28
สารบาญเรียงลําดับมาตรา ตามพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน .. 2535 **************** มาตรา 30 ผูที่ถูกลงโทษทางวินัยอยางรายแรงกรณีกระทําผิดอาญาจนไดรับโทษ จําคุก ถือวาเปนบุคคลผูขาดคุณสมบัติทั่วไปในการเขารับราชการตามมาตรา 30 ตองไดรับ การยกเวนคุณสมบัติจาก .. หรือไดรับการลางมลทินตามกฎหมายเสียกอน จึงจะขอบรรจุ กลับเขารับราชการได แตสวนราชการจะบรรจุผูนั้นกลับเขารับราชการอีกหรือไม เปนดุลพินิจ ของผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 ที่จะพิจารณา (นร 0709.1/578 ลงวันที6 ธันวาคม 2544) (เรื่องที1) มาตรา 52 ขาราชการซึ่งถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะมีมลทินหรือมัวหมอง ในกรณีที่ถูกสอบสวนตามมาตรา 116 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการการพลเรือน .. 2535 มิใชถูกออกจากราชการเพราะกระทําผิดวินัย หากไมปรากฏวาขาดคุณสมบัติ ทั่วไปในกรณีอื่น ผูนั้นก็สามารถขอกลับเขารับราชการตามเดิมได สวนจะไดรับบรรจุกลับ เขารับราชการหรือไม เปนดุลพินิจของผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 (นร 0709.1/ 14 ลงวันที4 มกราคม 2545) (เรื่องที2) มาตรา 59 ขาราชการถูกลงโทษตัดเงินเดือนหลังจากไดรับเลื่อนใหดํารงตําแหนง ในระดับที่สูงขึ้น คําสั่งลงโทษดังกลาวยอมไมมีผลกระทบกับการเลื่อนระดับตําแหนง ซึ่ง ดําเนินการไปโดยชอบดวยกฎหมาย และไมขัดกับหลักเกณฑที่กําหนดไวในมาตรา 59

สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

  • Upload
    others

  • View
    11

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

สารบาญเรียงลําดับมาตรา

ตามพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

**************** มาตรา 30 ผูที่ถูกลงโทษทางวินัยอยางรายแรงกรณีกระทําผิดอาญาจนไดรับโทษ จําคุก ถือวาเปนบุคคลผูขาดคุณสมบัติทั่วไปในการเขารับราชการตามมาตรา 30 ตองไดรับการยกเวนคุณสมบัติจาก ก.พ. หรือไดรับการลางมลทินตามกฎหมายเสียกอน จึงจะขอบรรจุกลับเขารับราชการได แตสวนราชการจะบรรจุผูนั้นกลับเขารับราชการอีกหรือไม เปนดุลพินของผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 ที่จะพิจารณา (นร 0709.1/ล 578 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2544) (เรื่องที่ 1) มาตรา 52 ขาราชการซึ่งถูกสั่งใหออกจากราชการเพราะมีมลทินหรือมัวหมอง ในกรณีที่ถูกสอบสวนตามมาตรา 116 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการการพลเรือน พ.ศ. 2535 มิใชถูกออกจากราชการเพราะกระทําผิดวินัย หากไมปรากฏวาขาดคุณสมบัติ ทั่วไปในกรณีอ่ืน ผูนั้นก็สามารถขอกลับเขารับราชการตามเดิมได สวนจะไดรับบรรจุกลับ เขารับราชการหรือไม เปนดุลพินิจของผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 (นร 0709.1/ 14 ลงวันที่ 4 มกราคม 2545) (เรื่องที่ 2) มาตรา 59 ขาราชการถูกลงโทษตัดเงินเดือนหลังจากไดรับเลื่อนใหดํารงตําแหนง ในระดับที่สูงขึ้น คําสั่งลงโทษดังกลาวยอมไมมีผลกระทบกับการเลื่อนระดับตําแหนง ซึ่ง ดําเนินการไปโดยชอบดวยกฎหมาย และไมขัดกับหลักเกณฑที่กําหนดไวในมาตรา 59

ิจ

Page 2: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

2

จึงไมอาจยกเลิกคําสั่งเลื่อนระดับตําแหนงได (นร 0709.2/ป 556 ลงวันที่ 21 กันยายน 2541) (เรื่องที่ 3) มาตรา 72 ผูที่จะไดรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปตองมีผลการปฏิบัติงานเพื่อใหผูบังคับบัญชาพิจารณาได หากไมมีผลการปฏิบัติงาน หรือการประเมินผล ปฏิบัติงานไมถึงเกณฑตามที่กําหนดไวในกฎ ก.พ. ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2538) ขาราชการผูนั้น ก็จะไมไดรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําป (นร 0709.1/ 130 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2544) (เรื่องที่ 4) มาตรา 79 กรณีที่จะถือวา เปนการดํารงตําแหนงอื่นใดที่มีลักษณะงานคลายคลึง กับกรรมการผูจัดการ หรือผูจัดการ หรือไม ตองพิจารณาจากขอเท็จจริงที่ปรากฏเปนเรื่องๆไป (นร 0709.2/ล 30 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2542) (เรื่องที่ 5) มาตรา 82 ขาราชการกรมสงเสริมสหกรณซึ่งมีหนาที่กํากับ ดูแล การดําเนินงาน ใหเปนไปตามระเบียบ ขอบังคับ และวัตถุประสงคของสหกรณ หากฝาฝนคําสั่งกรมฯ ซึ่ง หามขาราชการเขาไปเปนตัวกระทําการในสหกรณที่ตนเองรับผิดชอบ การเขาไปกระทําการในสหกรณจึงไมถือวาเปนการปฏิบัติหนาที่ราชการ (นร 0709.1/ล 391 ลงวันที่ 2 เมษายน 2544) (เรื่องที่ 6)

ขาราชการไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหปฏิบัติงานอื่นของ สวนราชการ (จัดสรรสลากการกุศล และเก็บเงินสงใหกับสํานักงานสลากกินแบงรัฐบาล) ซึ่งเปนงานนอกเหนือจากงานในหนาที่ ถือวาขาราชการผูนั้นมีหนาที่ราชการในเรื่อง

Page 3: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

3

ดังกลาวดวย หากนําเงินที่รับไวไปเปนประโยชนสวนตัว ก็จะมีความผิดฐานทุจริตตอหนาที่ราชการได (นร 0709.1/(ล) 3 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2544) (เรื่องที่ 7) มาตรา 84 การประมาทเลินเลอซึ่งเปนความผิดทางวินัยจะตองเปนการประมาทเลินเลอในหนาที่ราชการ สวนความเสียหายที่เกิดแกราชการกรณีจะรายแรงเพียงใดนั้น ตองพิจารณาจากขอเท็จจริงเปนเรื่องๆไป ซึ่งความเสียหายที่ทางราชการไดรับอาจเปน ความเสียหายที่สามารถคํานวณเปนราคา หรือเปนความเสียหายที่เกิดกับภาพพจนชื่อเสียง ของทางราชการ ก็ได (นร 0709.1/ 174 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2545) (เรื่องที่ 8) มาตรา 89 ขาราชการมีหนังสือรองเรียนกลาวโทษขาราชการอื่นตอผูบังคับบัญชา ชั้นเหนือเพื่อใหพิจารณาดําเนินการตามอํานาจหนาที่ โดยมิไดเสนอหนังสือรองเรียนผาน ผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้น ถือวาเปนการใชสิทธิในทางสวนตัวเพื่อประโยชนแกราชการ มิใชการปฏิบัติหนาที่ราชการ กรณีจึงไมเปนความผิดวินัยฐานกระทําการขามผูบังคับบัญชาเหนือตน (นร 0709.1/ล 531 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 9) มาตรา 92 ขาราชการไดรับอนุญาตใหลาศึกษาตอในประเทศแตไมไปเรียนตามปกติ จนเปนผลใหเวลาเรียนไมพอ และไมผานการสอบประจําปในการศึกษาที่หนึ่ง การขาดเรียน ดังกลาวไมถือเปนความผิดวินัยฐานละทิ้งหนาที่ราชการ (นร 0709.1/ 259 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 10)

Page 4: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

4

ขาราชการถูกลงโทษไลออกจากราชการฐานละทิ้งหนาที่ราชการ ติดตอในคราวเดียวกันเปนเวลาเกินกวา 15 วัน โดยไมมีเหตุผลอันสมควร หากภายหลังปรากฏหลักฐานวา ขาราชการดังกลาวไมมีเจตนาละทิ้งหนาที่ราชการ ภรรยา หรือทายาท ของขาราชการผูถูกลงโทษอาจรองขอและสงพยานหลักฐานให ก.พ. พิจารณาทบทวน คําสั่งลงโทษดังกลาวได (นร 0709.1/225 ลงวันที่ 20 กันยายน 2544) (เรื่องที่ 11)

ขาราชการเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับบุคคลกลุมหนึ่งในสถานบันเทิง และ ถูกหามปรามจนกระทั่งไดแยกยายจากกัน หลังจากเกิดเหตุดังกลาวไมมีผูใดพบเห็นขาราชการผูนั้นอีก และผูบังคับบัญชาไดทําการสืบสวนแลวมีเหตุอันควรเชื่อวาขาราชการผูนั้นนาจะถูกฆาตกรรม กรณีเชนนี้ใหผูบังคับบัญชาสั่งใหขาราชการผูนั้นออกจากราชการไวกอน (นร 0709.1/ 53 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2545) (เรื่องที่ 12)

เมื่อสํานักงานผูดูแลนักเรียนในสหรัฐอเมริกามีหนังสือแจงขาราชการ ซึ่งไดรับอนุมัติใหลาศึกษาตอเดินทางกลับประเทศไทย โดยสงทางไปรษณียตอบรับ กรณี ใหถือวา ขาราชการผูนั้นไดรับแจงการไมอนุมัติใหลาศึกษาตอเมื่อครบกําหนดเจ็ดวันนับแต วันสงหนังสือแจงดังกลาว (นร 0709.1/ 183 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2545) (เรื่องที่ 13)

ขาราชการละทิ้งหนาที่ราชการ 2 ครั้ง ครั้งแรกตั้งแตวันที่ 15 ธันวาคม 2540 ถึงวันที่ 26 มกราคม 2541 รวม 43 วัน หลังจากนั้นไดกลับมาปฏิบัติราชการ ครั้งที่สองตั้งแตวันที่ 7 เมษายน 2541 เปนตนไป และไมกลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย กรณีเชนนี้จะตองสั่งลงโทษไลออกจากราชการยอนหลังตั้งแตวันที่ 7 เมษายน 2541 เปนตนไป (นร 0709.1/ 235 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2545) (เรื่องที่ 14)

การนับวันสําหรับการกระทําผิดวินัยฐานละทิ้งหนาที่ราชการนั้น จะตองนับวันละทิ้งหนาที่ราชการติดตอกันทุกวัน โดยนับรวมวันหยุดราชการซึ่งอยูระหวางวันละทิ้งหนาที่ราชการดวย (นร 0709.2/ 28 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ 2545) (เรื่องที่ 15)

Page 5: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

5

การที่จะพิจารณาวาขาราชการผูใดกระทําผิดวินัยฐานละทิ้งหรือ ทอดทิ้งหนาที่ราชการตามมาตรา 92 นั้น ตองปรากฏวาขาราชการผูนั้นมีหนาที่ราชการ ที่จะตองปฏิบัติ แตไดละทิ้งหรือทอดทิ้งหนาที่ราชการไป โดยไมมีเหตุผลอันสมควร (นร 0709.2/ล 266 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2541) (เรื่องที่ 16)

ขาราชการละทิ้งหนาที่ราชการติดตอกันในคราวเดียวกันเปนเวลา เกินกวา 15 วัน โดยไมมีเหตุผลอันสมควร แลวไดกลับมาปฏิบัติราชการอีก ผูบังคับบัญชาสามารถใชดุลพินิจสั่งลงโทษในความผิดวินัยอยางรายแรงไดตามความรายแรงแหงกรณี โดยจะลงโทษปลดออก หรือไลออกจากราชการก็ได ไมเปนการขัดตอมติคณะรัฐมนตรี ที่ นว 125/2503 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2503 และมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2536 (นร 0709.1/ล 963 ลงวันที่ 19 กันยายน 2545) (เรื่องที่ 17)

ขาราชการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการในวันเดียวกับวันที่ขอ ลาออก ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจสามารถอนุญาตใหลาออกจากราชการตั้งแตวันที่ขอลา ออกได และเมื่อผูบังคับบัญชาอนุญาตใหขาราชการดังกลาวลาออกจากราชการไปแลว ผูบังคับบัญชายอมไมอาจดําเนินการทางวินัยแกขาราชการผูนั้นในกรณีละทิ้งหนาที่ราชการ อีกได (นร 0709.2/ป 673 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2541) (เรื่องที่ 18) มาตรา 98 ขาราชการที่กระทําผิดเกี่ยวกับเสพยาเสพติด ประเภทแอมเฟตามีน (ยาบา) ถือไดวาเปนการกระทําอันไดชื่อวาเปนผูประพฤติชั่วอยางรายแรง สําหรับระดับโทษ หากมีเหตุอันควรลดหยอนก็สามารถนํามาประกอบการพิจารณาได แตจะลดโทษลงต่ํากวาปลดออกจากราชการไมได (นร 0709.1/ 534 ลงวันที่ 21 กันยายน 2543) (เรื่องที่ 19)

Page 6: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

6

ขาราชการยื่นฟองผูบังคับบัญชาตอศาลโดยสุจริต ถือวาเปนการใชสิทธิ อันชอบธรรมตามที่กฎหมาย ไมเปนการกระทําผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 แตอยางใด (นร 0709.1/ 188 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2544) (เรื่องที่ 20)

การที่จะพิจารณาวาการกระทําใดเปนการประพฤติชั่วตามมาตรา 98 หรือไม ใหพิจารณาถึงเกียรติของขาราชการ ความรูสึกของสังคม และเจตนาของผูกระทํา เปนสําคัญ อีกทั้งใหคํานึงถึงความรายแรงแหงกรณีที่กระทําดวย เพื่อจะไดกําหนดสถานโทษใหเหมาะสมกับการกระทําผิด (นร 0709.1/ล 109 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2544) (เรื่องที่ 21) มาตรา 99 สํานักงานตรวจเงินแผนดินรายงานผลการตรวจสอบสืบสวนวา มีขาราชการกระทําการทุจริต เปนเหตุใหเงินของทางราชการขาดบัญชี ถือไดวาเปนการ ชี้มูลการกระทําผิดวินัยโดยมีพยานหลักฐานเบื้องตนเพียงพอที่จะกลาวหาขาราชการผูนั้น และผูมีสวนเกี่ยวของแลว (นร 0709.2/ ป 242 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2542) (เรื่องที่ 22)

การดําเนินการตามมาตรา 99 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 มิใชขั้นตอนของการดําเนินการทางวินัย เมื่อผูบังคับบัญชาพิจารณา เรื่องที่กลาวหาแลวเห็นวา กรณีไมมีมูล และสั่งยุติเรื่อง จึงไมตองรายงานการดําเนินการ ดังกลาวตามมาตรา 109 (นร 0709.2/ 818 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542) (เรื่องที่ 23)

การที่ขาราชการถูกแจงความรองทุกข หรือฟองคดี หากปรากฏวา กรณีดังกลาวไมมีมูลเปนการกระทําผิดวินัย หรือพยานหลักฐานในเบื้องตนยังไมชัดเจน ผูบังคับบัญชาไมอาจอาศัยเหตุดังกลาวมาดําเนินการทางวินัยแกขาราชการได (นร 0709.1/ 160 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2544) (เรื่องที่ 24)

Page 7: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

7

ผูที่ไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหทําการสืบสวนขอเท็จจริง เพื่อหามูลการกระทําผิดวินัย เปนเพียงผูทําหนาที่รวบรวมขอมูลตางๆ และใหความเห็น แกผูบังคับบัญชา ไมมีอํานาจสั่งใหขาราชการมาใหขอเท็จจริง หรือเรียกเอกสารตางๆ โดยอาศัยอํานาจของตนได (นร 0709.1/ 405 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2544) (เรื่องที่ 25)

ผูบังคับบัญชาตามกฎหมาย แมจะมิใชผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจสั่งบรรจุซึ่งมีอํานาจแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรง ก็มีอํานาจสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสืบสวนขอเท็จจริงเพื่อพิจารณาวา กรณีมีมูลสมควรที่จะกลาวหาขาราชการ ในบังคับบัญชาวากระทําผิดวินัย หรือไม (นร 0709.1/ 282 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2544) (เรื่องที่ 26)

เมื่อผูบังคับบัญชาสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรง แกขาราชการแลว ตอมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะอนุกรรมการไตสวน ขอเท็จจริงในกรณีเดียวกัน เมื่อยังไมปรากฏวาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตามมาตรา 92 แหงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ผูบังคับบัญชาดังกลาวยังคงมีหนาที่ตองดําเนินการทางวินัยแกขาราชการผูนั้นตอไป (นร 0709.1/ล 32 ลงวันที่ 21 มกราคม 2545) (เรื่องที่ 27) มาตรา 102 คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงชี้มูลความผิดวินัยอยางรายแรง แกขาราชการในเรื่องที่ผูบังคับบัญชาไดเคยดําเนินการทางวินัยไปแลว หากปรากฏขอเท็จจริงวากรณีที่ชี้มูลครั้งหลังเปนคนละกรณีกัน ผูบังคับบัญชาก็ยังสามารถดําเนินการแตงตั้ง คณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 102 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ในกรณีดังกลาวไดอีก ไมเปนการดําเนินการซ้ํา(นร 0709.1/ 210 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2543) (เรื่องที่ 28)

