9
Vacation as Vocation (4) Cuba - Mexico - America โดย แง งามอณโช

Cuba volume4

Embed Size (px)

DESCRIPTION

นี่คือบันทึกการเดินทาง แบบฉบับร่าง ของคนที่ไปเยือนคิวบา เป็นครั้งแรก, เขียนมาสี่ตอนแล้ว ยังไม่ถึงคิวบาซะทีนะครับ ตอนหน้าถึงแน่ๆ รับรองครับ ปล. หลังคิวบามีไป (+ เมกา และ เม็กซิโก) ต่อ

Citation preview

Page 1: Cuba volume4

Vacation as Vocation (4)Cuba - Mexico - America

โดย แบ๊งค์ งามอรุณโชติ

Page 2: Cuba volume4

อนุทินการเดินทางฉบับที่สี่:

4

ผมเดินกับยุ้ยกลับมาที่ห้อง ยุ้ยขึ้นไปพักผ่อนส่วนผมขอเดินคนเดียวซักพักก่อนที่เราจะกลับมาสมทบกันมื้อเย็น ...ผมเดินฝ่าหิมะที่ตกแรงขึ้นไปตามถนนสาย 18th เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทะลุเขตคนขาว ไปสู่เขตคนดำ,ห่ะ คนเหมือนกัน แต่ก็แบ่งสีแบ่งพื้นที่กันครอบครอง

ไร้ราก

1

Britten House Square

Page 3: Cuba volume4

ผมเดินมาจนกระทั่งถึงบลอคที่ตัดกับถนน Christian แล้วเวียนทวนเข็มนาฬิกากลับมาทางถนน Broad (ถนนเส้น 14th) ระหว่างทางได้พบกับโบสถ์ Baptist แห่งแรกของอเมริกา... จำปีไม่ได้เสียแล้ว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะก่อตั้งราวๆ ช่วงทศวรรษที่ 1920, อาคารหน้ากว้างเท่าห้องแถวทั่วไป หลังคาสูง ผมพลิกมุมหลายครั้งเหมือนคนนอนไม่หลับที่สลับข้างตะแคงไปมา แต่กระนั้นก็ไม่เจอแง่มุมน่าถ่ายภาพ

ผมเดินย้อนกลับจากถนน Broad และพบกับร้านน่าสนใจทางขวามือ เป็นร้านที่ชื่อว่า Bain’s Deli ตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1910 หรือมีอายุราว 100 ปีโดยมี Motto ประจำร้านว่า “Where Americans Eat (ที่ซึ่งชาวอเมริกันมากิน)” ---

อันที่จริง, ก่อนไปประเทศต่างๆ, ผมมักค้นหาร้านอาหารโบราณที่มีอายุเป็นร้อยปีของที่นั่น เพื่อที่ว่าจะได้ไปลิ้มรสชาติของประเทศนั้นๆ เป็นรสชาติของ “ราก” เพราะ อาหารนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่แยกออกจากวัฒนธรรมด้านอื่นๆ

อาหารคือวัฒนธรรมในตัวมันเอง ในครั้งนี้ที่มาอเมริกาก็เช่นเดียวกัน ผมค้นหาร้านเก่าแก่ทั้งใน Philly, Boston, และ New York เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนมา

พอได้มาเจอร้านที่มีอายุมากโดยบังเอิญก็เกิดอยากที่จะเข้าไปชิมเสียหน่อย เปิดเข้าไปชมรายการอาหาร หวังจะทานซุปร้อนๆ สู้กับหิมะ บวกกับสัญญาจะกลับไปทานมื้อเย็นกับยุ้ยก็ไม่อยากที่จะทานอะไรหนักท้องเกินไปนัก, ใช่หละ ผมจะทานซุป

ผลน่าประหลาดใจ... ซุปมีให้เลือกสองอย่างด้วยกัน คือซุปไก่ใส่บะหมี่แบบจีน และ Italian Wedding, อ้าาา Where Americans eat what is not American --- “ไร้ราก” คือคำที่ผมอุทานในใจ

