2
ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสีÉ คนอีสาน มีวัฒนธรรมประจําชาติและประจําท้องถิÉน มาแต่ โบราณกาลแล้ว นับศตวรรษ จนถือ เป็ นฮีต เป็ นคลอง …ต้องปฏิบัติสืบ กันมาจนเป็นประเพณีทีÉรู้จักกันดี และพูดจนติด ปากว่า “ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสีÉ ฮีตสิบสอง คําว่า ฮีต มาจากคําภาษาบาลีทีÉว่า จารีตตะ แปลว่า ธรรมเนียมแบบแผนความประพฤติ ทีÉดีงามปฏิบัติสืบต่อกันมาจน กลายเป็นประเพณี ฮีต นัÊนมี ๑๒ ประการ เท่ากับ ๑๒ เดือนใน ๑ ปี ตามระบบจันทรคติ หรือพูดอีก นัยคือ การทําบุญ ๑๒ เดือน นัÊนเอง ฮีตทีÉ ๑. บุญเข้ากรรม หรือ บุญเดือนเจียง ภิกษุต้องอาบัติ.สังฆาทิเสส ต้องอยู่กรรมถึงจะพ้นอาบัติ ญาติโยม แม่ออกแม่ตนผู้อยากได้บุญกุศลก็จะให้ไปทาน รักษาศิล ฟังธรรม เกีÉยวกับการเข้ากรรมของภิกษุ เรียกว่า บุญเข้ากรรม กําหนดเอาเดือน เจียงเป็นเวลาทํา จะเป็นข้างขึÊนหรือข้างแรมก็ได้ วันทีÉนิยม ทําเป็น ส่วนมากคือวันขึÊน 15 คํÉา เพราะเหตุมีกําหนดให้ทําในระหว่างเดือน เจียง จึงเรียกว่า บุญเดือนเจียง ฮีตทีÉ ๒. บุญคูนข้าว หรือ บุญคูนลาน ทีÉสําหรับตีหรือนวดข้าว เรียกว่า ลาน การเอาข้าวทีÉตีแล้วมากองให้ สูงขึÊน เรียกว่าคูนลาน หรือทีÉเรียกกันว่าคูนข้าวชาวนาทีÉทํานาได้ผลดี อยากได้กุศล ให้ทานรักษาศีล เป็นต้น ก็จัดเอาลานข้าวเป็นสถานทีÉ ทําบุญ การทําบุญในสถานทีÉดังกล่าวเรียกว่าบุญคูนลานกําหนดเอาช่วง เดือนยีÉเป็นเวลาทําบุญ จึงเรียกว่า บุญเดือนยีÉ ฮีตทีÉ ๓. บูญข้าวจีÉ หรือ บุญเดือนสาม ข้าวเหนียวปัÊนโรยเกลือ ทาไข่ไก่แล้วจีÉไฟใฟ้สุก เรียกว่า ข้าวจีÉ การ ทําบุญมีให้ทานข้าวจีÉเป็นต้น เรียกว่าบุญข้าวจีÉ นิยมทํากันอย่าง แพร่หลาย เพราะถือว่าได้กุศลเยอะ ทําในช่วงเดือนสาม เรียกว่า บุญ เดือนสาม ฮีตทีÉ ๔. บุญเผวส หรือ บุญเดือนสีÉ บุญทีÉมีการเทศน์พระเวส หรือ มหาชาติ เรียกว่า บุญเผวส (ผะ- เหวด) หนังสือมหาชาติ หรือ พระเวสสันดรชาดก แสดงถึง จริยวัตร ของพระพุทธเจ้า คราวพระองค์เสวยพระชาติเป็น พระเวสสันดร เป็น หนังสือเรืÉองยาว 13 ผูก (13 กัณฑ์) บุญเผวส นิยมทํากันในช่วงเดือนสีÉ ฮีตทีÉ ๕. บุญสรงนํÊา หรือ บุญเดือนห้า เมืÉอเดือนห้ามาถึง อากาศก็ร้อนอบอ้าวทําให้คนเจ็บไข้ได้ป่วยการ อาบนํÊาชําระเนืÊอกายเป็นวิธีการแก้ร้อนผ่อนให้เป็นเย็น ให้ได้รับความ สุขกายสบายใจ อีกอย่างหนึÉง มีเรืÉองเล่าว่า เศรษฐีคนหนึÉงไม่มีลูก จึง ไปบะบน(บนบาล) พระอาทิตย์และพระจันทร์เพืÉอขอลูก เวลาล่วงเลย มาสามปี ก็ยังไม่ได้ลูกจึงไปขอลูกกับต้นไทรใหญ่ เทวดาประจําต้น ไทรใหญ่ มีความกรุณาได้ไปขอลูกนําพระยาอินทร์ พระยาอินทร์ให้ ธรรมะปาละกุมาร (ท้าวธรรมบาล) มาเกิดในท้องภรรยาเศรษฐี เมืÉอ ธรรมะปาละประสูติ เจริญวัยวัยใหญ่ขึÊน ได้เรียนจบไตรเภท เป็น อาจารย์สอนการทํามงคลแก่คนทัÊงหลาย ครัÊงนัÊน ท้าวกบิลพรหม ลงมา ถามปัญหาธรรมะปาละกุมาร (ถามปัญหาสามข้อคือ คนเราในวันหนึÉง ๆ มีศรีอยู่ทีÉไหนบ้าง ถ้าธรรมบาลตอบได้จะตัดศรีษะตนบูชา แต่ถ้า ตอบไม่ได้จะตัดศรีษะธรรมบาลเสียโดยผลัดให้เจ็ดวันในชัÊนแรก ธรรม บาลตอบไม่ได้ ในวันทีÉหก ธรรมบาลเดินเข้าไปในป่า บังเอิญได้ยินนก อินทรีย์สองผัวเมียพูดคําตอบให้กันฟัง ตอนเช้าศรี อยุ่ ทีÉหน้า คนจึงเอา นํÊาล้างหน้าตอนเช้า ตอนกลางวันศรีอยู่ทีÉอก คนจึงเอานํÊาหมดประ พรหมหน้าอกตอนกลางวัน และตอนเย็นศรีอยู่ทีÉเท้า คนจึงเอานํÊาล้างเท้า ตอนเย็น ธรรมบาลจึงสามารถตอบคําถามนีÊได้ ) สัญญาว่าถ้าธรรมบาล ตอบปัญหาจะตัดหัวของตนบูชา ธรรมบาลแก้ได้ เพราะศรีษะของกบิล พรหมมีความศักดิÍสิทธิÍมาก ถ้าตกใส่แผ่นดินจะเกิดไฟไหม้ ถ้าทิÊงขึÊนไป ในอากาศฝนจะแล้ง ถ้าทิÊงลงมหาสมุทรนํÊาจะแห้ง ก่อนตัดศรีษะกบิล พรหมเรียกลูกสาวทัÊงเจ็ดคน เอาขันมารองรับแห่รอบเขาพระสุเมรุหก สิบนาที แล้วนําไปไว้ทีÉเขาไกรลาสเมืÉอถึงกําหนดปีนางเทพธิดาทัÊงเจ็ด ผลัดเปลีÉยนกันมาเชิญเอาศีรษะท้าวกบิลพรหมมาแห่รอบเขาพระสุเมรุ แล้วกลับไปเทวโลก ฮีตทีÉ ๖. บุญบังไฟ หรือ บุญเดือนหก การเอาขีÊเจีย(ดินประสิว) มาประสมคัÉวกับถ่านโขลกให้แหลก เรียกว่าหมืÉอ (ดินปืน) เอาหมืÉอใส่กระบอกไม้ไผ่อัดให้แน่นแล้วเจาะรู ใส่หางเรียกว่าบัÊงไฟ การทําบุญมีให้ทาน เป็นต้น เกีÉยวกับการทําบ้องไฟ เรียกว่า บุญบัÊงไฟ กําหนดทํากันในเดือนหกเรียกว่า บุญเดือนหก เพืÉอ ขอฟ้าขอฝนจากเทวดาเมืÉอถึงฤดูแห่งการเพาะปลูก ทําไร่ทํานา ฮีตทีÉ ๗. บุญซําฮะ หรือ บุญเดือนเจ็ด การชําฮะ (ชําระ) สะสางสิÉงสกปรกโสโครกให้สะอาดปราศจาก มลทิลโทษหรือความมัวหมอง เรียกว่า การซําฮะสิÉงทีÉต้องการทําให้ สะอาดนัÊนมี 2 อย่างคือ ความสกปรกภายนอก ได้แก่ ร่างกาย เสืÊอผ้า อาหารการกิน ทีÉอยู่อาศัย และ ความสกปรกภายใน ได้แก่ จิตใจเกิด ความความโลภ โกรธ หลง เป็นต้น แต่สิÉงทีÉจะต้องชําระในทีÉนีÊคือเมืÉอ บ้านเมืองเกิดข้าศึกมาราวีทําลาย เกิดผู้ร้ายโจรมาปล้น เกิดรบราฆ่าฟัน แย่งกันเป็นใหญ่ผู้คนช้างม้าวัวควายล้มตาย ถือกันว่าบ้านเดือดเมือง ร้อนชะตาบ้านชะตาเมืองขาด จําต้องซําฮะให้หายเสนียดจัญไร การ ทําบุญมีการรักษาศีลให้ทานเป็นต้นเกีÉยวกับการซําฮะ นีÊเรียกว่า บุญซํา ฮะ มีกําหนดทําให้ระหว่างเดือนเจ็ด จึงเรียกว่า บุญเดือนเจ็ด