Page 8: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

8

หลักเกณฑและวิธีการสอบสวนนั้น มีเจตนารมณที่จะใหคณะกรรมการ สอบสวน และผูบังคับบัญชาดําเนินการเกี่ยวกับการสอบสวนและพิจารณาจนเสร็จสิ้นกระบวนการ มิไดใหอํานาจผูบังคับบัญชาในการสั่งยกเลิกคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการ สอบสวน หรือระงับการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ไดสั่งแตงตั้งขึ้นโดยชอบ ดวยกฎหมาย หากคุณสมบัติของกรรมการสอบสวนไมเปนไปตามที่มติคณะรัฐมนตรีกําหนด ผูสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนยอมจะดําเนินการเปลี่ยนแปลงใหเปนไปตามมติคณะรัฐมนตรีได (นร 0709.1/ ล 24 ลงวันที่ 31 มกราคม 2543) (เรื่องที่ 29)

การสอบสวนในกรณีกลาวหาวาขาราชการกระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง แมกฎหมายจะบัญญัติใหผูบังคับบัญชาสามารถดําเนินการโดยวิธีการที่เห็นสมควรไดก็ตาม แตเพื่อความเปนธรรม จะตองมีการแจงใหขาราชการผูถูกกลาวหาไดทราบฐานะที่ตกเปน ผูถูกกลาวหา และตองใหโอกาสผูถูกกลาวหาชี้แจงแกขอกลาวหาดวย (นร 0709.2/ป 403 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2542) (เรื่องที่ 30)

การที่ผูบังคับบัญชาสั่งลงโทษวินัยอยางไมรายแรง โดยไมไดใหโอกาส ผูถูกกลาวหาชี้แจงและนําสืบแกขอกลาวหา เปนการดําเนินการที่ไมชอบดวยเจตนารมณของมาตรา 102 และขัดกับหลักการพื้นฐานแหงความยุติธรรม (นร 0709.2/ล 180 ลงวันที่ 29 กันยายน 2542) (เรื่องที่ 31)

การดําเนินการสอบสวนตามมาตรา 102 แหงพระราชบัญญัติระเบียบ ขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เปนกระบวนการดําเนินการทางวินัย เมื่อผูวาราชการจังหวัดดําเนินการสอบสวนแลวเห็นวา ขาราชการผูถูกกลาวหาไมไดกระทําผิด ผูวาราชการจังหวัด ก็จะตองรายงานการดําเนินการทางวินัยดังกลาวไปยังอธิบดีของขาราชการผูนั้นตามมาตรา 109 แหงพระราชบัญญัติดังกลาว (นร 0709.2/ 818 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542) (เรื่องที่ 32)

เมื่อขาราชการมีกรณีถูกกลาวหาวากระทําความผิดวินัยอยางรายแรง ใหผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามที่ระบุไวในมาตรา 52 แหงพระราชบัญญัติระเบียบ ขาราชการ พ.ศ. 2535 เปนผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยไมจําตองพิจารณาวา

Page 9: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

9

ขาราชการผูที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้นไดรับการบรรจุและแตงตั้งมาโดยวิธีใด และ ในกรณีที่ปรากฏวาขาราชการผูกระทําผิดวินัยอยูในอํานาจการสั่งแตงตั้งคณะกรรมการ สอบสวนของผูบังคับบัญชาหลายคน ใหผูบังคับบัญชาที่พบการกระทําความผิดเปนผูสั่ง แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน (นร 0709.1/ป 297 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2544) (เรื่องที่ 33)

ในกรณีที่มีการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขาราชการ 2 คําสั่ง ในเรื่องกลาวหาเดียวกันแตตางกรณีกัน เมื่อผูบังคับบัญชาสั่งลงโทษในกรณีตาม คําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนคําสั่งแรกไปแลว แมผลการสอบสวนในกรณีตาม คําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการคําสั่งที่สองจะฟงไดวา ขาราชการผูนั้นกระทําผิดวินัยอีกก็ตาม กรณีไมอาจสั่งลงโทษขาราชการผูนั้นไดอีก เพราะเปนการกระทําผิดในเรื่องเดียวกัน (นร 0709.1/ล 469 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2544) (เรื่องที่ 34)

ในกรณีที่มีการกลาวหาวาขาราชการกระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง ใหผูบังคับบัญชาดําเนินการสอบสวนตามวิธีการที่ผูบังคับบัญชาเห็นสมควร ซึ่งคําวา “วิธีการที่เห็นสมควร” นั้น หมายถึงวิธีการที่ผูบังคับบัญชาเห็นสมควรจะใชในการสอบสวน ซึ่งอาจดําเนินการดวยวิธีใดก็ได แตทั้งนี้ตองใหผูถูกกลาวหาไดทราบเรื่องที่มีการกลาวหา และตองใหโอกาสชี้แจงเหตุผลในเรื่องที่มีการกลาวหาดวย จะสั่งลงโทษโดยไมทําการ สอบสวนกอนไมได เวนแตเปนกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจงตาม กฎ ก.พ. ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2539) (นร 0709.1/30 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ 2545) (เรื่องที่ 35)

เมื่อผูบังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยแกขาราชการผูถูกกลาวหา และ สั่งยุติเรื่องแลว ตอมาศาลไดมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหลงโทษจําคุกในเรื่องเดียวกันโดยให รอการลงโทษไว ผูบังคับบัญชาไมอาจดําเนินการทางวินัยไดอีก เนื่องจากจะเปนการดําเนินการซ้ํา และเมื่อปรากฏขอเท็จจริงวาผูบังคับบัญชาไดสั่งยุติเรื่องกอนวันที่ 9 มิถุนายน 2539 จึงเปนผลใหกรณีอยูในเกณฑไดรับการลางมลทินตามพระราชบัญญัติลางมลทินในวโรกาส

Page 10: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

10

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ป พ.ศ. 2539 (นร 0709.2/ป 17 ลงวันที่ 25 มกราคม 2542) (เรื่องที่ 36)

การที่ปลัดกระทรวงแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรง แกขาราชการพลเรือนสามัญ โดยอาศัยอํานาจตามมาตรา 102 ประกอบกับมาตรา 52 (2) หรือ (4) แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 หรือสงเรื่องให อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณาตามมาตรา 104 (1) หรือดําเนินการทางวินัยอยางไมรายแรงแกขาราชการ พลเรือนสามัญทุกระดับในกระทรวง ซึ่งมิใชสํานักงานปลัดกระทรวง ถือวาเปนการใช อํานาจในฐานะปลัดกระทรวง (นร 1009.1/ล 1096 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2545) (เรื่องที่ 37)

ขาราชการถูกลงโทษทางวินัยแลว ตอมาศาลไดมีคําพิพากษาลงโทษ จําคุกผูนั้นในกรณีเดียวกันอีก ผูบังคับบัญชาไมอาจสั่งลงโทษหรือเพิ่มโทษขาราชการดังกลาวได เนื่องจากเปนการดําเนินการซ้ํา แตการที่ผูถูกกลาวหากระทําผิดอาญาจนไดรับโทษจําคุก ยอมถือเปนผูขาดคุณสมบัติทั่วไปสําหรับการเปนขาราชการตามมาตรา 30 (10) ผูบังคับบัญชาจึงตองสั่งใหออกจากราชการตามนัยมาตรา 67 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 (นร 0709.2/ 565 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2541) (เรื่องที่ 38)

การดําเนินการทางวินัยอยางรายแรงเปนอํานาจหนาที่ของผูบังคับบัญชา ผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 และผูมีอํานาจดังกลาวอาจมอบอํานาจการสั่งแตงตั้ง คณะกรรมการสอบสวนใหขาราชการผูอ่ืนปฏิบัติราชการแทนได หากผลการสอบสวน ปรากฏวาผูถูกกลาวหากระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง ผูบังคับบัญชาดังกลาวก็มีอํานาจ ดําเนินการสั่งลงโทษวินัยอยางไมรายแรงตามมาตรา 103 ได หรือหากผลการสอบสวนปรากฏวาผูถูกกลาวหากระทําผิดวินัยอยางรายแรง ผูบังคับบัญชาดังกลาวก็มีอํานาจสงเรื่อง ให อ.ก.พ. กระทรวง อ.ก.พ.กรม หรือ อ.ก.พ. จังหวัด แลวแตกรณี พิจารณาตามมาตรา 104 ได (นร 0709.3/ 3 ลงวันที่ 8 มกราคม 2544) (เรื่องที่ 39)

