17
β7 จอยส์ นิตยสารเกม การ์ตูน ไลฟ์สไตล์รายเดือน J OYS FREE! APRIL 2009 เติมชีวิตให้การ์ตูน ชุดประดานำาและผีเสื้อ วรรณกรรมสร้างสรรค์จากการขยิบตา / อยากตั้งชมรมการ์ตูน ทำายังไงกันดี / ภูภู่สร้างสรรค์งานรับลมร้อน +

Joys magazine volume B7

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Joys Magazine เล่ม B7 เติมชีวิตให้การ์ตูน เจาะวงการนักพากย์การ์ตูนว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร พร้อมแนะนำเลือดใหม่ในวงการ

Citation preview

β7จอยส์ นิตยสารเกม การ์ตูน ไลฟ์สไตล์รายเดือน

Joys

FREE!

APRIL 2009

เติมชีวิตให้การ์ตูนชุดประดานำาและผีเสื้อ วรรณกรรมสร้างสรรค์จากการขยิบตา / อยากตั้งชมรมการ์ตูน ทำายังไงกันดี / ภูภู่สร้างสรรค์งานรับลมร้อน+

Joysmagazineสนใจโฆษณา ติดต่อ 0-2539-7078, 084-082-3342

นิตยสาร จอยส์403 ซ.พระยาประเสริฐ ถ.ลาดพร้าว 94

แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลางกรุงเทพมหานคร 10130โทรศัพท ์02-539-7078โทรสาร 02-934-4933

ติดต่อโฆษณา 084-082-3342

อีเมลล ์[email protected]

งานชิ้นนี้ได้รับการคุ้มครองตามกฏหมายลิขสิทธิ์ภายใตส้ัญญาอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์ รุ่น 3.0

แบบแสดงที่มา - ไม่ใช้เพื่อการค้า - ไม่ดัดแปลง ท่านสามารถดูรายละเอียดข้อสัญญาได้ที่ http://cc.in.th/wiki/by_nc_nd_thai_f

นิตยสารนี้จัดทำาโดย

คณะบุคคล คีย์ ทเวนตี้ไฟว์

บรรณาธิการบริหาร

เอกพจน์ พัฒนานารักษ์บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา

ดล วรทองกองบรรณาธิการ

สุกฤษฏิ์ บูรณสรรค์ธัญนุช อาชวนิยุต

ช่างภาพ

ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์กิตติเดช ชิญวรัชญ์

กราฟฟิค

อารัณท์ สุมิทราคอลัมนิสต์

ภูภู่, Gimini, ดิว Galaxy

JoysGames Cartoon Lifestyle Magazine

เดือนเมษายนเป็นที่รู้กันครับว่าเป็นเดือนที่ร้อนจัดที่สุดในรอบปี และมี

เทศกาลสงกรานต์ที่ติดอันดับเทศกาลที่โด่งดังไปทั่วโลกในแง่ของการดับความร้อน

โดยการรดนำา หรือในปัจจุบันก็พัฒนากลายเป็นสาดนำา ฉีดนำา ปานำา และอีกสารพัด

วิธีที่คิดค้นกันมาได้จากเครื่องมือต่าง ๆ ที่ขนมาติดตัวหรือใส่ท้ายรถกระบะกัน และ

เป็นช่วงที่เป็นภาคกลับของกรุงเทพมหานครที่รถจะโล่งทันตาเห็นโดยการย้ายรถให้

ไปติดอยู่ตามต่างจังหวัดกันแทน

สิ่งที่ตามมาของการจัดเทศกาลนั่นคือวันหยุดและงานรื่นเริงต่าง ๆ ที่

เตรียมพร้อมไว้รอสำาหรับการฉลองยาว ๆ แม้ว่าตามปฏิทินจะมีวันหยุดติดกัน 3

วัน แต่ครับว่าอีกหลาย ๆ คนก็คงจะหยุดยาวไปเป็นสัปดาห์ - 2 สัปดาห์เพื่อสนอง

นโยบายเที่ยวไทย (โดยไม่ได้นึกถึงนโยบายเลยตั้งแต่แรก) อยู่แล้ว หลาย ๆ คนก็

คงจะหนีบเพื่อน ๆ ไปตั้งแก๊งล้อมวงพักผ่อนตามต่างจังหวัดยอดฮิตสักที่หนึ่ง หรืออีก

หลายคนก็คงมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในใจอยู่แล้วใช่ไหมครับ

อีกด้านหนึ่งของเดือนเมษาก็คือเดือนที่มีความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุและ

เหตุต่างๆ ที่สูงขึ้นตามที่มีการรายงานจากสื่อต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งพยายามเตือน

ผ่านสื่อไม่ให้เกิดความประมาทในการทำากิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกล

การขับขี่ด้วยความอันตราย หรือประเด็นปัจจุบันที่มีการถกเถียงกันก็คือการที่จะให้

งดจำาหน่ายเหล้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็ว่ากันไปตามเรื่องราวครับ

สำาหรับเล่มเดือนเมษาที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่หลายคนรอคอย ก็ขอให้

ทุกคนแอ่วกันม่วน ๆ ให้จิตใจคัก ๆ แหลงกันถูกอกถูกคอกันทุกภาค จิตใจชุ่มฉ่ำาดั่ง

สายนำาที่ซัดสาดเข้ามาครับเอกพจน์ พัฒนานารักษ์

บรรณาธิการบริหาร

เมษาหรรษาEditorial

Pick uP Joys magazine atGalaxy Game Center : เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์ บางแค, สยามพารากอน, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, แฟชั่นไอส์แลนด์, SF

เดอะมอลล์ ท่าพระ, เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ สำาโรง, ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต, มาบุญครอง, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

รถไฟใต้ดิน MRT : Metro Corner ทุกสาขา, Manga Holic สถานีอโศก, ร้านคุณเปิ้ล สถานี

พหลโยธิน Cafe Kaldi : มาบุญครอง, เอสพลานาด, เมเจอร์ฮอลลีวูด รามคำาแหง, กรีน เพลซ ถ.

จันทร์ Red Mango : สยามเซ็นเตอร์, สยามสแควร์ ซ.4, เอสพลานาด Ete : สีลมคอมเพล็กซ์,

ถนนข้าวสาร สยามสแควร์: มดดำา, Ozone, Chines Cartoon, Oho Katsu, R Burger, Kin

Ramen, ยามาเนะ ร้านการ์ตูน : Toon Zone เจริญกรุง 60 - เซ็นทรัล พระราม 2 - เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา - ซีคอนสแควร์, มาบุญครอง ชั้น 7, หยิน หยาง ฟอร์จูนทาวน์, B - Book ข้างเมเจอร์

รัชโยธิน, Joybook Cartoon เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ป่าการ์ตูน เดอะมอลล์ บางกะปิ, บุ๊คราม หน้า

ม. รามคำาแหง, Be my shelf วงเวียนใหญ่, Cartoon Mania เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, แสงทองบรรณกิจ

เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, มูลนิธิญี่ปุ่น, จามจุรีสแควร์ : Cake ‘n Berry

..... or download at www.joysmag.com

PRESS RELEASE SCOOP

เติมชีวิตให้การ์ตูนเรื่อง: เอกพจน์ พัฒนานารักษ์ ภาพ: ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์

ถ้าจะนึกถึงการทำางานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์หรืออนิเมชั่น ขั้นตอนที่สำาคัญถัดจากการวาด

การ์ตูนให้ออกมาเป็นเรื่องก็คือการที่นักพากย์จะลงเสียงตามบทบาทและบุคลิกลักษณะของแต่ละ

ตัวละครให้เข้ากับบทบาทที่ถูกเขียนไว้ล่วงหน้า ซึ่งมีความสำาคัญอย่างยิ่งต่อการที่จะให้ผู้รับชมได้รับรู้

เรื่องราวและรู้สึกอินไปกับบทบาทของตัวละครต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา และในประเทศไทย นักพากย์ยิ่ง

มีบทบาทสำาคัญอย่างยิ่งต่อประชากรส่วนใหญ่ในประเทศทต้องการฟังเสียงภาษาไทย หรืออ่านบทแปลที่

ขึ้นอยู่ข้างใต้จอโทรทัศน์ของภาพยนตร์ ละครและการ์ตูนที่มาจากต่างประเทศไม่ทัน นักพากย์ยิ่งจะต้อง

ทำาการพากย์เพื่อใหเสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับให้ได้มากที่สุด กว่าจะมาถึงพวกเขาเหล่านี้มีวิธีการทำางาน

ฝึกฝนอย่างไร และทิศทางวงการพากย์ของประเทศไทยในอนาคตจะมีทิศทางเป็นอย่างไร

BACC Seminar - พลเมืองคนกล้า

เป็นงานที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่าของการอุทิศตนเพื่อสังคม ผ่านการชมภาพถ่ายผู้ได้รับรางวัลพลเมืองคนกล้า จำานวน 26 ท่าน พร้อม

ประวัติ ผลงาน และวิดีทัศน์บทสัมภาษณ์สั้นๆ โดยมีพิธีมอบรางวัลพลเมืองคนกล้าและเปิดงานในวันที่ 27 มีนาคม 2552 ตั้งแต่เวลา 13.30 น.

