ีก็หมายถึง ความคิดของเราในฐานะนักเขียนตอหัวขอหรือปญหาท่ีเรากําลังเขียน

การที่เราจะทําแบบนี้ไดเราตองฝกบอยๆ ครับ คิดอยูในหัวไมพอ จะตองเขียนออกมาดวย แลวเขียน

Page 4: what is an essay

อยางเดียวก็ไมพอ จะตองมีคนคอยตรวจดวย สําหรับผมนี่คือหัวใจหลักของการฝกการเขียน คือ ตองมีคนแนะนําท่ีมีความรูความเขาใจการ(สอนการ)เขียน และระบบการเขียน ไมใชเพียงแคตรวจแกรมมารหรือศัพทใหเทาน้ัน แตคนใหคําแนะนําจะตองสามารถใหความเห็นเกี่ยวกับงานเขียนไดดวย นั่นคือคนแนะนําตองอานงานเขียนนั้นเสมือนเปนงานเขียนของนักเขียนอาชีพ ไมใชแคนั่งจับผิดวาเขียนถูกหรือไมถูก หรือดีหรือไมดี (ตรงนี้ผมเคยเขียนไวในอีกกระทู "เขียน essay แลวใหเพ่ือนๆ ชวยแก ชวยคุณเขียน essay ไดจริงๆ เหรอ?" http://dialogueonwriting.blogspot.com/2008/04/compositionesl-essay-essay_25.html)

ผมเขาใจวาเมืองไทยยังไมมี compositionist (คนที่เรียนทางดานการเขียนเชิงวิชาการ และการสอนการเขียนเชิงวิชาการ) อยางจริงๆ จังๆ อาจารยสวนมากก็จะเรียนมาทางดานวรรณคดี หรือ Teaching English as a Second Language แตตองมีหนาที่สอนการเขียนไปในตัวทําใหเมืองไทยขาดบุคลลากรดานนี้ อีกอยาง ร.ร. กวดวิชาตางๆ ก็มีเปาหมายใหนักเรียนสอบขอสอบ TOEFL ไดคะแนนดีๆ จึงเนนไปที่การสอน thesis/support form ที่จะเรียกคะแนนจากคนตรวจไดมากกวา essay (จริงๆ สอน thesis/support form งายกวาดวย) แตยังไงก็ตามผมคิดวาทักษะการเขียน essay เปนส่ิงที่นาสนใจ เพราะวามันจะฝกใหเราเปนทั้งนักอาน นักคิด และนักเขียนในสังคมที่เรากําลังไดรับขอมูลหลายๆ ไดอยางในปจจุบันครับ

29 พ.ค. 2551เม่ือลมแรง...ใบไมก็รวง