Page 11: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

11

มาตรา 106 ขาราชการไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการ โดยขณะที่ลาออก ไมปรากฏกรณีถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง กรณีไมเขาเงื่อนไขตามมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ผูบังคับบัญชาไมสามารถ ดําเนินการทางวินัยในภายหลังได (นร 0709.1/ 178 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2543) (เรื่องที่ 40)

คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงซึ่งตั้งขึ้นเพื่อหาตัวผูกระทําผิดและ ผูมีสวนเกี่ยวของ รายงานผลการสอบสวนตอผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการวา ขาราชการกระทําผิดวินัยอยางรายแรงหลังจากที่ขาราชการผูนั้นไดเกษียณอายุราชการไปแลว กรณีไมเขา เงื่อนไขตามมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 กรณีเชนนี้ผูบังคับบัญชาไมสามารถสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรงตามที่มีการ รายงานได (นร 0709.1/ 210 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2543) (เรื่องที่ 41)

เมื่อมีการกลาวหาเปนหนังสือวาขาราชการผูใดมีพฤติการณอันพึง เห็นไดวาเปนการกระทําผิดวินัยอยางรายแรงตอคณะกรรมการ ป.ป.ป. หรือตอสํานักงาน ตรวจเงินแผนดิน กอนที่ขาราชการผูนั้นจะออกจากราชการ แมคณะกรรมการ ป.ป.ป. หรือสํานักงานตรวจเงินแผนดินจะแจงเหตุดังกลาวใหผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจทราบ หลังจากที่ขาราชการผูนั้นไดออกจากราชการไปแลวก็ตาม ผูบังคับบัญชาก็ยังสามารถ ดําเนินการทางวินัยแกขาราชการผูนั้นตามมาตรา 106 ตอไปได

ทั้งนี้การกลาวหาเปนหนังสือตอหนวยงานดังกลาวไมจําตองเปนเรื่องทุจริต ตอหนาที่ราชการเทานั้น การกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรงในเรื่องอื่น แมอยู นอกเหนือหนาที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ป. หรือสํานักงานตรวจเงินแผนดิน ผูบังคับบัญชา ก็สามารถดําเนินการทางวินัยตามนัยมาตราดังกลาวได (นร 0709.1/ 335 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2543) (เรื่องที่ 42)

Page 12: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

12

การกลาวหาเปนหนังสือวามีขาราชการตางสังกัดกระทําผิดวินัย อยางรายแรงรวมกันตอผูบังคับบัญชาหนวยงานใด ยอมมีผลเปนการกลาวหาแตเฉพาะ ขาราชการของหนวยงานนั้น ไมมีผลเปนการกลาวหาขาราชการอื่นซึ่งรวมกระทําผิดดวย แตอยางใด ดังนั้นหากปรากฏวาขาราชการอื่นซึ่งรวมกระทําผิดไดออกจากราชการไปแลว กอนที่ผูบังคับบัญชาของขาราชการผูนั้นจะทราบเรื่อง กรณียอมไมเขาเงื่อนไขตามมาตรา 106 ที่จะดําเนินการทางวินัยแกขาราชการที่ออกไปแลวได (นร 0709.1/ 335 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2543) (เรื่องที่ 43)

การกลาวหาเปนหนังสือวาขาราชการพลเรือนสามัญผูใดกระทําหรือ ละเวนกระทําการใดที่พึงเห็นไดวาเปนความผิดวินัยอยางรายแรงตามมาตรา 106 นั้น จะตองระบุตัวผูกระทําหรือละเวนการกระทํา ตลอดจนพฤติการณแหงการกระทําหรือ ละเวนการกระทําที่พึงเห็นไดวาเปนความผิดวินัยอยางรายแรงดวย (นร 0709.1/260 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 44)

เมื่อผูบังคับบัญชาชั้นตนรายงานการขาดราชการเกินกวา 15 วัน ของขาราชการไปยังผูบังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปตามลําดับแลว แมผูบังคับบัญชาเหนือ ขึ้นไปจะสั่งใหทําการสืบสวนขอเท็จจริงในกรณีดังกลาวกอน และมีความเห็นวากรณี เปนความผิดวินัยอยางรายแรงหลังจากที่ขาราชการผูนั้นไดออกจากราชการไปแลว ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจก็ยังสามารถดําเนินการตามมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติ ระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ได (นร 0709.2/ 240 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2542) (เรื่องที่ 45)

การที่ผูบังคับบัญชาชั้นตนรายงานการทุจริตของผูใตบังคับบัญชาไปยัง ผูบังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปกอนที่ขาราชการผูใตบังคับบัญชาผูนั้นออกจากราชการ ถือวา การรายงานดังกลาวเปนการกลาวหาเปนหนังสือตามมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แลว ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจสามารถดําเนินการทางวินัยตอไป

Page 13: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

13

ไดเสมือนวาขาราชการผูนั้นยังไมไดออกจากราชการ (นร 0709.1/ 200 ลงวันที่ 18 กันยายน 2544) (เรื่องที่ 46)

ขาราชการซึ่งออกจากราชการไปแลวยอมไมมีสภาพเปนขาราชการอีก ผูบังคับบัญชาจึงไมอาจสั่งเพิ่มโทษในกรณีกระทําผิดวินัยอยางไมรายแรงกับขาราชการผูนั้นได และกรณีเชนนี้ไมอาจสั่งงดโทษตามมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 ไดเชนกัน เนื่องจากเปนกรณีที่มีการกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยาง ไมรายแรง (นร 0709.2/ป 80 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2542) (เรื่องที่ 47)

การดําเนินการตามมาตรา 106 เมื่อผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวา ขาราชการผูถูกกลาวหากระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง ใหผูบังคับบัญชางดโทษแกขาราชการ ผูนั้น เนื่องจากมาตรา 106 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มีเจตนารมณมุงหมายที่จะลงโทษขาราชการที่กระทําผิดวินัยอยางรายแรง (นร 0709.2/ป 337 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2541) (เรื่องที่ 48)

การกลาวหาเปนหนังสือตอผูบังคับบัญชาตามมาตรา 106 นั้น ไมจําเปนจะตองเปนผลสรุปความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง หรือมติ อ.ก.พ. กระทรวง หากขอเท็จจริงตามหนังสือดังกลาวมีลักษณะที่พึงเห็นไดวา กรณีมีมูลเปนการกระทําผิดวินัยอยางรายแรง และเปนการกลาวหาตอผูบังคับบัญชากอนที่ขาราชการผูนั้นจะออกจากราชการไป ผูบังคับบัญชายอมดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรงแก ขาราชการดังกลาวได (นร 0709.2/ล 276 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2541) (เรื่องที่ 49)

ขาราชการไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการกอนที่จะมีกรณีถูกกลาวหาเปนหนังสือตอผูบังคับบัญชาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง ไมตองดวยเงื่อนไขตามมาตรา 106 ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจจึงไมอาจแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอยางรายแรง แกขาราชการผูนั้นได (นร 0709.2/ป 152 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2541) (เรื่องที่ 50)

Page 14: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

14

การกลาวหาวาขาราชการผูใดมีกรณีกระทําผิดวินัยอยางรายแรง อยูกอนออกจากราชการตามนัยมาตรา 106 ไมจําตองเปนการรายงานผลของคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงเสมอไป เพียงแตมีการกลาวหาตอผูบังคับบัญชาหรือผูมีหนาที่สืบสวนโดยมี เนื้อความที่สามารถพิจารณาไดวาเปนการกระทําผิดวินัยอยางรายแรง แมไมระบุชื่อผูถูก กลาวหา เพียงแตกลาวหาพอใหทราบวาผูถูกกลาวหาเปนใคร ก็เพียงพอที่ผูบังคับบัญชาจะดําเนินการทางวินัยแกขาราชการผูนั้นได (นร 0709.2/ป 241 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2541) (เรื่องที่ 51)

ขาราชการที่ไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการ ตอมาถูกดําเนินการ ทางวินัยตามมาตรา 106 หากผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวากระทําผิดวินัยอยางไม รายแรง ก็ใหผูบังคับบัญชาสั่งงดโทษ หากผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง ก็ใหผูบังคับบัญชาสั่งลงโทษปลดออก หรือไลออกจากราชการยอนหลังไป ตั้งแตวันที่ไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการตามนัยขอ 6 (6) ของระเบียบ ก.พ. วาดวย วันออกจากราชการของขาราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ.2535 (นร 0709.2/ป 241 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2541) (เรื่องที่ 52) มาตรา 107 ขาราชการพลเรือนสามัญถูกสั่งใหออกจากราชการไวกอน ยอมไมมีสถานภาพเปนขาราชการ จึงไมอาจสั่งแตงตั้งใหดํารงตําแหนงใดๆได (นร 0709.2/ 282 ลงวันที่ 16 เมษายน 2542) (เรื่องที่ 53)