พร้อมเสวนากับพลเมืองคนกล้า ได้แก่ ดร. กฤษณา ไกรสินธุ์ “เภสัชกรยิปซี”, คุณ บรรจง นะแส “คนกล้าแห่งท้องทะเลใต้”, คุณบุญยืน ศิริธรรม

“นักสู้ชาวบ้าน”, คุณ ชูชาติ ดุลยประภัทศร “ผู้ใหญ่บ้านคนกล้า” และคุณ นิรมล เมธีสุวกุล ตัวแทนกรรมการโครงการ พลเมืองคนกล้า ดำาเนิน

รายการโดย คุณ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการสำานักพิมพ์โอเพ่น เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและบุคคลทั่วไปได้มีโอกาสพูดคุย และซักถามผู้

ได้รับรางวัล งานนี้จัดโดยสำานักงานเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Cookie Card Love Love Collection

ฉลองเดือนแห่งความรักกันให้หวานฉ่ำา...ด้วยบัตรคุกกี้การ์ดคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด

“Love Love Collection” ที่ผลิตมาเฉพาะกิจให้เพื่อนๆ ได้เก็บสะสมเป็นของ

ขวัญฉลองฤดูกาลแห่งรัก หรือจะมอบให้กับคนที่รู้ใจเอาไว้สื่อความนัยก็ได้ไม่ว่า

กัน ไม่ว่าจะเป็นลายหน้าบัตร Pangya, Flyff หรือ Fanta 2 ก็น่ารักน่าสะสมเป็น

ที่สุด....อย่ารอช้านะคะ โอกาสพิเศษแบบนี้ พลาดไม่ได้เลยนะคะเพื่อนๆ!! เพื่อนๆ

สามารถหาซื้อบัตรคุกกี้การ์ด “Love Love Collection” ได้ทุกช่องทาง ทั้งที่ร้าน

ตัวแทนจำาหน่ายต่างๆ ใกล้บ้าน หรือที่ http://www.cookiecard.in.th เพื่อดูราย

ละเอียดของเพิ่มเติมของร้านตัวแทนจำาหน่ายต่างๆ ได้เลยค่ะ

Scoop 7

อยากจะพากย์ก็ต้องหัด ก่อนที่แต่ละคนจะมีความสามารถ ทักษะและความรู้ใด ๆ ก็ตามน่อมต้องมีการฝึกฝนเสียก่อน สำาหรับการพากย์แล้ว ปัจจุบันนี้มีช่องทางการฝึกฝนสำาหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักพากย์หน้าใหม่ นอกจากวิธีเดิม ๆ คือการฝึกฝนการพากย์ด้วยตนเองจากการถอดบทการ์ตูน หลาย ๆ คนก็ยังเลือกที่จะพากย์การ์ตูนที่ตนเองชื่นชอบและยังไม่มีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมาเผยแพร่ลงบน Youtube ให้แต่ละคนได้ดูและวิจารณ์กัน นอกจากนั้นแล้ว สำาหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนอย่างจริงจังก็สามารถเลือกเรียนกับผู้มีประสบการณ์จากหลักสูตรการสอนพากย์การ์ตูนในประเทศไทยที่เปิดทั้งระยะสั้นและระยะยาวในหลาย ๆ สำานัก อย่างเช่นอมรินทร์ พรินติ้ง กรุ๊ป หรือที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่หากจะพูดถึงหลักสูตรที่ยาวที่สุดที่มีการเปิดสอนในปัจจุบันก็คือที่ Gen-X Academy ซึ่งมีระยะเวลาในการสอนแต่ละรุ่น สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง เป็นเวลาติดต่อกัน 4 เดือน ในราคา 19,000 บาท สำาหรับหลักสูตรการสอนของ Gen-X Academy นั้น จะให้นักเรียนจับกลุ่มกันเป็นทีมตามระบบการพากย์ของประเทศไทยประมาณ 4 คน ซึ่งจะมีบทพากย์ใหม่ ๆ ให้ในท้าย

ชั่วโมงของแต่ละชั่วโมงเพื่อให้นักเรียนไปพากย์และอัดเสียงในสตูดิโอของ Gen-X โดยมีความยาวของหนังที่ต้องฝึกพากย์เป็นเวลา 5 นาที เมื่อถึงเวลาชั้นเรียน ในชั่วโมงแรกก็จะมีการเปิดเทปที่อัดไว้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการพากย์ระหว่างอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งหมด โดยมี อภินันท์ ธีระนันทกุล (เอ) ผู้ให้เสียง ‘แอล’ ในภาพยนตร์เรื่อง Deathnote และ L Change the world พากย์เสียง เฉินกวนซี จาก Initial D เป็นผู้บรรยายสารคดีในช่อง National Geographic และ Animal Planet เป็นอาจารย์ผู้ควบคุมหลักสูตรการพากย์ทั้งการพากย์หนังและการ์ตูนอยู่ในปัจจุบัน หลังจากนั้นจะเป็นการฝึกพากย์สดโดยการเปิดเทปและพากย์บทต่าง ๆ ที่มีการให้การบ้านทิ้งไว้ และจะมีโจทย์ใหม่ ๆ เรื่อย ๆ จนกว่าจะจบหลักสูตร อภินันท์ได้เล่าถึงประสบการณ์ทำางานทั้งการพากย์หนังและการ์ตูนเอาไว้ “แต่ละเรื่องต้องบอกว่านักพากย์จะไม่ได้ถูกยึดติดตลอดนะว่าจะต้องพากย์เป็นตัวพระเอกตลอด เป็นตัวร้ายตลอด หรือตัวประกอบตลอด เพราะอาจจะมีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ขึ้นอยู่กับตัวของหนังบ้าง ตัวผู้จัดบ้าง ของทีมบ้าง อย่างที่โรสก็จะมีเรื่องผู้ผนึกมาร (Kekkaishi) ก็จะมีค่อนข้างเยอะ ล่าสุดก็จะมี Spongebob ก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการ์ตูนเด็ก การ์ตูน

ผู้ใหญ่ การ์ตูนต่อสู้ ถ้าเป็น Cartoon Network ก็จะพากย์นารุโตะ” เอได้เข้ามาเป็นอาจารย์จากการชักชวนจากคุณโชคชัย เจี่ยเจริญ จากการที่ได้ไปใช้ห้องอัดของเขาในการอ่านสปอตโฆษณา ซึ่งมีการพูดคุยทาบทามจนได้มาเป็นวิทยากรพิเศษเมื่อกลางปี พ.ศ. 2551 และก้าวมาเป็นอาจารย์หลังจากนั้น “บางคนอาจจะมองว่าผมเด็กไปไหม ประสบการณ์พอเพียงไหม แต่ผมนึกย้อนไปถึงเพื่อนที่จบปริญญาตรีใหม่ ๆ อายุ 23-24 ยังสามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้เลย เราก็กลับมาคิดว่าทุกวันนี้เราก็มีผลงาน เราก็มีความชอบที่จะถ่ายทอด บางคนที่ถ่ายทอดไม่ได้ ไม่เป็น ก็ไม่สามารถที่จะเป็นอาจารย์ได้”

วงการพากย์มันแคบ ขณะนี้อภินันท์ได้ทำาการสอนที่ Gen-X Academy ด้านการพากย์จบไปแล้ว 1 รุ่น และขณะกำาลังสอนเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งนักเรียนแต่ละคนที่เข้ามาก็มีหลากหลายวัย ตั้งแต่นักเรียนชั้น ม. 4 – ม. 5 นักศึกษามหาวิทยาลัย บางคนก็เป็นเจ้าของภัตตาคารจนไปถึงอายุ 40 – 50 กว่าก็ยังมี ซึ่งจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งที่อภินันท์ก้าวเข้ามาเป็นอาจารย์ก็เพราะต้องการที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทุกคนที่มีพื้นฐานที่หลากหลาย “ผมทำางานอยู่ในห้องพากย์ ซึ่งเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ทีมพากย์หรือว่าคนพากย์ก็จะเป็นคนเดิม ๆ ซึ่งประสบการณ์ของเราก็จะวนเวียนอยู่กับคนเดิม ๆ ไม่ได้มากมายหลากหลาย แต่ในขณะที่ผมมาสอนที่นี่ผมได้เจอผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ ประสบการณ์ต่างกัน ได้แชร์ความรู้กัน การที่เขาเข้ามาเริ่มแรกคือความอยากเรียนรู้ อย่างที่สองคือความชอบ ซึ่งมีทั้งชอบดูหนัง ชอบดูการ์ตูน หรือแม้กระทั่งชอบในการเป็นนักพากย์ ซึ่งถ้ามีสองอย่างนี้ก็คงต้องตัดสินใจที่จะเริ่มศึกษาความรู้ตามสิ่งที่เราต้องการแล้ว” วิธีการสอนของอภินันท์นั้น นอกเหนือจากการสอนภายในชั้นเรียนแล้วจะมีเวลาช่วงหนึ่งที่ชักชวนให้นักเรียนในชั้นไปดูหนังพากย์ไทยในโรงภาพยนตร์ “เพราะก่อนที่เค้าจะเริ่มพากย์หนังได้ก็ควรจะมีความชอบก่อน สมมุติถ้ามีความชอบในการดูหนัง ศึกษาหาความรู้จากการดูหนังว่านักพากย์ที่เขาพากย์กันที่

ผ่านมา ทำาไมเขาถึงพากย์ได้ดี หรือแม้กระทั่งนักพากย์ที่พากย์ไม่ได้ดี ทำาไมถึงทำาไม่ดี เราสามารถที่จะเป็นนักพากย์ที่ทั้งนำาเสนอและเป็นทั้งคนดูที่สามารถ Comment ได้ว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดีนะ แล้วสามารถใช้ในการฝึกฝนตัวเองได้” สำาหรับวงการนักพากย์ อภินันท์เล่าว่านักพากย์ชายจะได้เปรียบกว่าหญิง เนื่องจากตัวละครชายที่มีมากกว่าและในวงการพากย์ในปัจจุบันนั้นขาดนักพากย์ตัวละครชายวัยหนุ่ม จึงเป็นที่ต้องการในแวดวงการพากย์

มากกว่า เมื่อมีงานที่มากกว่าจึงทำาให้รายได้จากการพากย์นั้นจะสูงตามไปด้วย แต่ทั้งนักพากย์ชายและหญิงหากสามารถรักษามาตรฐานได้อย่างต่อเนื่องทุกคนก็จะต้องการนำาไปร่วมงานด้วย “มันเป็นวงการที่ค่อนข้างแคบ คำาว่าแคบในที่นี้คือบุคลากรค่อนข้างน้อย การที่จะสร้างนักพากย์คนหนึ่งให้เกิดขึ้นมาต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ต้องมีความอดทน ไม่สามารถที่จะมาให้ทำาอย่างนี้แล้วจะทำาได้ปั๊ป เขาจะค่อยๆ จดจำา เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยตัวเขาเองหรือบุคคลรอบข้างที่เรียกกันว่า ครูพักลักจำา เพราะฉะนั้นมันต้องใช้เวลาในการพากย์ให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นต้องบอกว่านักพากย์จะไม่ได้ถูกยึดติดตลอดนะว่าจะต้องพากย์เป็น

ตัวพระเอกตลอด เป็นตัวร้ายตลอด หรือตัวประกอบตลอด

อภินันท์ ธีระนันทกุล และลูกศิษย์

มันเป็นวงการที่ค่อนข้างแคบ คำาว่าแคบในที่นี้คือบุคลากรค่อนข้างน้อย

เคล็ดลับในการพากย์เรามีคำาแนะนำาดี ๆ มาบอกกล่าว สำาหรับใครที่ต้องการฝึกฝนเบื้องต้นสำาหรับการ