แผ่นพับ ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสี่

  • Upload
    -

  • View
    204

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: แผ่นพับ ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสี่

ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสี

คนอีสาน มีวัฒนธรรมประจําชาติและประจําท้องถิน มาแต่

โบราณกาลแล้ว นับศตวรรษ จนถือ เป็นฮีต เป็นคลอง …ต้องปฏิบัติสืบ

กันมาจนเป็นประเพณีทีรู้จักกันดี และพูดจนติด ปากว่า “ฮีตสิบสอง

คลองสิบสิบสี”

ฮีตสิบสอง คําว่า ฮีต มาจากคําภาษาบาลีทีว่า จารีตตะ แปลว่า

ธรรมเนียมแบบแผนความประพฤติ ทีดีงามปฏิบัติสืบต่อกันมาจน

กลายเป็นประเพณี

ฮีต นันมี ๑๒ ประการ เท่ากับ ๑๒ เดือนใน ๑ ปี ตามระบบจันทรคติ

หรือพูดอีก นัยคือ การทําบุญ ๑๒ เดือน นันเอง

ฮีตที ๑. บุญเข้ากรรม หรือ บุญเดือนเจียง

ภิกษุต้องอาบัติ.สังฆาทิเสส ต้องอยู่กรรมถึงจะพ้นอาบัติ ญาติโยม

แม่ออกแม่ตนผู ้อยากได้บุญกุศลก็จะให้ไปทาน รักษาศิล ฟังธรรม

เกียวกับการเข้ากรรมของภิกษ ุ เรียกว่า บุญเข้ากรรม ก ําหนดเอาเดือน

เจียงเป็นเวลาทํา จะเป็นข้างขึ นหรือข้างแรมก็ได้ ว ันทีนิยม ทําเป็น

ส่วนมากคือวันขึ น 15 ค ํา เพราะเหตุมีก ําหนดให้ทําในระหว่างเดือน

เจียง จึงเรียกว่า บุญเดือนเจียง

ฮีตที ๒. บุญคูนข้าว หรือ บุญคูนลาน

ทีสําหรับตีหรือนวดข้าว เรียกว่า ลาน การเอาข้าวทีตีแล้วมากองให้

สูงขึน เรียกว่าคูนลาน หรือทีเรียกกันว่าคูนข้าว ชาวนาทีทํานาได้ผลดี

อยากได้กุศล ให้ทานรักษาศีล เป็นต้น ก็จัดเอาลานข้าวเป็นสถานที

ทําบุญ การทําบุญในสถานทีดังกล่าวเรียกว่าบุญคูนลานกําหนดเอาช่วง

เดือนยีเป็นเวลาทําบุญ จึงเรียกว่า บุญเดือนย ี

ฮีตที ๓. บูญข้าวจ ีหรือ บุญเดือนสาม

ข้าวเหนียวปั นโรยเกลือ ทาไข่ไก่แล้วจีไฟใฟ้สุก เรียกว่า ข้าวจี การ

ทําบุญมีให้ทานข้าวจีเป็นต้น เรียกว่าบุญข้าวจี นิยมทํากันอย่าง

แพร่หลาย เพราะถือว่าได้กุศลเยอะ ทําในช่วงเดือนสาม เรียกว่า บุญ

เดือนสาม

ฮีตที ๔. บุญเผวส หรือ บุญเดือนสี

บุญทีมีการเทศน์พระเวส หรือ มหาชาติ เรียกว่า บุญเผวส (ผะ-

เหวด) หนังสือมหาชาติ หรือ พระเวสสันดรชาดก แสดงถึง จริยวัตร