ผูบังคับบัญชาสั่งใหขาราชการออกจากราชการไวกอนเพื่อรอฟงผล การสอบสวนทางวินัยในกรณีที่ถูกกลาวหากระทําผิดวินัยอยางรายแรง แมกรณีที่สอบสวน ดังกลาวจะมีการดําเนินคดีอาญาดวย และพนักงานอัยการมีคําสั่งเด็ดขาดไมฟองผูกระทํา ความผิดก็ตาม กรณีก็มิไดเปนผลใหเหตุแหงการสั่งใหออกจากราชการไวกอนอันเนื่องจาก ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรงนั้นหมดไป หากการสอบสวนทางวินัยดังกลาว

Page 15: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

15

ยังไมแลวเสร็จ ผูบังคับบัญชาก็ไมอาจสั่งใหขาราชการผูนั้นกลับเขารับราชการตามเดิมได (นร 0709.1/ 242 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2544) (เรื่องที่ 54)

มาตรา 109 อ.ก.พ. กระทรวงไดพิจารณารายงานการลงโทษขาราชการตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง แลวเห็นวา กรณีเปนการกระทําผิดวินัยอยางรายแรง และมีมติใหกรมดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรงแกขาราชการดังกลาว ตอมา อ.ก.พ. กรม ไดมีมติใหลงโทษไลขาราชการผูนั้นออกจากราชการ การสั่งลงโทษครั้งหลังถือเปนการ สั่งเพิ่มโทษ (นร 0709.2/ 584 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2542) (เรื่องที่ 55)

ผูบังคับบัญชาสั่งแตงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสํานวนการสืบสวน ขอเท็จจริง เพื่อพิจารณาพยานหลักฐานในเบื้องตนวากรณีมีมูลเพียงพอที่จะกลาวหาวา ขาราชการกระทําความผิดวินัยอยางไร หรือไม ถือเปนการดําเนินการตามมาตรา 99 มิใช การดําเนินการทางวินัยตามมาตรา 102 เมื่อผูบังคับบัญชาพิจารณาแลวเห็นควรยุติเรื่อง จึงไมมีกรณีตองรายงานตามมาตรา 109 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แตอยางใด (นร 0709.1/ล 169 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2544) (เรื่องที่ 56)

เมื่ออธิบดีรายงานการดําเนินการทางวินัยไปยัง อ.ก.พ. กระทรวง ตามมาตรา 109 แลว การพิจารณาดําเนินการในขั้นตอไปเปนอํานาจหนาที่ของ อ.ก.พ. กระทรวง (นร 0709.1/ล 858 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2545) (เรื่องที่ 57)

การที่มาตรา 109 บัญญัติใหผูบังคับบัญชาชั้นตนรายงานการดําเนินการทางวินัยไปยังผูบังคับบัญชาชั้นเหนือ และใหผูบังคับบัญชาชั้นเหนือมีอํานาจเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือยกโทษ ได แสดงใหเห็นวา คําสั่งลงโทษของผูบังคับบัญชาชั้นตนยังไมเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงโทษดังกลาวมีลักษณะเปนการแกไขคําสั่งลงโทษเดิม ดังนั้นการสั่งลงโทษครั้งหลังจึงตองสั่งใหมีผลยอนหลังไปถึงวันที่ระบุไวในคําสั่งเดิม (นร 1009.1/ล 1095 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2545) (เรื่องที่ 58)

Page 16: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

16

ผูบังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยแกขาราชการแลว จะตองรายงาน การดําเนินการทางวินัยตอผูบังคับบัญชาของขาราชการผูนั้นตามลําดับจนถึงอธิบดีตามมาตรา 109 วรรคหนึ่ง หากผูบังคับบัญชาผูใดไมปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกลาว ผูบังคับบัญชาผูนั้นอาจมีความผิดวินัยตามมาตรา 85 วรรคหนึ่งได (นร 0709.2/ 642 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2541) (เรื่องที่ 59)

เมื่อมีคําสั่งเพิ่มโทษ ลดโทษ งดโทษ หรือยกโทษ คําสั่งลงโทษเดิม เปนอันยกเลิกตามนัยมาตรา 109 วรรคหา ดังนั้นเมื่อผูบังคับบัญชาสั่งเพิ่มโทษขาราชการ จากลดขั้นเงินเดือนเปนไลออกจากราชการ คําสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนดังกลาวจึงถูกยกเลิก และเปนผลใหทางราชการตองคืนเงินเดือนตามคําสั่งลงโทษ(เดิม)ที่ใหลดขั้นเงินเดือนไปแลว ใหแกขาราชการผูนั้นดวย (นร 0709.2/ป 256 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2541) (เรื่องที่ 60) มาตรา 112 เมื่อศาลมีคําสั่งใหขาราชการซึ่งหายไปเปนคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยแลว โดยผลของกฎหมายถือวา “ถึงแกความตาย” ซึ่งยอมเปนผลใหตองถือวาขาราชการผูนั้นออกจากราชการเพราะตาย (นร 0709.2/ 563 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2542) (เรื่องที่ 61) มาตรา 113 ขาราชการสงหนังสือขอลาออกจากราชการทางไปรษณีย (EMS) โดยขอลาออกจากราชการในวันเดียวกับที่ไดระบุไวในหนังสือขอลาออก แมกรณีจะมิใช เปนการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการลวงหนากอนวันขอลาออกตามที่กําหนดไว ในระเบียบ ก.พ. วาดวยการลาออกจากราชการของขาราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2536 ก็ตาม แตเพื่อความเปนธรรมและใหเปนไปตามเจตนารมณของมาตรา 113 ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจ

Page 17: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

17

สามารถอนุญาตใหลาออกจากราชการได (นร 0709.2/ 533 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2542) (เรื่องที่ 62)

มาตรา 115 ผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 มีอํานาจสั่งใหขาราชการออกจาก ราชการได หากการสอบสวนปรากฏวาขาราชการผูนั้นหยอนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติ ราชการ และการใหผูนั้นอยูรับราชการตอไปจะเปนการเสียหายแกราชการ ซึ่งจะตองพิจารณาขอเท็จจริงเปนเรื่องๆไป (นร 0709.1/279 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 63)

ผูบังคับบัญชาซึ่งเปนผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 อาจพิจารณา ดําเนินการสั่งใหขาราชการออกจากราชการเพราะเปนผูมีรางกายทุพลภาพจนไมสามารถ ปฏิบัติงาน หรือหยอนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหนาที่ราชการตามตามมาตรา 114(3) และมาตรา 115 แลวแตกรณีได และหากผูบังคับบัญชาพิจารณาสั่งการในกรณีดังกลาว โดยสําคัญผิดในขอเท็จจริง ผูบังคับบัญชาก็ยอมที่จะสั่งแกไขใหถูกตองได (นร 0709.1/ป 455 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2544) (เรื่องที่ 64)

มาตรา 124 ทายาทของขาราชการผูกระทําผิดวินัยไมมีสิทธิอุทธรณคําสั่งลงโทษ ทางวินัย เนื่องจากการอุทธรณคําสั่งลงโทษดังกลาวกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพลเรือนสามัญใหอุทธรณไดเฉพาะสําหรับตนเองเทานั้น จะอุทธรณแทนกัน หรือมอบหมายใหผูอ่ืนอุทธรณแทนไมได (นร 0709.1/ 200 ลงวันที่ 18 กันยายน 2544) (เรื่องที่ 65)

มาตรา 125 เมื่อมีการรายงานการดําเนินการทางวินัยตอ อ.ก.พ. กระทรวงตาม มาตรา 109 วรรค 6 และขาราชการผูถูกลงโทษทางวินัยใชสิทธิอุทธรณคําสั่งลงโทษ

Page 18: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

18

ตามมาตรา 125 (3) อ.ก.พ. กระทรวง จะตองพิจารณาอุทธรณโดยนํารายงานการดําเนินการทางวินัยมาพิจารณาดวย (นร 0709.1/266 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 66)

มาตรา 129 การใชสิทธิรองทุกขจะตองปรากฏกรณีวา ถูกผูบังคับบัญชาสั่งใหออกจากราชการ หรือเห็นวาผูบังคับบัญชาใชอํานาจหนาที่หรือปฏิบัติตอตนไมถูกตองตามกฎหมาย หรือมีความคับของใจอันเกิดจากการปฏิบัติของผูบังคับบัญชา ดังนั้นการที่ผูบังคับบัญชาชั้นตนทําบันทึกรายงานพฤติการณของผูใตบังคับบัญชาไปถึงผูบังคับบัญชาชั้นเหนือ ขึ้นไป จึงยังไมเขาเหตุแหงการรองทุกขตามที่บัญญัติไวในมาตรา 129 และมาตรา 130 (นร 0709.1/ล531 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 67)