พากย์ หรือการใช้เสียงในรูปแบบใดก็ตาม จากนักพากย์มืออาชีพ ทั้งคุณอภินันท์

ธีระนันทกุล (เอ) และคุณวิภาดา จตุยศพร (น้าเปียก)

พรสวรรค์ที่ดีพรสวรรค์ไม่เกี่ยวกับเรื่องเสียงหล่อ เสียงสวย เพราะว่าในหนังหนึ่งเรื่องมีตัวละครเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งพระเอก นางเอก ตัวรอง ตัวประกอบ แล้วจะมีพระเอกแบบกะล่อน ตัวร้ายแบบมาดดีก็มี เพราะฉะนั้นคาแรกเตอร์เสียงคือสิ่งสำาคัญ บางคนเสียงดี ตื่นขึ้นมาแล้วก็สามารถพูดเป็นเสียงนั้นๆ ได้เลย ในขณะที่บางคนตื่นขึ้นมาคออาจจะยังไม่พร้อม เสียงไม่สดใส ยิ่งเรามีพรสวรรค์ในการใช้เสียงที่ดี แล้วเราฝึกฝนให้สามารถใช้เสียงได้หลากหลาย จะยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น

Scoop 9

นักพากย์คนหนึ่งที่จะเกิดขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร นักพากย์หน้าใหม่นั้นจะต้องใช้ความสามารถ ต้องมีความอดทน มีพรสวรรค์ บางคนมีพรสวรรค์แต่ไม่มีพรแสวง คิดว่าตัวเองเสียงดี อ่านหนังสือดีก็ปล่อยปะละเลย คิดว่าพากย์ได้เท่านี้ก็ไปเที่ยวเล่นเฮฮา เพราะฉะนั้นพัฒนาการของเขาก็จะหยุดอยู่แค่ชั่วโมงการพากย์ในเวลานั้น แต่ในขณะเดียวกันสำาหรับคนที่พรสวรรค์มีน้อย มีพรแสวงมาก เขาอาจจะไม่ได้ดีเท่าคนที่มีพรสวรรค์ในเวลาที่เท่ากัน แต่เขากลับไปทำาการบ้าน ไปฝึกฝนมากขึ้น ผมมองว่าสามารถไล่ตามกันได้ทัน”

นักพากย์น้องใหม่ การรับงานพากย์ในระบบของประเทศไทยนั้นจะมีการรวมตัวกันเป็นทีมพากย์เพื่อไปรับงานมาจากตามบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เพื่อทำาการพากย์ ซึ่งบางเรื่องก็อาจจะต้องมีการส่งเสียงการพากย์ของนักพากย์ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์จากต่างประเทศเพื่อควบคุมให้มีอารมณ์และนำาเสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับ เช่นการ์ตูนทางฝั่งดิสนี่ย์ หรือการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังบางเรื่อง เช่น บลีช การรวม

ตัวกันเป็นทีมพากย์ทีมหนึ่ง ๆ นั้นจึงต้องใช้จำานวนคนที่มาร่วมทำางาน

เกือบ 10 คนในแต่ละเรื่อง แม้ว่าจะสามารถใช้นักพากย์คนเดียวกันในการให้เสียงมากกว่า 1 ตัวละครได้แต่ก็เป็นการดีกว่า สำาหรับการที่จะนำานักพากย์คนอื่น ๆ เข้ามาร่วมพากย์ด้วย โดยเฉพาะนักพากย์มือใหม่ที่จะมารับบทที่ไม่สำาคัญเพื่อสะสมประสบการณ์และพัฒนาฝีมือให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เราได้หยิบเอานักพากย์รุ่นใหม่ 4 คนคือ ชนม์ฤทธิ์ เกียรติเรืองไกร (ตอย), อภิชิต ลิขิตลิ้มปรีชา (บอส), อภิญญา พรมานะสุขุม (ปุ๊กลุ๊ก) และ วสกร สนตยกุล (บอล) ที่เริ่มจะมีผลงานล่าสุดเป็นตัวประกอบตัวเล็กตัวน้อยตามลำาดับตั้งแต่ Galaxy An-gel, Digimon Saver, Gintama และมาส์คไรเดอร์โชว์มาพูดคุยถึงประสบการณ์ ซึ่งประวัติแต่ละคนนั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เช่นตอยที่เคยเป็นพนักงานขายหนังสือที่บูทของ สนพ. บงกชในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมา

ก่อน และเมื่อ พงศ์เทพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (แมน) Sound Director และนักพากย์ของ TIGA ได้เห็นลีลาและนำาเสียงของการขายที่น่าฟังจึงชักชวนให้เข้ามาทดลองทำางานด้านการพากย์ หรือบอสที่ได้รับการชักชวนมาทำางานจากตอยอีกที่หนึ่ง โดยเริ่มต้นจากการทำาบทพากย์การ์ตูน Full Metal Alchemist “แล้วก็โดนด่ากลางเน็ตกระทู้กระจาย (หัวเราะ)” ส่วนบอสมีโอกาสมาจากการส่งประวัติเพื่อสมัครด้านงานพากย์เข้าไปที่บริษัท DEX และให้เบอร์คุณขาว ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอที่ใช้อัดเสียงย่านพระราม 9 จึงได้เริ่มต้นเข้ามาทำางาน ส่วนปุ๊กลุ๊กนั้นมาจากการเดินงานสัปดาห์หนังสือแล้วได้ยินเสียงคุณแมนแล้วจำาได้ จึงเดินไปถามและเข้าไปทัก “พี่แมนคงคิดว่าไอ้นี่มันชอบเรื่องการพากย์มาก ๆ จนจำาเสียงได้ ก็เลยโดนชวนมา (หัวเราะ)” แต่ละคนก็มีที่มาและวิธีการที่จะได้เข้ามาทำางานแตกต่างกันไป แต่กว่าจะได้พากย์จริง ๆ ก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนานไม่ต่ำากว่า 2 ปีกว่า หรือบอสที่ต้องใช้เวลารอคอยถึง 6 ปี กว่าจะได้มีบทพากย์และนั่งอยู่หลังไมค์เพื่อพูดเพียง 1 – 2 ประโยคอย่างคำาว่า “หนึ่ง สอง สาม ๆ” หรือ “อ๊าก ! ว๊าก !” หลังจากนั้นพวกเขาจึงเริ่มมีโอกาสมากขึ้นในการพากย์การ์ตูน “ง่าย ๆ ตรงนี้คือความรักใน

การ์ตูน ความฝัน และความอดทนพยายามของแต่ละคนที่จะก้าวเข้ามาสู่จุดนี้กันได้” บอลกล่าวเสริม และวันที่พวกเขากำาลังสานฝันของตัวเองก็ได้มีการเปิดกลุ่มที่ชื่อว่า Thai Fandub (http://thaifandub.6.forumer.com) ขึ้นมาเพื่อที่จะให้เป็นศูนย์กลางของทางด้านการพากย์สำาหรับใครก็ตามที่สนใจที่ ซึ่งภายในนั้นก็จะมีการรวบรวมผลงานทั้งการพากย์ประเภทเดี่ยว ทีม และร้องเพลงเปิดและปิดอนิเมชั่นเป็นภาษาไทยเพื่อให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนและวิจารณ์ผลงานร่วมกัน รวมถึงการคัดเลือกเสียงของแต่ละคนเพื่อที่จะนำามาพากย์และร้องเพลงในอนิเมชั่นเรื่องต่าง ๆ ที่ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเพื่อทำาผลงานร่วมกันอีกด้วย ก้าวแรกสู่การพากย์ นอกจากที่มาของการพากย์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีช่องทางอีกอย่างหนึ่งคือการประกวดคัดเลือกนักพากย์ของ บมจ.โรส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งปุ๊กลุ๊กก็เคยไปทำาการคัดเลือกกับเค้าด้วย “เมื่อก่อนจะฝึกพากย์อยู่แล้ว แต่ฝึกพากย์กับหนังสือการ์ตูน พอไป casting ปุ๊บ โรสเค้าจะมีอนิเมชั่นมาให้พากย์ ปรากฏว่าพากย์ไม่ได้เลยเพราะไม่เคยพากย์กับอะไรที่มันเคลื่อนไหวมาก่อนเลย หลุดทุกอย่างจนออกมารู้สึกฟีบ ตัวเล็ก (หัวเราะ) พอกลับมาที่บ้านก็เห็นงานของมี่จัง (นักพากย์สมัครเล่นคนหนึ่ง) เค้าทำาพอดี ก็เลยคิดว่าอยู่บ้านก็ฝึกอย่างนี้ก็ได้” หลังจากที่กลับมาฝึกที่บ้านและคอยอัพโหลดลงบน Youtube ก็ทำาให้คนเห็นผลงานมากขึ้น “ทุก ๆ คนที่ผ่านมานั่งอยู่ตรงนี้ก็ทำาด้วยใจรักจริง ๆ ครับ ที่แน่ ๆ แต่ละคนก็ต้องผ่านความยากลำาบากมา เพราะเป็นอาชีพที่ไม่สามารถทำาได้ง่าย ๆ ต้องผ่านการฝึกฝน การปรับตัว การเข้าหาคนอื่น เพราะว่าเวลาเราพากย์เราไม่ได้พากย์คนเดียว ถึงแม้เวลาเราฝึกพากย์คนเดียวเราเห็นว่าสามารถทำาได้ แต่พออยู่ร่วมกันจริง ๆ มันเป็นอีกอย่างหนึ่ง ต้องจูนให้เข้ากัน” บอลกล่าวเสริม บอลยอมรับถึงจุดยากของการพากย์นั้นอยู่ที่การให้แต่ละคนได้รู้จักและเสียงในการพากย์ของ