ของพระพุทธเจ้า คราวพระองค์เสวยพระชาติเป็น พระเวสสันดร เป็น

หนังสือเรืองยาว 13 ผูก (13 กัณฑ)์ บุญเผวส นิยมทํากันในช่วงเดือนสี

ฮีตที ๕. บุญสรงนํา หรือ บุญเดือนห้า

เมือเดือนห้ามาถึง อากาศก็ร้อนอบอ้าวทําให้คนเจ็บไข้ได้ป่วยการ

อาบนํ าชําระเนือกายเป็นวิธีการแก้ร้อนผ่อนให้เป็นเย็น ให้ได้รับความ

สุขกายสบายใจ อีกอย่างหนึงมีเรืองเล่าว่า เศรษฐีคนหนึงไม่มีลูก จึง

ไปบะบน(บนบาล) พระอาทิตย์และพระจันทร์เพือขอลูก เวลาล่วงเลย

มาสามปี ก็ย ังไม่ได้ลูกจึงไปขอลูกกับต้นไทรใหญ่ เทวดาประจําต้น

ไทรใหญ่ มีความกรุณาได้ไปขอลูกนําพระยาอินทร์ พระยาอินทร์ให้

ธรรมะปาละกุมาร (ท้าวธรรมบาล) มาเกิดในท้องภรรยาเศรษฐี เมือ

ธรรมะปาละประสูติ เจริญวัยวัยใหญ่ขึ น ได้เรียนจบไตรเภท เป็น

อาจารย์สอนการทํามงคลแก่คนทั งหลาย ครั งนั น ท้าวกบิลพรหม ลงมา

ถามปัญหาธรรมะปาละกุมาร (ถามปัญหาสามข้อคือ คนเราในวันหนึง

ๆ มีศรีอยู่ทีไหนบ้าง ถ้าธรรมบาลตอบได้จะตัดศรีษะตนบูชา แต่ถ้า

ตอบไม่ได้จะตัดศรีษะธรรมบาลเสียโดยผลัดให้เจ็ดวันในชั นแรก ธรรม

บาลตอบไม่ได ้ในวันทีหก ธรรมบาลเดินเข้าไปในป่า บังเอิญได้ยินนก

อินทรีย์สองผัวเมียพูดคําตอบให้กันฟัง ตอนเช้าศรี อยุ่ ทีหน้า คนจึงเอา

นํ าล้างหน้าตอนเช้า ตอนกลางวันศรีอยู่ทีอก คนจึงเอานํ าหมดประ

พรหมหน้าอกตอนกลางวัน และตอนเย็นศรีอยู่ทีเท้า คนจึงเอานํ าล้างเท้า

ตอนเย็น ธรรมบาลจึงสามารถตอบคําถามนี ได้) สัญญาว่าถ้าธรรมบาล

ตอบปัญหาจะตัดหัวของตนบูชา ธรรมบาลแก้ได้ เพราะศรีษะของกบิล

พรหมมีความศักดิสิทธิมาก ถ้าตกใส่แผ่นดินจะเกิดไฟไหม ้ถ้าทิ งขึ นไป

ในอากาศฝนจะแล้ง ถ้าทิ งลงมหาสมุทรนํ าจะแห้ง ก่อนตัดศรีษะกบิล

พรหมเรียกลูกสาวทั งเจ็ดคน เอาขันมารองรับแห่รอบเขาพระสุเมรุ หก

สิบนาที แล้วนําไปไว้ทีเขาไกรลาสเมือถึงก ําหนดปีนางเทพธิดาทั งเจ็ด

ผลัดเปลียนกันมาเชิญเอาศีรษะท้าวกบิลพรหมมาแห่รอบเขาพระสุเมรุ

แล้วกลับไปเทวโลก

ฮีตที ๖. บุญบังไฟ หรือ บุญเดือนหก

การเอาขี เจีย(ดินประสิว) มาประสมคัวกับถ่าน โขลกให้แหลก

เรียกว่าหมือ (ดินปืน) เอาหมือใส่กระบอกไม้ไผ่อัดให้แน่น แล้วเจาะรู

ใส่หางเรียกว่าบั งไฟ การทําบุญมีให้ทาน เป็นต้น เกียวกับการทําบ้องไฟ

เรียกว่า บุญบังไฟ ก ําหนดทํากันในเดือนหกเรียกว่า บุญเดือนหก เพือ