2

Italian Wedding Soup

Page 4: Cuba volume4

เพื่อนผู้ปราดเปรื่องของผม,หญิง ฐิติรัตน์, เคยบอกว่า รากของเหล่าแองโกล-อเมริกัน ก็คือความหลากหลายผสมผสานนี่หละ, ไม่แน่ว่าอาจจะจริงเมื่อพิจารณาจากอาหารเหล่านี้ แต่นั่นก็อาจจะเป็นการด่วนตัดสินจนเกินไปเช่นเดียวกัน

เศรษฐศาสตร์สอนผมมาว่า 1 ตัวอย่างใช้อธิบายกลุ่มประชากรทั้งหมดยังไม่ได้, ไม่มีนัยยะสำคัญทางสถิติ, ห่ะ ฟังรู้เรื่องยากจริงๆ แต่เมื่อจบมาแล้วก็ต้องเชื่อ... ดังนั้น ช่วงคริสมาสถึงปีใหม่ หลังจากผมบินกลับมาจากคิวบาผมวางแผนไปลองอีกสองร้าน คือร้าน Pumpkin (ร้านอาหารอเมริกันร่วมสมัย) และร้าน City Tavern (เปิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18) อาจคลำเจอรากชัดๆ... หรือไม่เช่นนั้น อาจจะตัดสินได้อย่าง “มีนัยยะสำคัญ” ยิ่งขึ้นว่าอาหารอเมริกันมันเป็นแกงโฮ๊ะทางวัฒนธรรมจริงๆ, ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

มื้อเย็น ผม, ยุ้ย และพี่สาวของเธอ (ชื่อพี่ปอม) เราไปทานอาหารจีนเสฉวนด้วยกัน รสชาติใช้ได้ เสียอย่างเดียว ตกแต่งร้านไร้ความเป็นจีนสิ้นดี... เหมือนอีกหลายๆ ร้านในเมืองนี้ที่ผมแวะเวียนไปชมตอนเดินคนเดียว, ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดไฟเหมือนดิสโก และทำโดยเชฟชาวจีน อ้าาา --- ยังๆ อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน มันยังไม่มีนัยยะสำคัญทางสถิติ --- ท่องเอาไว้ในใจ

ผมกลับมานอนที่ห้องตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มดี เหนื่อยเหลือเกินทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมาก ต้องนอนเอาแรงเพื่อเดินทางต่อไปเม็กซิโกในวันพรุ่งนี้, ราตรีสวัสดิ์ยุ้ย ราตรีสวัสดิ์พี่ปอม ราตรีสวัสดิ์อเมริกา

.......

3

Hotel Plaza Florencia, Mexico City

Page 5: Cuba volume4

เช้าวันที่ 18 ธค. 2556 ผม, ป๊อป (ซึ่งตอนนี้สอบเสร็จแล้ว), และยุ้ย เราสามคนเดินทางไป Mexico City เพื่อที่จะเดินทางต่อไปคิวบาในวันที่ 19 โดยมีพี่แแป้ม, พี่สาวของยุ้ยอีกคนหนึ่งมาสมทบเพิ่มเติม

ว่ากันตามแผนการนี้ เราอาจจะต้องเสียหนึ่งวันไปเปล่าๆ หากป๊อปไม่ได้เลือกร้านอาหารดีดีให้เราได้ทานกันเป็นมื้อเย็น, ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณป๊อป, แต่ก่อนที่จะเล่าไปถึงส่วนนั้นยังมีเรื่องอื่นต้องเล่ากันอีก ขอให้พักใจรอไว้ก่อน

ผมและป๊อป เรามาถึง Mexico City ก่อนยุ้ยและพี่สาว, หลังจากผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง แลกเงิน และเช่ารถแท็กซี่ (ค่ารถจะเป็นอัตราคงที่ แบ่งตามโซนต่างๆของเมือง, ในโซนที่ผมจะไปเราจ่ายที่ 200 เหรียญเปโซ) เราก็ได้เดินทางออกจากสนามบินราว 3 โมงเย็น... กว่าจะถึงโรงแรมชื่อ Plaza Florencia ก็ปาเข้าไป 4 โมงครึ่ง, รถติดเหมือนประเทศไทย