แต่ละคนนั้นเป็นงานที่ยาก และในเส้นทางการเข้ามาของนั้นก็มีความแตกต่างกันกับประเทศอื่น ๆ ตรงที่อาจจะไม่มีสถาบันมากนักที่จะฝึกพื้นฐานมาตั้งแต่ต้น และการคัดเลือกผู้พากย์นั้นจะเน้นไปที่ดาราด้วยเหตุผลทางด้านการตลาดและพื้นฐานของการแสดงทีต้องใส่อารมณ์ให้กับตัวละครนั้น ๆ “ที่ทำาได้คือจากการที่เห็นมาทั้งนั้นเลย เกิดจากการซึมซับ และต้องของคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ให้โอกาส ไม่หวงวิชา สอนเราทุกเรื่อง อย่างเวลาทำาคลิปก็จะช่วยให้พี่ ๆ น้า ๆ ช่วยวิจารณ์ให้ ง่าย ๆ คือทุกคนมีบุญคุณกันหมด ” ตอยกล่าวถึงประสบการณ์ และงานสำาหรับนักพากย์หน้าใหม่อย่างพวกเขานั้นไม่ได้หยุดอยู่แค่หน้าไมค์เท่านั้น แต่ยังต้องทำาหน้าที่อีกมากมาย อย่างเช่นการถอดบท เช็คบท เกลาบท คุมบท ในห้อง Mixer รวมถึงงานทั่ว ๆ ไป และงานส่วนตัว อย่างเช่นบอลที่ได้ไปพากย์เสียงในงาน Event ของมาส์คไรเดอร์ตามห้างสรรพสินค้า ทุกคนที่เข้ามาในที่แห่งนี้นั้นได้รับประสบการณ์ ฝึกความอดทน ไหวพริบ สมาธิต้องดี หูต้องเร็ว ตาต้องเร็ว และทำาให้แต่ละคนได้มาเจอกัน “สมมุติว่ามีงานเข้ามา อยากได้ผู้ชายเท่านี้ ผู้หญิง

ง่าย ๆ ตรงนี้คือความรักในการ์ตูน ความฝัน และความอดทนพยายามของแต่ละคนที่จะก้าวเข้ามาสู่จุดนี้กันได้

[จากซ้ายไปขวา] ชนม์ฤทธิ์ เกียรติเรืองไกร (ตอย), วิภาดา จตุยศพร, อภิญญา พรมานะสุขุม (ปุ๊กลุ๊ก), อภิชิต ลิขิตลิ้มปรีชา (บอส), วสกร สนตยกุล (บอล)

พรแสวงที่ดียิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ คอมเมนท์ตัวเองได้มากเท่าไหร่ แก้ไขตัวเองได้มากเท่าไหร่ อุดรูโหว่ ปิดจุดผิดพลาดของตัวเองได้มากเท่าไหร่ ยิ่งจะสามารถเป็นนักพากย์ที่ดีได้มากเท่านั้น รวมถึงการเตรียมตัว บางคนมีเสียงที่ดีมาก แต่อ่านหนังสือให้ตายก็อ่านไม่คล่อง ไม่ว่าจะใช้เวลาฝึกมากแค่ไหนก็จะค่อน

ข้างลำาบาก เพราะฉะนั้นเสียงที่ดีก็คือเสียงที่ฟังแล้วชัดเจน ร เรือ ล ลิง ควบกล้ำา เสียงที่ฟังชัดเจน มีพื้นฐานการอ่านที่ดี อาจจะต้องมีการบริหารปอด โดยมากแล้วนักพากย์ที่ดีจะต้องมีการเตรียมเสียงก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทำาเสียงในลำาคอ บริหารปากโดยการกระดกลิ้น กระดกปาก อวัยวะต่าง ๆ ต้องพร้อมในการใช้งาน

เรามีความฝันว่า อยากจะให้มีคนเดินเข้ามาแล้วบอกว่า พี่ครับ ผมจำาเสียงพากย์พี่ได้ ผมชอบมาก

Scoop 11

สวย น่ารัก น่ารัก สวย

เท่านี้ก็จะลาก ๆ กันมา” บอส และเมื่อเราถามถึงความฝัน ทุกคนก็ตอบเหมือนกันมีว่าจุดร่วมอยู่ที่การเป็นนักพากย์มืออาชีพ “ด้วยความที่เราเห็นแบบอย่างตั้งแต่เด็ก เราเห็นน้าต๋อย น้าเปียก น้าตุ๊ก หรือหลาย ๆ คนที่มาทางสายการ์ตูน เราไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพที่สบาย ถ้าใครได้เข้ามาแล้วจะรู้ว่าเป็นงานที่ทำายากมาก เหนื่อยกว่าการเป็นดาราด้วยซ้ำาไป มีทั้งความสุข ความเศร้า ร้องให้ น้องปลอบพี่ พี่ปลอบน้อง ตรงจุดนี้ทุกคนผ่านมาหมดแล้ว เราอยากสร้างประสบการณ์ให้ทุกคนมีความสุข เรามีความคิดว่าสักวันเราจะเหมือนน้าต๋อยที่พอเดินมาก็ ‘น้าต๋อยมาแล้ว’ ก็ทำาให้เกิดความสุข เรามีความฝันว่า อยากจะให้มีคนเดินเข้ามาแล้วบอกว่า พี่ครับ ผมจำาเสียงพากย์พี่ได้ ผมชอบมาก”

การให้โอกาส สกู๊ปเล่มนี้คงจะไม่สมบูรณ์ หากเราไม่ได้พูดถึงผู้ที่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาสู่แวดวงการพากย์ วิภาดา จตุยศพร (น้าเปียก) นักพากย์สังกัด Modernine TV และอิสระ ที่เราจะคุ้นเสียงกับบทบาทนางเอกในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่น อุซางิ จาก Sailor-

moon อายานามิ เรย์ จาก Evange-lion, ลักซ์ ไคลน์ จาก Gundam Seed และ Gundam Seed Destiny, ซีทู

จาก Code Geass เป็นต้น น้าเปียกได้เล่าประสบการณ์การทำางานร่วม 30 ปี ถึงคุณสมบัติสำาคัญของนักพากย์ว่าจะต้องอ่านหนังสือได้คล่องและชัดเจน “อย่างน้อยภาษาไทยต้องพูดชัดเจน พากย์หนังได้ชัด รู้อารมณ์ของหนัง ที่สำาคัญที่สุดเลยก็คือ เวลาที่เราดูบท เราต้องรู้เลยว่าเค้าแสดงอารมณ์อะไรบนสีหน้า เพราะว่าเวลาเราพากย์ต้องสื่ออารมณ์ให้ได้ตามนั้น โกรธ โมโหนิดหน่อย โมโหมาก อารมณ์ลำาดับก็ต้องให้ถึงกับหน้าเค้าด้วย” และวิธีการเตรียมตัวในการพากย์ในแต่ละครั้งก่อนพากย์นั้น คือการอ่านบทล่วงหน้าก่อนพากย์สักประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อขีดทำาเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ใดๆ เอาไว้ เพราะว่าบางครั้งนักพากย์ 1 คนจำาเป็นจะต้องพากย์ตัวละครมากกว่า 1 ตัวและจำาเป็นจะต้องเปลี่ยนเสียง เพราะเหตุที่ว่าตัวละครแต่ละตัวนั้นมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงการแบ่งวรรคตอนและทำาความเข้าใจกับบท ซึ่งจะมีผู้ควบคุมเสียงหรือ Sound Director จากเจ้าของลิขสิทธิ์มาควบคุมการพากย์และอธิบายลักษณะของตัวละครอีกทีหนึ่ง “การอ่านนั้นมีเพื่อทำาให้เข้าใจบท เข้าใจอารมณ์ตรงนั้น วรรคตอนก็สำาคัญ เพราะว่าถ้าอ่านผิดความหมายก็จะผิดไปเลย เวลาถ้าเราทำาความเข้าใจ เมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่ต้องอัดซ้ำาใหม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับที่ว่าต้องหอบการบ้านกลับไปทำาที่บ้านนะ ก่อนจะพากย์ก็ทำาโน้ต ศึกษาบทสักหน่อย” แต่แน่นอนว่าสำาหรับมือใหม่แล้ว การกลับไปฝึกฝนตนเองเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่สำาคัญ

อย่างยิ่ง “การฝึกที่ดีของแต่ละคนนั้นต้องมีการฝึกฝนที่เยอะ มีโอกาสที่เยอะ ยกตัวอย่างปุ๊กลุ๊กที่เข้ามาได้ ก็เกิดมาจากการนั่งดูที่ห้องพากย์นานมาก จนกระทั่งวันหนึ่งพอเรามีบทก็ให้เค้าลองพากย์ดู เค้าก็พากย์ได้ ค่อยๆ ฝึกไป แต่โดยพื้นฐาน เวลาที่เค้าไม่ได้มาที่นี่ก็จะกลับไปฝึกและไปฟังที่บ้านดูว่าบกพร่องที่ไหน หรืออย่างตอยก็จะเอามาให้ฟังและวิจารณ์ว่าต้องแก้ไขอย่างไร” ปัจจุบันนี้อนิเมชั่นในแต่ละเรื่องก็จะใช้จำานวนคนที่แตกต่างไป ขึ้นอยู่กับความสำาคัญของตัวละครในเรื่องแต่ละตัว บางเรื่องก็จะใช้คนแค่เพียง 3-4 คนที่เป็นตัวละครหลักในการดำาเนินเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำาเป็นจะต้องใช้จำานวนถึง 8-9 คน เพราะไม่สามารถใช้นักพากย์คนเดียวกันที่จะซ้ำาเสียงได้ “ซ้ำาได้ แต่ว่ามันจะดีหรือ ถ้าเผื่อว่าพระเอกหลาย ๆ ตัวอยู่ในวัยที่เท่ากันหมด คุณจะซ้ำายังไงนอกจากคาแรกเตอร์เค้าเปลี่ยน จะเป็นคนเรียบเฉยหรือเป็นคนโวยวาย ถ้าให้เค้าพากย์ เค้าก็พากย์ได้แล้วก็เหนื่อย จะทำายังไงล่ะ” และอุปสรรคที่จะพบมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งในการทำางานคือบทพากย์ที่ไม่ดี “ถ้าบทมาไม่ดี ต่อให้เป็นนักพากย์ขั้นเทพแค่ไหนก็ตาม บทห่วยก็ปราบเราได้อยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นทีมของเราแล้วบทส่งมาไม่ดีปั๊บจะหยุดพากย์ทันทีเลย คือสมมุติว่าถ้าพากย์ไปสักพักแล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วจะทู่ซี้พากย์ให้มันเสียเวลาเราไปทำาไม ออกมาก็ไม่ดี เพราะเราไม่ใช่คนแปล เราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ยิ่งไม่รู้ไปใหญ่ แล้วจะเดาไปความหมายผิด เราต้องนึกถึงเด็ก ๆ ที่เค้ามาซื้อแผ่น พวกนี้บางคนเค้ารู้ดีกว่าเราอีก เพราะฉะนั้นเป็นความรับผิดชอบของผู้แปล หยุดเลยดีกว่าวันนั้น ไม่ดีหรอก” เมื่อถามถึงประเด็นของจำานวนคนที่สนใจสัมผัสในวงการพากย์ สำาหรับน้าเปียกแล้วได้รับการติดต่อเข้ามาที่ช่อง 9 ปีละเป็นสิบคน และมีโครงการที่คิดอยากจะฝึกคนรุ่นใหม่ ๆ ให้เข้ามาเหมือนกัน “บางทีก็ไม่แน่ไม่นอน บางทีก็ 2-3 คน เพราะเราก็ไม่ได้เปิดให้ทุกคนเข้ามา แต่คนก็โทรมาที่ช่อง 9 บ่อยมาก แต่เรายังไม่ได้เปิด ช่อง 9 คิดจะเปิดเหมือนกันแต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่เราจะได้ทำาโครงการเหล่านี้สักที แต่ก็มีความคิดที่จะสอน ที่จะทำา บางคนอยากมาสมัคร บางคนอยากมาขอลอง ก็เคยคิดไว้ในไอเดียฝัน ๆ นะว่าอยากจะจัดแคมป์นักพากย์ให้เด็ก ๆ ที่เค้าอยากจะพากย์ไว้ ทุกวันนี้ก็เป็นโปรเจคที่พี่จะพยายามผลักดันที่ช่อง 9 แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทางด้านฝ่ายการตลาดสักแค่ไหน แล้วถ้าเป็นไปได้ อันนี้เราฝันเฟื่องมากไปไม่รู้หรือเปล่านะ แต่ถ้าเด็กมีดี มีแวว เราก็อยากจะดึงเข้ามาอยู่ในทีมพากย์ด้วย เพราะพวกพี่เดี๋ยว