ขอฟ้าขอฝนจากเทวดาเมือถึงฤดูแห่งการเพาะปลูก ทําไร่ทํานา

ฮีตที ๗. บุญซําฮะ หรือ บุญเดือนเจ็ด

การชําฮะ (ชําระ) สะสางสิงสกปรกโสโครกให้สะอาดปราศจาก

มลทิลโทษหรือความมัวหมอง เรียกว่า การซําฮะสิงทีต้องการทําให้

สะอาดนั นมี 2 อย่างคือ ความสกปรกภายนอก ได้แก ่ ร่างกาย เสือผ้า

อาหารการกิน ทีอยู ่อาศัย และ ความสกปรกภายใน ได้แก ่จิตใจเกิด

ความความโลภ โกรธ หลง เป็นต้น แต่สิงทีจะต้องชําระในทีนี คือเมือ

บ้านเมืองเกิดข้าศึกมาราวีท ําลาย เกิดผู ้ร้ายโจรมาปล้น เกิดรบราฆ่าฟัน

แย่งกันเป็นใหญ่ผู ้คนช้างม้าวัวควายล้มตาย ถือกันว่าบ้านเดือดเมือง

ร้อนชะตาบ้านชะตาเมืองขาด จําต้องซําฮะให้หายเสนียดจัญไร การ

ทําบุญมีการรักษาศลีให้ทานเป็นต้นเกียวกับการซําฮะ นี เรียกว่า บุญซํา

ฮะ มีก ําหนดทําให้ระหว่างเดือนเจ็ด จึงเรียกว่า บุญเดือนเจ็ด

Page 2: แผ่นพับ ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสี่

ฮีตที ๘. บุญเข้าวัดสา(เข้าพรรษา) หรือ บุญเดือนแปด

การอยู่ประจําวัดวัดเดียวตลอดสามเดือนในฤดูฝนเรียกว่าเข้าวัดสา

โดยปกติกําหนดเอาวันแรมหนึงคําเดือนแปดเป็นวันเริมต้น เรียกว่า

บุญเดือนแปด

ฮีตที ๙. บุญข้าวห่อประดับดิน หรือ บุญเดือนเก้า

การห่อข้าวปลาอาหารและของเคี ยวของกินเป็นห่อ ๆแล้วเอาไป

ถวายทานบ้าง ไปแขวนตามกิงไม้ในวัดบ้าง เรียกว่า บุญข้าวประดับดิน

เพราะมีก ําหนดทําบุญในเดือนเก้า จึงเรียกว่า บุญเดือนเก้า

ฮีตที ๑๐. บุญข้าวสาก หรือ บุญเดือนสิบ

การเขียนชือใส่สลากให ้พระภิกา และ สามเณร จับและเขียนชือใส่

ภาชนข์้าวถวายตามสลากนั นและทําบุญอย่าอืนมีรักษาศีล ฟังธรรม เป็น

ต้น เรียกว่า บุญข้าสาก (สลาก ) เพราะกําหนดให้ทําในเดือนสิบ จึง

เรียกว่า บุญเดือนสิบ

ฮีตที ๑๑. บุญออกวัดสา (ออกพรรษา) หรือ บุญเดือนสิบเอ็ด

การออกจากเขตจํากัดไปพักแรมทีอืนได้ เรียกว่า ออกวัดสา ค ําว่า

วัดสา หมายถึง ฤดูฝน ในปีหนึงมี 4 เดือน คือ ตั งแต่วันแรมสีคําเดือน

แปดถึงขึ น ๑๕ คําเดือน ๑๒ ในระยะสีเดือนสามเดือนต้น ให้เข้าวัด

ก่อน เข้าครบกําหนดสามเดือนแล้วให้ออก อีกเดือนทีเหลือให้หาผ้า

จีวรมาผลัดเปลียนการทําบุญมีให้ทานเป็นต้น เรียกว่า การทําบุญเดือน