เมื่อมาถึงที่พักผมและป๊อปหิวกันมาก น้ำย้อยในกระเพาะรุมตัวเข้ามาเหมือนสงครามเก้าทัพ, เราเลยออกไปหาอะไรรองท้องก่อนที่ยุ้ยจะมาถึง ใกล้ๆ โรงแรมมีร้านอาหารท้องถิ่นอยู่ร้านหนึ่ง เราเห็นเขาทำ “คาซาดียา” น่าทานจึงสั่งกันคนละชิ้น ใส้เนื้อวัวและชีส ราดซอสรสเผ็ดหน่อย เหมือนขึ้นสวรรค์... ผมสั่งเบียร์ท้องถิ่นที่มีสัญลักษณ์ “XX” มาดื่มคู่กันไปด้วย, ไม่ใช่เพราะขี้เมา แต่กลัวว่าแก้วไม่สะอาด ต้องฆ่าเชื้อเสียหน่อย

เมื่อทานเสร็จเรากลับมาที่โรงแรม,ป๊อปวางแผนท่องเที่ยวต่อ ส่วนผม, เพื่อนผู้แสนดี, นอนหลับปุ๋ยๆ เพราะพิษแพ้อากาศ --- ใช่ผมลืมบอกไป หลังจากลงเครื่องมาผมก็จามไม่หยุด สงสัยต้องนอนพักเสียหน่อย

ผมถูกปลุกให้ตื่นเพื่อไปทานอาหารเย็นที่ร้านชื่อ Pu-jol ตอน 2 ทุ่มตรง (คนเมกซิกันทานอาหารเย็นค่อนข้างช้า ส่วนใหญ่ราว 3 ทุ่ม) เมื่อไปถึงร้านพนักงานก็นำ Cocktail Margarita สูตรของทางร้าน และ เมนูมานำเสนอ

4

Page 6: Cuba volume4

รายการอาหารของร้านนี้มีอยู่ด้วยกัน 10 Courses***

1. Botanas: ข้าวโพดอ่อนราดครีมซอสที่มีส่วนผสมของมดแดง และอบรมควันในผลไม้ท้องถิ่นที่มีลักษณะเนื้อเปลือกเหมือนน้ำเต้า แต่ทรงเหมือนฟักทอง, มีกลิ่นหอมและรสชาติลงตัว

2. Ensalada de romeritos, habas, tallo de cilantro capeado, aderezo de piel de pollo: สลัดผักท้องถิ่น เคียงมากับทูน่าสดบนแผ่นแป้งกรอบ และ อะโวคาโดที่ประกบผักลักษณะคล้ายมะเขือมีรสออกเปรี้ยวและมัน

3. Taco de ceviche de pescado, frijoy y hoja santa: เป็นการนำแผ่นแป้งเนื้อเนียน มาวางบนใบของพืชท้องถิ่นชนิดหนึ่ง แล้วใช้แม่พิมพ์ตัดให้เป็นวงกลม หลังจากนั้นวางเนื้อที่ปรุงรสแล้วลงไป

4. Bacalao, chileatole, berenjena y lima: เนื้อปลากระพงนึ่งกำลังดี ประดับด้วยผักโรยหน้าท้องถิ่น และราดน้ำซอส (เพื่อนๆ ผมสั่ง Pork’s Belly มีผมเพียงคนเดียวสั่งปลา)

5. Mole madre: ชอคโกแลตที่เคี่ยวมาแล้ว 225 วัน ทาลงบนแผ่นแป้งที่ทางร้านทำขึ้นเอง

6. Platano fermentado, macadamia, vinagre de flor de manzanilla: กล้วยโรยทับโดยแป้งทอดกรอบ และครีมเนยวานิลา

7. Raspado de chicozapote: เป็นเชอเบท ราดซอสที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งและมะนาว

8. Papaya nixtamalizada, yogurt, helado de miel, li-mon cristalizado, miel: ไอศครีม และโยเกิ์ต เคียงมากับมะละกออบแห้ง

9. Infusion de pelos de elote, lima y anis estrella: (ผมจำไม่ได้จริงๆ ครับว่ารายการนี้คืออะไร, ภาพก็ตกหล่นไป ช่วงนั้นอาการภูมิแพ้กำเริบหนัก)

10.Duke de calabazas criollas, creama de rancho: เป็นเนื้อผลไม้ท้องถิ่นที่ผ่านการถนอมอาหารแล้ว วางตกแต่งลงบนครีมพอดีคำ