สักพักก็ต้องไปแล้ว พากย์ไม่ได้แล้ว”

อนาคตของการพากย์ โชคชัย เจี่ยเจริญ หัวหน้าภาควิชา สื่อสารมวลชน Mass Communicationที่ Gen X Academy และ DJ ประจำาคลื่น FM1 103.5 Mhz ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตของอาชีพนักพากย์ในประเทศไทยว่ายังมีความต้องการอีกเป็นจำานวนมาก จากการเปิดของเคเบิลทีวีใหม่ ๆ ทั้งช่องสารคดี หรือช่องการ์ตูนที่การเปิดขึ้นอย่างมากมาย เช่น Gang Cartoon Channel ของ บมจ. โรส มีเดีย แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ หรือ Cartoon Club ของ บ. Eff จำากัด ซื่งยังไม่นับเคเบิลท้องถิ่นในต่างจังหวัดอีกมากมาย “ขึ้นอยู่กับมาตรฐานว่าเอาไปออกที่ไหน ถ้าเป็น Discovery Channel จะต้องมีการทำา Screen Test เพื่อส่งเสียงไปที่สำานักงานภูมิภาค

ถ้าบทไม่ดี ต่อให้เป็นนักพากย์ขั้นเทพแค่ไหนก็ตาม บทห่วยก็ปราบเราได้อยู่เหมือนกัน

โชคชัย เจี่ยเจริญ

รักษาสุขภาพการพากย์เป็นอาชีพหนึ่งที่จะต้องมีการใช้เสียงค่อนข้างเยอะ และสิ่งสำาคัญที่จะรักษาสุขภาพเสียงคือการระมัดระวังสุขภาพของตัวเอง เช่นหากเป็นหวัดก็จะทำาให้มีปัญหาเรื่องหลอดลมและเส้นเสียงที่จะทำาให้คุณภาพเสียงออกมาได้ไม่ดีเท่าเดิม

อ่านออกเสียงชัดเจนนักพากย์ที่ดีต้องอ่านหนังสือให้เร็ว ออกเสียงคล่อง และถูกอักขระ ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนขึ้นไปได้เรื่อย ๆ จากการกลับไปอ่านหนังสือหรือสิ่งพิมพ์อื่นใดก็ตาม เพราะเนื่องจากบางครั้งบทพากย์จะมีความยาวค่อนข้างมาก และนอกจากนั้น การออกเสียงภาษาไทยที่ถูกต้อง ก็เป็นการรักษาภาษาไทยในฐานะผู้ถ่ายทอดภาษาสู่เด็กและเยาวชนให้รับฟังด้วย

ไม่ว่าจะมองย้อนกลับไปในอดีตที่เป็นช่องทางที่ยากจะเข้าถึง หรือในปัจจุบันที่มีช่องทางเลือกมากมายในการเข้ามาและเรียนรู้ทางการพากย์ สิ่งที่สำาคัญที่สุดอย่างหนึ่งของหัวใจการพากย์ โดยเฉพาะการพากย์การ์ตูน นั่นคือ

ความใส่ใจลงไปในการทำางานที่จะทำาให้คนดูนั้นเชืื่อและมีความรู้สึกร่วมไปกับอนิเมชั่นที่ได้รับชม หากความสุขของ

ผู้ดูคือความอิ่มเอมหัวใจและทำาให้นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ความรู้สึกของนัักพากย์ก็คงจะเป็นมุมกลับในการสร้าง

ความสุขให้ผู้ชมได้นึกถึงและจดจำาเรื่องราวต่าง ๆ ในการ์ตูนเรื่องนั้น ๆ เช่นเดียวกันJoys

ที่ฮ่องกง หรือสำานักงานใหญ่ที่อเมริกาว่ามีความใกล้เคียงต้นฉบับตามที่ Producer วางไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็จะมีการสกรีนเช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากเป็นการซื้อสิทธิ์ขาดและเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ได้มีการควบคุมว่าจะต้องส่งเสียงมาก่อน หรืออาจจะทำาไปสู่การพากย์การ์ตูนที่เป็น VCD / DVD ที่เป็นสื่อการเรียนรู้ของเด็กที่มีขายตาม 7-11 หรือ Toys R Us ก็ได้” เมื่อมองเปรียบเทียบภาพรวมของวงการพากย์ในประเทศไทยกับญี่ปุ่น โชคชัยได้ให้ทรรศนะเอาไว้ “คือการรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนนี่มันจะเป็นในเชิงการพาณิชย์มากกว่า ลักษณะการโยนงาน สมมุติว่ามีการ์ตูน 50 ตอนนะ ตอนหนึ่ง 40 นาที คุณเหมาไปเลยว่าเท่าไหร่ แน่นอนว่ากลุ่มพวกนี้ก็จะมีหัวหน้ากลุ่ม มีห้องอัดเสียงของตัวเอง มีการตั้งราคาค่าตัวของตนเองเหมือนเป็นบริษัทย่อม ๆ แต่เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่จะมีการบริหารในเชิงศิลปิน เขาจะมีส่วนกลางของเขาอยู่ เหมือนเป็น Publisher ที่คอยดูสิทธิ์ของแต่ละคน มาตรฐานรายได้ก็จะมีมาตรฐานมากขึ้น พอเป็นศิลปินมักก็จะเหมือนนักแสดงเดี่ยว อย่างมากก็คุยกับผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็จบ แต่ของเราจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้า ถ้าหัวหน้าทีมเอาก็ได้ทั้งทีม ถ้าไม่เอาก็จบ ประเด็นนี้อาจจะไม่สำาคัญเท่ากับกับการสร้างองค์กรของนักพากย์ขึ้นมาจริง ๆ และมีการช่วยเหลือส่งเสริมและให้ความรู้จริง ๆ ซึ่งจริง ๆ มันเป็นกับทุกอย่างนะ ทั้งนักร้อง นักดนตรี นักจัดรายการวิทยุ ให้ราคามันเหมาะสมแล้วสร้างมาตรฐานอาชีพขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ มันจะเป็นระบบการคานอำานาจกับบริษัทต่าง ๆ คือจริง ๆ ทีมพากย์ในแบบปัจจุบันมันไม่สามารถตอบสนองได้หมด แต่มันสามารถตอบสนองกับระบบธุรกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้เท่านั้นเอง” “การเปิดตรงนี้จะช่วยให้ยกมาตรฐานรายได้วิชาชีพให้สูงขึ้นไป อาจจะคิดกันไปเป็นตอน มีวิธีการคิดนู่นนี่นั่น มีวิธีการ Screen Test เพราะสุดท้ายถ้าไม่รวมเป็นสมาคมพากย์จริง ๆ ในแง่ของภาพยนตร์ที่เข้ามา ถ้าเรามองจริงๆ เราจะไม่ได้มองว่านักพากย์จะมองเป็นอาชีพดาราควบคู่ไปด้วย มันทำาคนละหน้าที่ แต่โดยสไตล์ของ Hollywood เวลามีภาพยนตร์เช่น Toys หรือ Finding Nemo ก็จะเอาดารามาพากย์ด้วย บ้านเราก็พยายามอย่างนั้นด้วยเหมือนกับ พอเป็นดาราก็จะไปสู่ผู้จัดการ เป็นระบบ Artist แต่สมมุติที่เป็นหนังรอง ๆ ลงมา ไม่ได้ต้องการดาราเด่นอะไร ก็ต้องคุยเป็นทีม ตอนนี้บ้านเราบริหารเป็นสองระบบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งจะดูได้ทั้งสองระบบ มันก็จะมีความเชื่ยวชาญคนละแบบ มีการต่อรองกันคนละแบบ อย่างน้าติงหรือ

เบนซ์ที่พากย์ทีวีแชมเปี้ยน ก็จะมีความเป็นสตาร์ของเขาอยู่ แต่นั่นหมายความว่าเขาอยู่ในวิชาชีพนั้น ๆ มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว และเขามีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น ผลงานที่โดนเด่นจริง ๆ ด้วยตัวเอง” นอกจากนี้แล้วโชคชัยยังได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการตั้งสมาคมนักพากย์ในประเทศไทย ซึ่งยังไม่เคยมีการจัดตั้งมาก่อนด้วยเหตุที่ส่วนใหญ่งานพากย์จะมีการทำางานในลักษณะ Free-lance เนื่องจากสมัยก่อนมีงานไม่เยอะ น้อยคนที่จะทำางานพากย์เต็มเวลาจริง ๆ และทำาให้เกิดการรวมตัวกันเป็นทีมเพื่อรับงานขึ้นมา แต่เมื่อในปัจจุบันที่กำาลังจะมีนักพากย์รุ่นใหม่ ๆ มากขึ้นจึงน่าที่จะต้องมีขึ้นมา “อาจารย์ที่มาสอนหลายท่านคุยกับผมเรื่องนี้ คือสร้างเด็กเหล่านี้แล้วจะให้ไปทำาอะไร ในมุมเราที่เปิดโรงเรียนตรงนี้ขึ้นมาคือการถ่ายทอดและให้ความรู้ แต่ในอาจารย์ที่สอนก็มองเห็นว่าไม่จำาเป็นต้องเอาความรู้ติดตัวแล้วก็ตายไป ไม่มีใครรู้ มันเป็นเรื่องที่สามารถที่จะทำาเป็นทฤษฏีได้เพราะโลกมันเปิดขึ้นแล้ว คนที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้วไม่ถ่ายทอดมันก็ไม่ครบถ้วนกระบวนการ เพราะการถ่ายทอดทำาให้ตัวเองต้องพัฒนาความเก่งขึ้นไปด้วย เราจะได้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่นี่เก่ง ๆ กันจังเลยนะ เพราะเด็กรุ่นเราไม่ได้มีโอกาสเท่าเขา ก็จะทำาให้ทั้งวงการและจิตใจคนน่ะมันพัฒนาขึ้นไปด้วย”