มาตรา 130 ผูบังคับบัญชาสั่งงดโทษโดยใหวากลาวตักเตือนตามนัยมาตรา 103 วรรคสอง มิใชการลงโทษทางวินัย ผูถูกวากลาวตักเตือนไมสามารถใชสิทธิอุทธรณได สวนการใชสิทธิรองทุกขในกรณีที่ผูบังคับบัญชาวากลาวตักเตือน ไมวาจะเปนกรณีการ ใชอํานาจในทางบริหารหรือทางวินัยก็ตาม หากผูถูกวากลาวตักเตือนเห็นวาตนไมไดรับ ความเปนธรรมจากการใชอํานาจหนาที่ของผูบังคับบัญชา ขาราชการผูนั้นก็สามารถใชสิทธิรองทุกขตามมาตรา 130 ได (นร 0709.2/ 377 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2541) (เรื่องที่ 68) กฎ ก.พ. ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2536) วาดวยอํานาจการลงโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน การปรับปรุงตําแหนงหัวหนาหนวยงานที่มีฐานะเทียบเทากองจาก ระดับ 8 เปนหัวหนาหนวยงานที่มีฐานะสูงกวากองที่มีตําแหนงระดับ 9 นั้น อํานาจการ ลงโทษของหัวหนาหนวยงานที่สูงกวากองยอมเปนไปตามกฎ ก.พ. ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2536)

Page 19: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

19

วาดวยอํานาจการลงโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน (นร 0709.1/ 132 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2543) (เรื่องที่ 69)

นายแพทยสาธารณสุขจังหวัดในฐานะหัวหนาสวนราชการที่สูงกวากองซึ่งเปนผูบังคับบัญชาของขาราชการผูกระทําความผิดวินัยอยางไมรายแรง มีอํานาจสั่งลงโทษภาคทัณฑ หรือตัดเงินเดือนครั้งหนึ่งไดไมเกิน 5% เปนเวลาไมเกินสองเดือน (นร 0709.1/ 282 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2544) (เรื่องที่ 70)

การที่จะพิจารณาวาขาราชการถูกลงโทษทางวินัยเมื่อใด ใหพิจารณา จากการที่ขาราชการผูนั้นไดรับโทษจริง หรือวันที่คําสั่งลงโทษมีผลใชบังคับ หากปรากฏวา คําสั่งลงโทษดังกลาวมีผลบังคับเมื่อขาราชการผูนั้นพนไปจากการบังคับบัญชาของผูสั่ง ลงโทษแลว คําสั่งลงโทษดังกลาวยอมไมมีผลใชบังคับ แตทั้งนี้หากผูบังคับบัญชาใหม เห็นวา ขาราชการผูนั้นกระทําผิดวินัย ผูบังคับบัญชาใหมก็สามารถดําเนินการทางวินัย ตอไปได (นร 0709.2/ป 387 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2541) (เรื่องที่ 71) กฎ ก.พ. ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2538) วาดวยการใหขาราชการพลเรือนสามัญไดรับเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน การลงโทษลดขั้นเงินเดือน แมจะเปนผลใหขาราชการผูถูกลงโทษ ไดรับเงินเดือนในอันดับขั้นที่ต่ํากวาระดับตําแหนงก็สามารถกระทําได (นร 0709.2/ 384 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2542) (เรื่องที่ 72) กฎ ก.พ. ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2538) วาดวยการสั่งพักสั่งใหออกจากราชการไวกอน การสั่งใหขาราชการพลเรือนสามัญซึ่งถูกสั่งพักหรือสั่งใหออกจาก ราชการไวกอนกลับเขารับราชการตามมาตรา 107 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 กฎหมายไมมีเจตนารมณใหสั่งยอนหลัง เมื่อมีการสั่งใหขาราชการดังกลาวกลับ

Page 20: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

20

เขารับราชการแลว คําสั่งพักหรือคําสั่งใหออกจากราชการไวกอนยอมสิ้นสุดลง (ที่ นร 0709.2/ 893 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2542) (เรื่องที่ 73)

เมื่อศาลไดมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหรอการลงอาญาขาราชการซึ่งถูกสั่ง ใหออกจากราชการไวกอน เหตุแหงการสั่งใหออกจากราชการไวกอนยอมหมดไป หาก ไมมีการสั่งใหขาราชการผูนั้นออกจากราชการไวกอนในกรณีอ่ืน ผูบังคับบัญชาก็จะตอง สั่งใหผูนั้นกลับเขารับราชการตามเดิม (นร 0709.2/ 386 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2542) (เรื่องที่ 74)

การสั่งพักราชการหรือสั่งใหออกจากราชการไวกอน นอกจากกรณี จะเขาเงื่อนไขตามมาตรา 107 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แลว กรณียังจะตองเขาเงื่อนไขของเหตุตางๆ ตามที่ระบุไวในกฎ ก.พ. ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2538) อีกดวย (นร 0709.2/ 24 ลงวันที่ 11 มกราคม 2543) (เรื่องที่ 75)

ขาราชการที่ถูกสั่งใหออกจากราชการไวกอนเพื่อรอฟงผลการสอบสวน หากผลการสอบสวนปรากฏวาขาราชการผูนั้นกระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง และไมมีกรณี ที่ตองถูกสั่งใหออกจากราชการ ใหผูบังคับบัญชาสั่งใหผูนั้นกลับเขาปฏิบัติหนาที่ราชการ และสั่งลงโทษตามควรแกกรณี หรือหากผลการสอบสวนปรากฏวาขาราชการผูนั้นมิไดกระทําผิด ก็ใหสั่งยุติเรื่อง และใหผูนั้นกลับเขาปฏิบัติหนาที่ราชการ (นร 0709.1/ล 240 ลงวันที่ 13 กันยายน 2544) (เรื่องที่ 76)

ผูบังคับบัญชามีอํานาจสั่งใหขาราชการซึ่งถูกสั่งพักราชการออกจาก ราชการไวกอนได หากพิจารณาเห็นวาการสอบสวนหรือการพิจารณาคดีที่เปนเหตุของการ สั่งพักราชการนั้นจะไมแลวเสร็จโดยเร็ว และเมื่อมีการสั่งใหขาราชการผูใดพักราชการแลว การสั่งใหออกจากราชการไวกอนจะตองสั่งยอนหลังตั้งแตวันพักราชการเปนตนไป (นร 0709.2/458 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2541) (เรื่องที่ 77)

Page 21: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

21 กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) วาดวยการสอบสวนพิจารณา หลักเกณฑและวิธีการสอบสวนมีเจตนารมณใหคณะกรรมการ สอบสวนและผูบังคับบัญชา ดําเนินการสอบสวนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ จึงไมใหอํานาจ ผูบังคับบัญชาสั่งยกเลิกคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือระงับการสอบสวน ที่แตงตั้งขึ้นโดยชอบดวยกฎหมายได หากปรากฏกรณีคุณสมบัติของกรรมการสอบสวน ไมเปนไปตามที่มติคณะรัฐมนตรีกําหนดไว ผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ชอบ ที่จะดําเนินการเปลี่ยนแปลงใหครบถวนถูกตองได (นร 0709.1/ ล24 ลงวันที่ 31 มกราคม 2543) (เรื่องที่ 78)

การที่กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) วาดวยการสอบสวนพิจารณา กําหนดใหคณะกรรมการตองมีกรรมการซึ่งมาจากขาราชการประจําอยางนอย 3 คน นั้น เพราะตองการใหการสอบสวนกระทําโดยคณะบุคคล เพื่อเปนการคานอํานาจของผูบังคับบัญชา สวนที่กําหนดใหกรรมการสอบสวนตองอยูรวมทําการสอบสวนนั้นก็เพื่อชวยเหลือ กันในการปฏิบัติหนาที่สอบสวน (นร 0709.1/113 ลงวันที่ 10 เมษายน 2544) (เรื่องที่ 79)