5*** รายการนี้อาจจะต้องตรวจสอบอีกครั้งเพราะ จดบันทึกได้ไม่ละเอียด

Margarita of Pujol

Page 7: Cuba volume4

เราสั่งไวน์แดง Appellation Pauillac Controlee , Grand Cru (2006) จากฝรั่งเศสมาทานแกล้มอาหารมื้อนี้ (แน่นอน ผมทานปลา, แต่เพื่อนทั้งหมดทานหมู ดังนั้นประชาธิปไตยหมายถึงผมต้องทานไวน์แดงกับปลา, ห่ะ ประชาธิปไตยเข้าใจง่ายนิดเดียว) และหลังจากจบอาหารทั้ง 10 courses ทางพวกเราได้ขอให้ทางร้านแนะนำเตกิลาให้เราได้ทดลองชิมกัน (Tequilas: เหล้าพื้นเมืองที่หมักกลั่นจากผล Agave)

ทางร้านได้จัดเตกิลามาให้ชมทั้งสิ้น 5 ตัวด้วยกัน แบ่งออกเป็นเตกิลาที่หมักกลั่นจากผล Agave ป่า 2 ตัวและแบบที่ปลูกเพื่อใช้ทำเตกิลาโดยเฉพาะ 3 ตัว... ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบเตกิลาป่าเพราะมันหวานและบาดคอมากจนเกินไป สำหรับเตกิลาที่เหลือนั้นจะแตกต่างกันตามปีที่บ่ม ยิ่งบ่มนาน ยิ่งมีสีเหลืองจากถังไม้โอคซึ่งนำเข้าจากอเมริกาหรือฝรั่งเศส, ผมดมตัวที่บ่มสามปี หอมไม่แพ้วิสกี แบบนี้คงต้องหาซื้อก่อนกลับบ้าน, ไม่สามารถเลี่ยงได้เลย พับผ่าซิ!!

6

Botanas

Ensalada de romeritos, habas, tallo de cilantro capeado, aderezo de piel de pollo:

Page 8: Cuba volume4

Tequilas Testing

Bacalao, chileatole, berenjena y lima

Page 9: Cuba volume4

ผมกลับถึงห้องพัก... ทานยาแก้ภูมิแพ้เข้าไปเป็นเม็ดที่สอง, แล้วหลับแบบนับ 10 ตีระฆัง TKO เพื่อนบอกภายหลังว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาการเจทแลค

ถึงแม้จะเหนื่อยมาก แต่คืนนั้นผมก็ยังฝัน ฝันเดิมๆ สีสันถูกย้อมให้เเป็นขาวดำ หรือมันเป็นภาพเก่าเก็บที่ใดที่หนึ่งในห้วงจักรวาลกันแน่?, ห่ะ ยากที่จะรู้, เชกัวราและคาสโตรนั่งเงียบทิ้งให้ไฟเผาไหม้ซิการ์ ทิ้งให้ควันเริงระบำ เชเดินออกไปเงียบๆ และฉากก็สลับมาที่บ้านของเช

เชซึ่งบัดนี้โกนผมออกบางส่วน ตัดเครื่องเคราของเขาจนสิ้น ใส่แว่นหนาเตอะ กำลังโอบกอดเมียของเขา และเดินมาร่ำลาเด็กน้อยคนหนึ่งโดยการลูบหัวเบาๆ แบบเว้นระยะห่าง มือที่จับปืนต่อสู้มาเนิ่นนานของเขากำลังสั่น แล้วเขาก็เดินจากไป เดิกน้อยเดินไปหาแม่และเอ่ยเสียงแรกในฝันของผม

“แม่ขา, ชายคนนั้นคือใครกัน” เด็กน้อยถาม

“เขาเป็นเพื่อนของแม่ กำลังจะเดินทางไปไกล อาจจะไม่ได้เจอกันอีก เลยมาลา” เธอเม้มปากสนิทหลังวรรคสุดท้าย ปิดแน่นจนบิดเบี้ยว กดดันให้ความรู้สึกต้องเอ่อล้นอยู่ข้างขอบดวงตา

“ไม่, แม่ขา, แต่หนูเห็นพ่ออยู่ในตาของชายคนนั้น...”

ห่ะ, ฝันพิลึกพิลั่น

..........

8

Kitchen Tour