สิบเอ็ด

ฮีตที ๑๒. บุญกฐิน หรือ บุญเดือนสิบสอง

ผ้าทีใช้ไม้สดึงทําเป็นขอบซึงเย็บจีวร เรียกว่า ผ้ากฐิน ผ้ากฐินนี มี

ก ําหนดเวลาในการถวายเพียงหนึงเดือนคือตั งแต่ แรมหนึงคําเดือน

สิบเอ็ด ถึง เพ็ญสิบสอง เพราะกําหนดเวลาทําในเดือน ๑๒ จึงเรียกว่า

บุญเดือนสิบสอง

คลองสิบสี หมายถึง ข้อกติกาของสังคม ๑๔ ประการ ทียึดถือ

ปฏิบัติต่อกันเพือความสงบเรียบร้อยของสังคม มีดังนี

๑. เมือได้ข้าวใหม่หรือผลหมากรากไม ้ให้บริจาคทาน แก่ ผู ้

มีศิล แล้วตนจึงบริโภคและแจกจ่ายแบ่งญาติพีน้องด้วย

๒. อย่าโลภมาก อย่าจ่ายเงินแดงแปงเงินคว้าง และอย่ากล่าว

คําหยาบช้ากล้าแข็ง

๓. ให้ท ําป้ายหรือกําแพงเอือนของตน แล้วปลูกหอบูชาเทวดา

ไว้ในสีแจ(มุม)บ้านหรือแจเฮือน

๔. ให้ล้างตีนก่อนขึ นเฮือน ๕ เมือถึงวันศีล ๗-๘ คํา ๑๔-๑๕

คํา ให้สมมาก้อนเส้า สมมาคีงไฟ สมมาขั นบันได สมมาผักตู(ประตู)

เฮือนทีตนอาศัยอยู ่

๖. ให้ล้างตีนก่อนเข้านอนตอนกลางคืน

๗. ถึงวันศีล ให้เมียเอาดอกไม้ธูปเทียนมาสมมาสามี แล้วให้

เอาเอาดอกไม ้ไปถวายสังฆเจ้า

๘. ถึงวันศิลดับ ศิลเพ็ง ให้นิมนต์พระสงฆ์มาสูดมนต์เฮือน

แลว้ทําบุญตักบาตร

๙.เมือภิกษุมาคลุมบาตร อย่าให้เพินคอย เวลาใส่บาตรอย่าซุน

(แตะ)บาตร อย่าซูนภิกษุสามเณร

๑๐. เมือภิกษุเข้าปริวาสกรรม ให้เอาขันขันข้าวตอกดอกไม้ธูป

เทียน และเครืองอัฐบริขารไปถวายเพิม

๑๑. เมือเห็นภิกษุ เดินผ่านมาให้นั งลงยกมือไหว้แล้วจึงค่อย

เจรจา

๑๒. อย่าเงียบเงาพระสงฆ ์

๑๓. อย่าเอาอาการเงือน (อาหารทีเหลือจากการบริโภค) ทาน

แก่ สังฆเจ้า และอย่าเอาอาหารเงือนให้สามีตัวเองกิน

๑๔. อย่าเสพกามคุณในวันศิล วันเข้าวัดสา วัดออกพรรษา วัน

มหาสงกรานต์และวันเกิดของตน

ทีมา http://www.kmitl.ac.th/esan

โครงการ สืบสาน ภูมิปญญาทองถิ่นไทย

ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ป พ.ศ. ๒๕๕๔ เทศบาลตําบลทาคันโท

วันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔

เรื่อง

ความหมายของ ฮีตสิบสอง คลองสิบสิบสี

จัดพิมพโดย

งานพัฒนาชุมชน กองสวัสดิการสังคม

เทศบาลตําบลทาคันโท อ. ทาคันโท จ. กาฬสินธุ

โทรศัพท/โทรสาร : ๐๔๓-๘๗๗-๐๘๘

ที่เว็บ http://www.nmt.or.th/kalasin/thakhantho