อาจารย์ที่สอนก็มองเห็นว่าไม่จำาเป็นต้องเอาความรู้ติดตัวแล้วก็ตายไป ไม่มีใครรู้ มันเป็นเรื่องที่สามารถจะ

ทำาเป็นทฤษฎีได้ เพราะโลกมันเปิดขึ้นแล้ว

V.S. Concept 14

Rock band เกมดนตรีจากฝั่งอเมริกาที่ออกมาวาดลวดลายถึง 2 ภาคเมื่อปี 2007-08 ด้วยความแปลกใหม่ที่นำาเสนอความเป็นวง

ดนตรี ที่หาไม่ได้จากเกมอื่นทำาให้ Rock band ทั้ง 2 ภาคเป็นเกมที่แตกต่างจากเกมดนตรีอื่นๆ โดยรวมเอา กีตาร์ กลอง และ ไมค์ ทำาให้ผู้

เล่นได้สัมผัสเหมือนได้เป็นวงดนตรีจริงๆ เพลงทั้งหมดเป็นเพลง rock ตั้งแต่ยุค 60 ไปจนถึงปัจจุบันนอกจากนี้ระบบออนไลน์สามารถให้ผู้

เล่นได้ร่วมวงกันผ่านระบบออนไลน์ รวมไปถึงการดาวน์โหลดเพลงใหม่ๆที่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ล่าสุดซีรี่ย์ Rock band กำาลังจะออกชุด

เสริมอย่าง Classic rock และ the beetle ให้แฟนๆรุ่นเก๋าได้สนุกไปกับบทเพลงคลาสสิคยุคเก่า แฟนๆขาร็อคยุคเก่าไม่ควรพลาด

หากพูดถึงวงการ Music game ปัจจุบันค่ายเกมต่างๆไม่ว่าทั้งเอเชียหรือยุโรป อเมริกา ต่างก็ต่อสู้ขับเคี่ยวกันอย่าง

ดุเดือดเพื่อที่จะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดแต่ใครล่ะที่จะได้เป็นสุดยอดจ้าวแห่งวงการเกมดนตรี คุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน

กับ ศึกประลองจ้าวแห่งเสียงดนตรี

Joys

Guitar hero world tour เป็นภาคแรกที่ซีรี่ย์ Guitar hero ได้เสริมทัพของตัวเองด้วย

การเพิ่มกลองและไมค์เข้ามาในชุดนี้ ระบบของกลองและไมค์มีความละเอียดที่สูงมากทำาให้

สามารถเล่นกับความหนักเบาของเสียงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถสนุกไปกับ

การสร้างตัวละครและอุปกรณ์ของตัวเองได้อีกด้วย เพลงทั้งหมดของเป็นเพลง rock ล้วนๆ

ตั้งแต่ 80-90 classic ไปจนถึงปัจจุบันพร้อมทั้งเพลงออนไลน์ที่เปิดให้ผู้เล่นได้ดาวน์โหลดกัน

นอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้เล่นได้สร้างสรรค์เพลงของตัวเองผ่าน Music Studio เพื่อแจกจ่าย

ให้เพื่อนๆคนอื่นได้เล่นผ่านระบบออนไลน์ของแต่ละเครื่องได้อีกด้วย ปิดท้ายด้วยภาคใหม่ที่

ออกสิ้นเดือนมีนา กับ Guitar hero Metallica ที่รวมเพลงดังๆจากสุดยอด วงร็อคในตำานาน

อย่าง Metallica กว่า 45 เพลงให้แฟนๆได้ไปบรรเลงกันให้สะใจ

Guitar freak & Drummania เป็นเกมดนตรีเกมแรกๆที่

จำาลองเอาเครื่องดนตรีอย่าง กีตาร์และกลอง ออกมาได้อย่าง

เสมือนจริงเพลงในเกมจะเป็นการผสมระหว่าง J rock, J pop,

เพลงสากล, และ remix เอาไว้มากมาย ในเวอร์ชั่น arcade ผู้

เล่นสามารถเก็บสะสมคะแนนของตนเพื่อนำาไปใช้ในการแข่งขัน

วัดความสามารถผ่านระบบ e-AMUSEMENT นอกจากนี้ยัง

สามารถทำาการเชื่อมต่อกับเกม keyboard mania เพื่อเล่น

พร้อมกันทั้ง 3 เครื่องได้อีกด้วย (สามารถเชื่อมต่อกับ key-

board mania ได้เฉพาะบางภาค) แถมท้ายด้วย ภาคใหม่

Guitar freak V6 & Drummania V6 ได้มีการเปิด demo

test ที่โตเกียวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

V.S. Portable 15

Joys

Music Game

Weird Gadget 17

คอลัมน์ที่รวมเรื่องราวในดาวโลก โขกสับสารพัดเทคโนโลยี กับบรรดาสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่รู้ว่าพวกพี่ ๆ เขาเอาไส้ติ่งคิดออกมาได้ไง!!?เรื่อง: ภูภู่

ฉบับแล้วพึ่งเสนอเรื่องเตนท์พี่หมีพูห์ไว้นอนอ้างค้างแรมไปหมาด ๆ ฉบับนี้มาอีกแล้ว...กับเสื้อกันหนาวที่ชาว Backpacker ทั้งหลาย เห็นแล้วนำาลาย

คงหกเป็นลิตร เพราะพกพาสะดวกและที่สำาคัญมันกางเป็นเตนท์ได้ด้วยแหละพรรคพวก!! เสื้อตัวนี้ชื่อว่า “Vessel” ผลงานการสร้างและออกแบบ

ของ Justin Gargasz แต่นอกจากกางเป็นเตนท์แล้วคงยังไม่สะใจพี่แกพอ เลยออกแบบให้ห่อเป็นกระเป๋าได้อีกต่อหนึ่ง!! ...เอ่อคือ ...จะฉลาดไปไหน

ครับพี่ท่าน?

ที่มาพาฉงน... http://tinyurl.com/dx28ye ...นี่ก็รอให้พี่แกทำาออกมาขายอยู่เนี่ย!

ค่ำ�ไหนนอนนั่น ด้วยเสื้อคนพันธุ์เดินท�ง

เคยกันไหม? ที่ต้องนั่งทำางานหน้าคอมนาน ๆ พาลให้เกิดอาการเหนื่อย

ล้าทั้งสายตาและร่างกาย จนปล่อยหัวผงกหน้าลังกาหลังเป็นพัก ๆ

สร้างความหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง เพราะหัวอาจหย่อนคล้อยลอยไป

ฟาดโต๊ะจนหัวแตกกบาลแยกได้ แต่อันตรายนั้นย่อมไม่เกิดขึ้นเมื่อท่าน

ใช้ “ชุดเครื่องนอน หมอนพิทักษ์” ที่จักออกแบบมาสำาหรับคนบ้างาน

โดยเฉพาะ เพราะรูปร่างก็เหมาะกับพวกบ้างานดี เป็นรูปทรงคล้าย

เครื่องแบบซารารีแมนทั่วไป ป้องกันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง

ต่อให้เผลอหลับกลางอากาศก็ยังปลอดภัยหัวไม่ฟาดแป้นพิมพ์

ออกแบบโดยชาวโปแลนด์ นามว่า Maja Ganszyniec : http://ti-

nyurl.com/dmt82w

แต่เราว่าอย่าฝืนเลย ถ้าง่วงก็ไปนอนบนเตียงเถิดจะเกิดผล หรือจะยอม

ทนเสี่ยงทำางานต่อจนเกิดแผล!?

หมอนพิทักษ์ รักษ์คนบ้�ง�น

ข้�วกล่องอวยอุ่น เมื่อคุณเสียบ USB

คนญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นชาติที่สร้างสรรค์อันดับต้น ๆ ของโลก แล้วอย่างที่

เราเคยเห็นกันในการ์ตูน ชาวญี่ปุ่นชอบพกข้าวกล่อง (เบนโต) ไปกินที่

โรงเรียนหรือที่ทำางานมากกว่าซื้อกินตามร้านแบบบ้านเรา ทีนี้บางทีกว่า

จะได้กินข้าวเที่ยง ข้าวกล่องที่พกไปก็เย็นชืดจืดเป็นข้าวเย็นไปเสียแล้ว

แต่ ณ บัดเดี๋ยวนี้ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปเพียงคุณใช้ “กระเป๋าอุ่นข้าว

กล่อง พลังช่อง USB” เพียงท่านต่อกระเป๋าเข้ากับช่องเสียบ USB ของ

คอมพิวเตอร์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! จากข้าวกล่องชวนเบื่อแสนเย็นชืด ก็จะ

กลายเป็นข้าวกล่องอุ่น ๆ เหมือนพึ่งออกจากห้องครัวเลยทีเดียวเชียว!!

สนใจสั่งได้ที่ http://tinyurl.com/5nq2zy ราคาก็ไม่แพงหรอก แค่

1,980 เยน (710 บาท) ว่าแต่...เข้า ‘เวฟ ง่ายกว่าไม๊??