การที่กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) กําหนดใหคณะกรรมการ สอบสวนตองมีผูดํารงตําแหนงนิติกร หรือผูไดรับปริญญาทางกฎหมาย หรือผูไดรับการ ฝกอบรมตามหลักสูตรการดําเนินการทางวินัย หรือผูมีประสบการณดานการดําเนินการ ทางวินัยเปนกรรมการสอบสวนอยางนอยหนึ่งคน นั้น เนื่องจากบุคคลดังกลาวเปนผูมี ความรูความสามารถในการใชกฎหมาย และเขาใจกระบวนการสอบสวนไดดีกวาขาราชการซึ่งไมมีความรูดานกฎหมายหรือการสอบสวนทางวินัย สวนฐานะของบุคคลดังกลาวในการปฏิบัติหนาที่ยอมมีฐานะเชนเดียวกับกรรมการสอบสวนคนอื่นๆ (นร 0709.1/113 ลงวันที่ 10 เมษายน 2544) (เรื่องที่ 80)

Page 22: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

22

เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูถูกกลาวหาไดรับทราบวามีการแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยตนตามที่มีเจาหนาที่นําคําสั่งไปสงแลว การยื่นหนังสือคัดคาน ผูไดรับแตงตั้งเปนคณะกรรมการสอบสวนจึงตองนับตั้งแตวันที่ผูถูกกลาวหาไดทราบวา มีการสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนเปนตนไป (นร 0709.2/705 ลงวันที่ 24 กันยายน 2542) (เรื่องที่ 81)

ระหวางการสอบสวน หากผูถูกกลาวหาไดโอนไปอยูนอกบังคับบัญชาของผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนตอไป จนแลวเสร็จ หากตองมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน หรือขออนุมัติขยายเวลาการ สอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการตามขอ 10 และขอ 12 ของกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) วาดวยการสอบสวนพิจารณา (นร 0709.2/ล 192 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2542) (เรื่องที่ 82)

การรายงานเหตุที่คณะกรรมการสอบสวนไมสามารถดําเนินการสอบสวนใหแลวเสร็จภายในกําหนดเวลาสองรอยเจ็ดสิบวันตอผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ดี การจัดทําบันทึกประจําวันไวเปนหลักฐานก็ดี การสอบสวนซึ่งตองกระทําโดยคณะกรรมการสอบสวนก็ดี ลวนเปนสวนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนตามที่กําหนดไวในกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนจะตองปฏิบัติตาม (นร 0709.1/ 119 ลงวันที่ 24 เมษายน 2545) (เรื่องที่ 83)

ขาราชการซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยมีสิทธินําทนายความ หรือ ที่ปรึกษาเขามาปรากฏตัวตอหนาคณะกรรมการสอบสวนในฐานะคูกรณีได สวนการจะนําทนายความหรือที่ปรึกษาเขารวมฟงการสอบสวนดวยไดหรือไมนั้น เปนดุลพินิจของคณะกรรมการสอบสวน (นร 0709.1/ 234 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2545) (เรื่องที่ 84)

ในกรณีผูถูกกลาวหาอยูตางประเทศ หรือไมอาจเรียกผูถูกกลาวหา มารับทราบขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนขอกลาวหาได คณะกรรมการ สอบสวนสามารถสงบันทึกดังกลาวทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปใหผูถูกกลาวหา

Page 23: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

23

ณ ที่อยูของผูถูกกลาวหาซึ่งปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ หรือสถานที่ติดตอ ที่ผูถูกกลาวหาไดแจงใหทราบ โดยไมตองผานหัวหนาสํานักงานในทองที่นั้นได (นร 0709.2/ 579 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2541) (เรื่องที่ 85)

เมื่อพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 บัญญัติ ใหยุบเลิกกรมการเรงรัดพัฒนาชนบท โดยโอนอํานาจหนาที่ของกรมการเรงรัดพัฒนาชนบทไปเปนของกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัยแลว อํานาจของอธิบดีกรมการเรงรัดพัฒนาชนบทซึ่งไดแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยไว ยอมโอนไปยังอธิบดีกรมปองกัน และบรรเทาสาธารณภัย ดังนั้นคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยซึ่งตั้งขึ้นตามคําสั่งของอธิบดีกรมเรงรัดพัฒนาชนบทจะตองดําเนินการสอบสวนตอใหแลวเสร็จ แลวเสนอรายงานการ สอบสวนพรอมสํานวนตออธิบดีกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อพิจารณาตอไป (นร 1009.1/ล 1127 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2545) (เรื่องที่ 86)

ในกรณีที่จะตองสอบสวนหรือรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งอยูตางทองที่ ผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนอาจมอบหมายใหหัวหนาสวนราชการหรือหัวหนา หนวยงานในทองที่นั้นสอบสวนหรือรวบรวมพยานหลักฐานแทนได หากหัวหนาสวนราชการหรือหัวหนาหนวยงานในทองที่ที่ไดรับมอบหมายไมอาจดําเนินการได หัวหนาสวนราชการหรือหัวหนาหนวยงานในทองที่นั้นอาจมอบหมายใหผูใตบังคับบัญชาที่เห็นวาเหมาะสม ดําเนินการแทน และหากหัวหนาสวนราชการหรือหัวหนาหนวยงานในทองที่นั้นอยูในขาย ที่จะตองถูกสอบสวนดวย ผูสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนอาจมอบหมายใหหัวหนา สวนราชการหรือหัวหนาหนวยงานในทองที่ใกลเคียงดําเนินการแทนได (นร 0709.2/ 579 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2541) (เรื่องที่ 87)

ระเบียบ ก.พ. วาดวยวิธีการออกคําสั่งฯ พ.ศ. 2539 การสั่งเพิ่มโทษขาราชการเปนลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน หรือภาคทัณฑ ใหสั่งยอนหลังไปถึงวันที่คําสั่งลงโทษเดิมใชบังคับ หากปรากฏวากอนมีคําสั่ง

Page 24: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

24

เพิ่มโทษขาราชการผูนั้นไดรับเลื่อนตําแหนงหรือเลื่อนขั้นเงินเดือน การสั่งเพิ่มโทษยอนหลัง ยอมไมกระทบถึงสิทธิและประโยชนที่ผูถูกลงโทษไดรับไปแลว (นร 0709.2/ป 678 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2541) (เรื่องที่ 88)

ระเบียบ ก.พ. วาดวยวันออกจากราชการของขาราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2535 ศาลจังหวัดไดอานคําพิพากษาของศาลฎีกาที่ใหลงโทษจําคุกขาราชการ หลังจากที่ขาราชการผูนั้นไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการไปแลว การสั่งลงโทษทางวินัยในกรณีเดียวกัน จะตองสั่งลงโทษยอนหลังไปถึงวันไดรับอนุญาตใหลาออกจากราชการ (ที่ นร 0709.2/ป 419 / ลงวันที่ 15 กันยายน 2542) (เรื่องที่ 89)

การสั่งลงโทษไลออก ปลดออกจากราชการ หามสั่งลงโทษยอนหลัง ไปกอนวันออกคําสั่ง เวนแตจะเขากรณียกเวนตามระเบียบ ก.พ. วาดวยวันออกจากราชการ ของขาราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2535 จึงใหสั่งลงโทษยอนหลังได สําหรับการสั่งลงโทษ ผูที่พนจากราชการตามกฎหมายวาดวยบําเหน็จบํานาญ ใหสั่งลงโทษไลออก หรือปลดออกจากราชการยอนหลังไปถึงวันสิ้นปงบประมาณที่ผูนั้นมีอายุครบหกสิบปบริบูรณ (นร 0709.1/263 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2544) (เรื่องที่ 90)

ขาราชการละทิ้งหนาที่ 2 ชวง คือ ครั้งแรกตั้งแตวันที่ 15 ธันวาคม 2540 ถึงวันที่ 26 มกราคม 2541 รวม 43 วัน หลังจากนั้นไดกลับมาปฏิบัติราชการ ครั้งที่สอง ตั้งแตวันที่ 7 เมษายน 2541 เปนตนไป และไมกลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย กรณีเชนนี้ จะตองสั่งลงโทษไลขาราชการดังกลาวออกจากราชการตั้งแตวันแรกของการละทิ้งหนาที่ ราชการครั้งหลังเปนตนไป (นร 0709.1/ 235 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2545) (เรื่องที่ 91)