ก็ไม่รู้ว่าจะเอาฮาไปถึงไหนนะเนี่ย?..สำาหรับใครที่นอนตื่นสาย นอนขี้เซา

ควรเอาสิ่งนี้ไปใช้ในห้องนอนท่านด่วน..กับ “Gun O’clock” นาฬิกาปลุก

สำาหรับมือปืนผู้ตื่นตรงเวลา วิธีใช้ง่ายแสนง่ายเพียงแค่ตั้งเวลาปลุกแล้วเข้า

นอน เมื่อถึงเช้านาฬิกาจะเตือนแล้วมีเป้าเล็งยิงเด้งขึ้นมา คล้ายว่ามีตำารวจ

กำาลังบุกเข้ามาเพื่อจับนักฆ่าอย่างคุณ รีบควักปืนใต้หมอนออกมาแล้วยิง

สวนไปโดยพลัน (นึกภาพหนังของจอห์นวูตามด้วย) ถ้าตรงเป้าเผงมันก็จะ

หยุดดังเอง มีทั้งแบบนาฬิกาปลุก และแบบเป็นเกมให้เล่นสนุก ๆ ในตัว

แต่ถ้าบ้านใครมีปืนจริงอย่าไปวางไว้ข้างกันเชียว ...ไม่งั้นสะดุ้งตื่นหยิบผิด

เดี๋ยวจะเสียของ!! สนนราคาที่นักฆ่าอย่างคุณต้องลงทุนจ่ายที่ 4,494 เยน

(1,600 บาท) http://tinyurl.com/5zk5z9

และก็อย่าเอาไปวางไว้ไกลเกินไปด้วย...เพราะเขายังไม่ได้ผลิตรุ่นสไนเปอร์

ออกมาให้ใช้นะเออ

อย�กเป็นมือปืน ต้องตื่นตรงเวล�

จับตะเกียบให้ถูกต้อง ด้วยน้องถั่วเหลืองโมเอะ

ยังคงอยู่กันที่แดนอาทิตย์อุทัย ด้วยนวัตกรรมน่ารัก ๆ สำาหรับ

ชาวต่างชาติ เพราะเป็นที่รู้กันว่าคนญี่ปุ่นใช้ตะเกียบเป็นอุปกรณ์

หลักในการกินอาหาร ซึ่งสำาหรับคนไทยคงใช้ไม่ยาก แต่สำาหรับ

ฝรั่งมังค่าที่ใช้ช้อนส้อมนี่คงถือว่าน่าเศร้า เขาเลยคิดประดิษฐ์

“ชุดเรียนวิธีใช้ตะเกียบสำาหรับชาวต่างชาติ” ขึ้นมาขาย (สรรหา

กันจริงจริ๊ง~) ในชุดประกอบไปด้วยถั่วเหลืองหน้าตาคล้ายลูก

เจี๊ยบมา 4 แบบ วิธีใช้ก็แค่จับพวกถั่วลูกไก่มาเรียงให้ตรงครบสี่

หน้า ที่สำาคัญต้องให้นอนเป็นแนวกันหน้าไม่เบี้ยว!! เหมือนจะ

ลำาบาก แต่ถ้าผ่านไปได้ การจับตะเกียบก็จะง่ายเหมือนพลิก

ฝ่ามือกันเลยทีเดียว... ในราคา 1,995 เยน (715 บาท)

Manga Pickup 19

BONGKOCH VIBULKIJ

SIAM INTER VIBULKIJ

ฮิบิคิ ได้ผ่านพิธีการสืบทอดวิชาปราบมารของตระกูลไซอนจิ ทำาให้

เธอกลายเป็นนักไสยเวทย์ร่างทรงซึ่งใช้เหล่าชิคิกามิ ทั้ง 5 ได้แก่

เซย์ริว เบียคโกะ โคจิน ซูซาคุ เก็นบุ เข้าทรงรวมร่างขจัดเหล่าภูต

อันชั่วร้ายให้หมดสิ้น แถมเธอยังถูกท่านยายสั่งให้หาริคุโตะ หรือ

ก็คือลูกแก้วทั้ง 6 ซึ่งหากรวบรวมได้จะก่อให้เกิดภัยพิบัติ เพื่อเป็น

การพิสูจย์ตัวเองและเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักไสยเวทย์อันดับ

หนึ่งในโลกแห่งวิชาไสยเวทย์ จะต้องหยุดภัยพิบัตินั้นด้วยตนเอง ฮิ

บิคิจึงออกตามหาริคุโตะพร้อมกับคอยจัดการและช่วยเหลือเหล่าภู

ติอื่นๆ ไปพร้อมกัน

‘ฮายาคาวะ ยูมิ’ ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมาตะบิ ซึ่งเป็นโรงเรียนแบบ

กินนอนและยังอนุญาตให้เลี้ยงแมวได้ แต่ทว่าเธอดันหลงทางทำาให้

มาสายตั้งแต่วันแรก จึงโดนผู้ช่วยครูใหญ่ลงโทษให้ไปขัดรูปปันใน

สวนตอนหลังเลิกเรียนพร้อมกับเพื่อนของเธออีกหนึ่งคน หลังจาก

ทั้งคู่ทำาความสะอาดเสร็จฝนก็เทลงมา และตอนนั้นเองก็ได้มีปีศาจ

ตนหนึ่งหมายจะฆ่าพวกเธอ ในขณะที่ถูกไล่ตอนนั้นยูมิ ได้พบกับ

วิญญาณขององค์หญิงแห่งฟุตะคาโกะและแมวของเธอ ทำาให้ยูมิได้

รับพลังเช่นเดียวกับเหล่าสภานักเรียนในการจัดการกับพวกปิศาจ

วันเปิดเทอมพร้อมกับชีวิต ม.6 ของเต้ เริ่มต้นขึ้น เขาเป็นนักเรียน

สายศิลป์ของโรงเรียนวุฒิเวทวิทยา ซึ่งสายวิทย์และสายศิลป์ไม่

ค่อยจะถูกกันแถมยังเป็นคู่แข็งทั้งเรื่องเล่นและเรื่องเรียน ซึ่งในปีนี้

ยังมีครูเข้าใหม่มาอีก 2 คน ได้แก่ อุ๋ม และ โต้ง ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นศิษย์

เก่าสายวิทย์และสายศิลป์ของที่นี่ และดูเหมือนว่าโต้งก็ชอบอุ๋มอยู่

ด้วย เช่นเดียวกัน เต้ก็เหมือนจะแอบปิงนุ่นสาวสายวิทย์ และเมื่อ

เหลือเวลาอยู่แค่ปีเดียวทำาให้เขาพยายามจะญาติดีด้วยแต่ดูเหมือ

นอะไรๆ จะร้ายแรงยิ่งขึ้น

รอยปานสีดำาเริ่มเกิดขึ้นบนตัวของ ‘อาคิสึ คาเอเดะโกะ’ ทำาให้

ยายที่คอยดูแลรู้ว่าคำาสาปของตระกูลเริ่มส่งผลกลับเธอหลังจากที่

ออกเดินทางหาผู้แก้คำาสาปไปทั่วญี่ปุ่น สุดท้ายจึงได้มาเจอกับร้าน

เซย์เรย์ร้านเฉพาะทางด้านคำาสาป เจ้าของร้าน ‘เคน เครเวอร์’

และ ‘โฮริ ฮารุโอะ’ กับแมวดำาพูดได้ชื่อ ‘ม่า’ ลองตรวจสอบตัว

จริงทำาให้รู้ว่าเป็นคำาสาปที่มีร่ายพันธนาการไว้กับภูตที่สถิตอยู่

ในต้นไทร จึงได้ตกลงที่จะผนึกไว้ในศิลาผนึกภูต หลังจากนั้นคา

เอเดะโกะจึงย้ายมาอยู่ที่ร้านเพื่อป้องกันคำาสาบจะอาลวาดอีกครั้ง

และเริ่มเรียนรู้วิธีควบคุมคำาสาปไปพร้อมกัน

Summoner Girlสาวน้อยนักปราบภูตแนว: Action - Comedyระดับผู้อ่าน:ทั่วไป เรื่อง/ภาพ:Hiroshi Kubota

เหมียวคู่ผู้พิทักษ์แนว: Actionระดับผู้อ่าน:ทั่วไป เรื่อง/ภาพ:Yuuji Iwahara

อนึ่ง คิดถึงเป็นอย่างยิ่งแนว: Comedyระดับผู้อ่าน:ทั่วไป เรื่อง/ภาพ:การ์ตูนไทย สตูดิโอ

อาถรรพณ์ร้านหัวมุมแนว: ลึกลับระดับผู้อ่าน:ทั่วไป เรื่อง/ภาพ:Shoko Himada

เรื่อง: ดุลยกฤศวร์ ภาณุเวศย์

Joysmagazineสนใจโฆษณา ติดต่อ 0-2539-7078, 084-082-3342

In school - Summer 21

1. นำาเสนอชมรมแบบเรารู้กันเอง สิ่งหนึ่งที่

เป็นปัญหาในการ

ทำาความเข้าใจแก่

เด็กที่จะมาสมัครใน

ชมรมการ์ตูนของ

แต่ละที่นั้นเกิดจาก

การนำาเสนอของรุ่น

พี่ๆ ที่อยู่ในชมรมที่

มีความคุ้นเคยกับการ์ตูนเป็นอย่างดีก็จะพยายามนำาเสนอการ์ตูน

ทุกๆ อย่าง หรือกิจกรรมที่เห็นว่าตัวเองนั้นชอบ แต่ก็ลืมไปว่ายังมี

สมาชิกใหม่ที่อาจจะเคยรู้จักการ์ตูนจากการอ่านการ์ตูนทั่วไปแล้ว

สนใจจริงๆ โดยที่ยังไม่รู้อะไรตั้งแต่ศัพท์เฉพาะทาง หรือสิ่งต่างๆ ไม่

ว่าจะเป็นโดจิน คอสเพลย์ หรือกระทั่งบอร์ดลับ ป่าลับ สวนดอกไม้

ตุรกี ที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า “วิถีโอตาคุ” จนบางครั้งความแปลกตา

มากเกินไปก็กลายเป็นผลเสียที่ทำาให้ไม่อยากเข้าชมรมเพราะถูก

มองว่าประหลาดได้ และจะทำาให้ทุกคนสงสัยตั้งแต่นักการภารโรง

นักเรียน ยันอาจารย์ว่าตกลงชมรมการ์ตูนนั้นทำาอะไรกันแน่ เพราะ

ฉะนั้นแล้ว พยายามอธิบายและทำากิจกรรมให้คนเข้าใจกันมากที่สุด

เผื่ออย่างน้อยน้อง ๆ ที่อยากจะเข้าฃมรมจะได้มีข้อมูลมากที่สุด

ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเข้าชมรมอย่างสบายใจ

2. อย่าหมกมุ่นจนเกินไป ต้องยอมรับอย่างหนึ่งจากมุมมองของผู้บริโภคว่า การ์ตูนนั้น

เป็นสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งที่มีไว้ผ่อนคลายในเวลาว่าง แต่หากปล่อย