Page 25: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

25

ระเบียบ ก.พ. วาดวยการรายงานเกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัย และการออกจากราชการของขาราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2539 ผูวาราชการจังหวัดหรืออธิบดีดําเนินการทางวินัยแกขาราชการแลว ตองรายงานการดําเนินการดังกลาวไปยัง อ.ก.พ. กระทรวงตามขอ 14 ของระเบียบ ก.พ. วาดวยการรายงานเกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัย และการออกจากราชการของขาราชการ พลเรือนสามัญ พ.ศ. 2539 เมื่อ อ.ก.พ. กระทรวงไดพิจารณารายงานการดําเนินการทางวินัย ดังกลาว รวมทั้งใหความเห็นชอบแลว ถือวาการดําเนินการทางวินัยนั้นเสร็จสิ้น (นร 0709.1/ 240 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2544) (เรื่องที่ 92) พระราชบัญญัติลางมลทินฯ ขาราชการที่กระทําผิดวินัย และไดรับโทษไปแลวกอนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 ยอมอยูในเกณฑไดรับการลางมลทินตามพระราชบัญญัติลางมลทิน ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 ถือไดวาไมเคยถูกลงโทษทางวินัยมากอน แตทั้งนี้ไมกอใหเกิดสิทธิ ในอันที่จะเรียกรองสิทธิหรือประโยชนใดๆ ที่สูญเสียไปกอนไดรับการลางมลทิน สวนการ จัดทําทะเบียนประวัติขาราชการ (ก.พ. 7) นั้น ใหบันทึกการถูกลงโทษของขาราชการที่ไดรับการลางมลทินไวในประวัติขาราชการ โดยหมายเหตุไวดวยวาไดรับการลางมลทินแลว (นร 0709.1/ 1 ลงวันที่ 8 มกราคม 2544) (เรื่องที่ 93)

พระราชบัญญัติลางมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ป พ.ศ. 2539 ไดบัญญัติไวชัดเจนวา ผูที่จะไดรับการลางมลทิน นอกจากจะเปนกรณีกระทําผิดกอนหรือในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 แลว ยังจะตองไดรับโทษทั้งหมดหรือบางสวนกอน หรือในวันที่ 11 กันยายน 2539 ซึ่ง เปนวันที่พระราชบัญญัติดังกลาวใชบังคับดวย (ที่ นร 0709.2/ 704 ลงวันที่ 24 กันยายน 2542) (เรื่องที่ 94)

Page 26: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

26

กรมการผังเมืองไดสั่งใหขาราชการไปชวยราชการที่สํานักงานผังเมือง จังหวัดนครสวรรคตั้งแตวันที่ 25 เมษายน 2539 การที่ผูวาราชการจังหวัดลําพูนซึ่งเปน ผูบังคับบัญชาเดิมสั่งวากลาวตักเตือนขาราชการดังกลาวเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2539 ในกรณีกระทําผิดวินัยอยางไมรายแรง จึงไมอาจกระทําได และเปนผลใหกรณีดังกลาวไมอยูในเกณฑไดรับการลางมลทินตามพระราชบัญญัติลางมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ป พ.ศ. 2539 ดวย (นร 1011/ 372 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2545) (เรื่องที่ 95)

พระราชบัญญัติลางมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร 200 ป พ.ศ. 2526 มีเจตนารมณใหผูไดรับการลางมลทินมีสิทธิสมบูรณเชนเดียวกับบุคคลทั่วไป ผูไดรับการลางมลทินตามพระราชบัญญัติดังกลาวยอมไมเปนผูขาดคุณสมบัติทั่วไปที่จะเขารับราชการเพราะเหตุเปนผูบกพรองในศีลธรรมอันดีตามมาตรา 30 (7) ถึงแมจะเคยตองโทษกระทําผิดอาญามากอนก็ตาม (นร 0709.2/ ป 341 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2541) (เรื่องที่ 96) เบ็ดเตล็ด

การดําเนินการสอบสวนพิจารณาโทษทางวินัย กฎหมายวาดวยระเบียบ ขาราชการพลเรือนไดกําหนดอํานาจหนาที่และวิธีการสอบสวนพิจารณาโทษไวเปนสวนหนึ่งตางหากจากการดําเนินคดีอาญา ดังนั้นแมศาลจะมีความเห็นในสํานวนคดีแตกตางออกไป ก็ไมมีผลกระทบตอการดําเนินการทางวินัย (นร 0709.2/ป 480 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2542) (เรื่องที่ 97)

ขาราชการทูลเกลาฯ ถวายฎีกาโดยสุจริต ไมอาจปรับบทเปนความผิด วินัยฐานใดได (นร 0709.1/ล 511 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2545) (เรื่องที่ 98)

ขาราชการถึงแกความตายกอนที่จะมีกรณีถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย อยางรายแรง กรณียอมไมอยูในเงื่อนไขตามมาตรา 53 ที่จะตองแตงตั้งคณะกรรมการเพื่อ สืบสวนใหไดความจริงวา ถาผูนั้นไมถึงแกความตายเสียกอนจะตองไดรับโทษสถานใด

Page 27: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

27 เพื่อใหทราบถึงสิทธิในการรับบําเหน็จบํานาญของทายาท (นร 0709.2/ป 152 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2541) (เรื่องที่ 99)

ขาราชการที่มีกรณีหรือตองหาวากระทําความผิดวินัยอยางรายแรง ถึงแกความตายกอนที่จะไดรับการวินิจฉัยเรื่องที่กระทําผิดวินัย การจายเงินบําเหน็จบํานาญตองรอไวจนกวาการสอบสวนปรากฏผล ถาปรากฏวาขาราชการผูนั้นถูกลงโทษถึงไลออก หรือปลดออก ทายาทของขาราชการผูนั้นยอมไมมีสิทธิไดรับบําเหน็จบํานาญ (นร 0709.1/ 200 ลงวันที่ 18 กันยายน 2544) (เรื่องที่ 100)

การที่จะพิจารณาวาการดําเนินการทางวินัยในเรื่องใดเปนการดําเนินการซ้ําหรือไม ใหยึดถือหลักเจตนาของผูกระทําและขอเท็จจริงเปนกรณีๆไป หากเปนเรื่อง กลาวหาที่มีการกระทําหลายครั้งแตมีเจตนาเดียวตอเนื่องกัน กรณีก็ตองถือวาการกระทํา ทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยูในเรื่องเดียวกัน เมื่อมีการดําเนินการทางวินัยกับผูกระทําผิด ไปแลว จะดําเนินการทางวินัยในเรื่องเดียวกันนั้นอีกไมได (นร 0709.1/ล 90 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ 2544) (เรื่องที่ 101)

การที่ ก.พ. มอบอํานาจการตรวจสอบการดําเนินการทางวินัยและการ ออกจากราชการให อ.ก.พ. กระทรวง เปนผูพิจารณาแทนนั้น หากปรากฏวาผูรับมอบไมปฏิบัติการใหเปนไปตามกฎหมายหรือปฏิบัติไมถูกตอง ก.พ. ซึ่งมีหนาที่ กํากับ ดูแล ตรวจสอบ การดําเนินการดังกลาวยอมมีอํานาจดําเนินการแกไขได (นร 0709.2/ล 21 ลงวันที่ 27 มกราคม 2543) (เรื่องที่ 102)

พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหนารัฐบาลบังคับบัญชาขาราชการฝายบริหารทุกตําแหนง ซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และสวนราชการที่เรียกชื่ออยางอื่นที่มีฐานะ เปนกรม ยอมมีอํานาจสั่งสอบสวนขอเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของสวนกลาง สวน

Page 28: สารบาญเรียงลําดั บมาตรา - Prachuap Khiri Khan Province · สารบาญเร ยงล าด บมาตรา ตามพระราชบ

28

ภูมิภาค และสวนทองถิ่น อีกทั้งมีอํานาจแตงตั้งผูทรงคุณวุฒิเปนคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติ ราชการใดๆได (นร 0709.1/ 129 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2544) (เรื่องที่ 103)

ผูดํารงตําแหนง อาจมอบอํานาจใหผูดํารงตําแหนงอื่นปฏิบัติราชการแทนไดตามมาตรา 38 แหงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. 2534 ผูไดรับมอบอํานาจใหปฏิบัติราชการแทนจะกระทําการเกินกรอบอํานาจที่ไดรับมอบหมายมิได หาก มีกรณีเปนที่สงสัยในเรื่องการมอบอํานาจใหพิจารณาถึงเจตนารมณของผูมอบเปนสําคัญ (นร 0709.1/ล 261 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2543) (เรื่องที่ 104)

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ขาราชการออกจากราชการตามกฎหมายวาดวยบําเหน็จบํานาญในวันที่ 1 ตุลาคม 2540 ตอมาคณะกรรมการ ป.ป.ป. ไดพิจารณามีมติใหผูบังคับบัญชาดําเนินการ ทางวินัยอยางรายแรงในวันที่ 30 กันยายน 2541 ถือวาเปนการดําเนินการตามเงื่อนไขของมาตรา 21 จัตวา แหงพระราชบัญญัติปองกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในวงราชการ พ.ศ. 2518 แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 ประกอบบทเฉพาะกาล ตามมาตรา 128 แหงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 แลว ผูบังคับบัญชายอมดําเนินการทางวินัยตอไปไดเสมือนวาขาราชการผูนั้นยังมิไดพนจากการเปนเจาหนาที่ของรัฐ (นร 0709.1/ 263 ลงวันที่ 19 พ.ย. 2544) (เรื่องที่ 105)

*********************

ethics06
to first page