What to be and not to beTo host cartoon club in school (1) ช่วงปิดเทอมนี้ เรามีโอกาสพูดคุยกับน้อง ๆ 4 โรงเรียนจาก รร. เตรียมอุดมศึกษา รร. สามเสนวิทยาลัย

รร. กรุงเทพคริสเตียน และ รร. สตรีมหาพฤฒาราม ที่เคยลงในคอลัมน์ In School เพื่อพูดคุยและร่วมแบ่ง

ประสบการณ์เกี่ยวกับการตั้งชมรมว่าสิ่งใดที่ควรทำาและไม่ควรทำาบ้างในการทำางานภายในชมรมฯ ติดต่อกัน 2

เล่มในฉบับนี้และฉบับหน้าเพื่อเป็นแนวทางสำาหรับใครที่คิดอยากจะตั้งชมรมภายในโรงเรียนแบบฉบับไทยๆ ไม่ว่า

จะเป็นชมรมการ์ตูนหรือชมรมอื่น ๆ ในปีการศึกษาหน้าเหมือนอย่างพวกเขาและเธอบ้าง

ให้ตัวเองนั้นหมกมุ่นอยู่กับ

การ์ตูนไม่ว่าทางหนึ่งทาง

ใด ก็จะทำาให้การ์ตูนกลาย

เป็นสิ่งที่ฉุดดึง ทำาให้ตัว

เองนั้นเสียงานและเสียการ

เรียนไป และหากเรายก

เรื่องการเรียนทิ้งไปก่อน

เพื่อวกมาดูผลกระทบของ

การติดการ์ตูนนั้นที่มีต่อ

ตนเองและชมรม ปัญหา

ที่จะเกิดขึ้นคือการที่ไม่มีงานส่งให้กับทางชมรมฯ ซึ่งโรงเรียนส่วน

ใหญ่นั้น การที่ไม่มีงานของตัวเองส่งให้ชมรมโดยมีสาเหตุร้อยแปด

ซึ่งเหตุผลจริงๆ อาจจะเป็นแค่ติดดูอนิเมชั่น นั่งเล่นเกม หรืออ่าน

การ์ตูนเรื่องโปรดจนลืมทำางานชมรมเพื่อให้ผ่านกิจกรรม อาจจะมี

ผลถึงการไม่ผ่านวิชากิจกรรมในโรงเรียนจนทำาให้ต้องตามมาแก้ไข

และส่งงานกันในช่วงปิดเทอมกันก็มี เพราะฉะนั้นสมาชิกก็จะต้อง

มีความรับผิดชอบต่องานของตนเอง และส่วนรวมด้วย

3. ตั้งชมรมไว้เฮฮาอย่างเดียว การตั้งชมรมแต่ละ

ชมรมขึ้นมานั้นย่อมมีจุด

หมายที่จะร่วมกลุ่มเพื่อทำา

กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง

ขึ้นมาในแต่ละปีตามที่วาง

ไว้ในแผนงาน แต่จะเกิด

อะไรขึ้น ถ้าหากแผนงาน

ทั้งหมดที่จะทำาในปีนั้นที่

ร่างมาอย่างสวยงามตอนช่วงปิดเทอมถูกปาทิ้งไป ด้วยสาเหตุที่ว่า

ฉันอยากจะมานั่งเมาท์การ์ตูนตอนล่าสุด หรือนั่งพูดถึงตัวละครที่

ตัวเองชอบแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการผลิตผลงานอะไรเลย สิ่ง

ที่จะเกิดขึ้นตามมาในโรงเรียนนั้นย่อมไม่พ้นที่จะถูกอาจารย์เพ่ง

เล็งว่าแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ชมรมพวกนี้ทำาอะไรกัน จนข้อสงสัย

เหล่านั้นอาจส่งผลร้ายจนถึงขั้นถูกยุบชมรมเพราะตั้งมาแบบไม่มี

แก่นสารเป็นแน่แท้

ต้องอย่าลืมว่าการตั้งชมรมขึ้นมาในโรงเรียนจะต้องมีสายตา

ของบุคคลภายนอกเข้ามาจับจ้องอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำางาน

ภายในชมรมกันเอง หรือการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมภายในโรงเรียน

เพื่อดูผลสัมฤทธิ์ในการตั้งชมรมว่าเกิดประโยชน์เพียงใดกับนักเรียน

ภายในโรงเรียนอย่างไร สุดท้ายแล้ว ภาพลักษณ์รวมของชมรมจะ

ดีหรือแย่ในสายตาใครต่อใครนั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของสมาชิก

ชมรมทุกคนที่จะสร้างขึ้นมาร่วมกันในปีนั้น ๆ

4. เข้าชมรมผิดวัตถุประสงค์ สมาชิกชมรมหลาย ๆ คน

เฝ้ารอชั่วโมงกิจกรรมในห้องเรียน

เพื่อที่จะได้เจอกันและเตรียมพูด

คุย แลกเปลี่ยนหรือส่งผลงานกัน

แต่กับอีกหลาย ๆ คน และหลาย

ครั้ง คาบชมรมก็ถูกเฝ้ารอที่จะใช้

เป็นสถานที่นอนหลับพักผ่อน มา

นั่งเล่นนอนเล่น ฝากเพื่อนเช็คชื่อ

เพื่อชิ่งหนีกลับบ้าน เดินห้าง หรือ

ไปเตะฟุตบอล และอาจจะงัดเอาการบ้านสารพัดวิชาไม่ว่าจะเป็น

ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ฯลฯ ที่ยังไม่เสร็จมานั่งปั่นหรือ

ลอกกันเพื่อให้เสร็จในคาบชมรมและทันส่งอาจารย์ในวันนั้น โดย

ลืมนึกไปว่า ชมรมก็มีกิจกรรมหรือมีการทำางานในคาบกิจกรรมกับ

เค้าเหมือนกัน

สิ่งที่สำาคัญที่สุดในประเด็นนี้คือการจัดสรรและบริหารเวลา

จริงอยู่ที่ว่างานหรือกิจกรรมภายในชมรมอาจจะดูเป็นสิ่งที่ออกจะ

“หยวนๆ” ให้กันไปได้บ้างระหว่างรุ่นน้อง เพื่อนและรุ่นพี่ที่มีการ

คุมการทำางานกันเอง แต่หากลองนึกให้ดี ๆ แล้ว การสร้างชั้นเรียน

กิจกรรมขึ้นมานั้นก็เพื่อที่จะฝึกสมาชิกชมรมให้ทำางานร่วมกันเป็น

ทีม เรียนรู้และรับผิดชอบงานที่ตัวเองรัก ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทุกคน

ควรทำาตั้งแต่น้องตัวเล็ก ๆ ยันประธาน คือการที่ทุกคนตั้งใจและ

จริงจังในการทำางานของเพื่อให้ชมรมนั้นปรากฏผลงานที่เด่นชัด

และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของชมรม

ผ่านไปเรียบร้อยแล้วในตอนแรกสำาหรับการพูดถึงสิ่งไม่ควรทำาในการตั้งชมรมการ์ตูน ซึ่งสามารถ

นำามาประยุกต์ใช้ได้กับการตั้งชมรมอื่น ๆ ภายในโรงเรียน หรือแม้กระทั่งการทำางานเป็นกลุ่มร่วมกับบุคคล

ต่าง ๆ ในชีวิตประจำาวัน และในเล่มหน้า เราจะมาว่ากันต่อถึงสิ่งใดบ้างที่ควรทำาในการตั้งชมรมการ์ตูนให้

ประสบความสำาเร็จและไปได้ตลอดรอดฝั่ง เฉกเช่นน้อง ๆ ทั้ง 4 โรงเรียนที่สร้างขึ้นมาเรียบร้อย Joys

ภาพประกอบ: ธัญนุช อาชวนิยุต

Joys

Characters 22

หน้าร้อนอย่างนี้นึกถึงทะเลหรือที่ชุ่มชื้นอย่างบึงไว้ให้ไป

เล่นนำาจังเลยค่ะ ทำาให้นึกถึงเจ้ากบตัวนึงจาก San-X ที่มีชื่อเต็มๆ

ว่า Tsugi no hi Kerori (ไม่ใช่เจ้ากบบ๊องอย่าง Keroro นะคะ

55555+) คำาว่า Tsugi no hi แปลว่า วันพรุ่งนี้ค่ะ เจ้ากบตัวนี้แฟน

ประจำาในไทยไม่น้อยเลยจนอยากหยิบมาเล่า ขอเรียกเค้าสั้นๆ ว่าเค

โรริแล้วกันค่ะ

เคโรริถือกำาเนิดครั้งแรกเมื่อปี 2006 ค่ะ ก็เป็นกบธรรมด๊า

ธรรมดา ตาเป็นจุด ๆ มีใบบัวแปะอยู่บนหัวนี่ล่ะค่ะ แต่สิ่งที่เป็นจุด

เด่นที่สุดของเค้าคือการแสดงอารมณ์และความรู้สึกของเค้าในตอนนั้น

เวลาจะสังเกตุอารมณ์ของเคโรริก็จะดูได้ง่าย ๆ จากสีตัวเลย ถ้าเค้า

เศร้าหรือจิตใจรู้สึกหดหู่ ตัวก็จะเป็นสีเขียว และจะมีหนอนสีนำาเงินโผล่

ออกมาคู่กัน แต่ถ้าทิ้งไว้จนวันรุ่งขึ้น เค้าก็จะรู้สึกดีขึ้นจนตัวกลายเป็น

สีขาวเองค่ะ (ถ้าคนเราสังเกตง่ายอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ จะได้เห็น Joys

อารมณ์มาแต่ไกลแล้วช่วยปลอบกันได้ง่าย ๆ หน่อยเนอะ ^ ^) เค

โรริมีเพื่อนน่ารัก ๆ ตัวนึงเป็นลูกอ๊อดตัวเล็กๆ สีทองที่มีชื่อว่าโทชูค่ะ

แล้วเค้าก็อยากโตขึ้นมาเป็นเหมือนเคโรริด้วย

ถ้าจะให้แนะนำาของที่น่าสนใจ นอกจากสมุด ปากกา หนังสือ

เกม ตุ๊กตา หรืออะไรสารพัดสารพันแล้ว ก็ต้องแนะนำาเข้าไปที่เว็บ

ของ Microsoft Japan เลยค่ะ เพราะว่าเค้าจะร่วมมือกับ San-X

ในการหยิบเอา Character ต่าง ๆ มาให้เรา download กันไป

ใช้ฟรี ๆ และแน่นอนค่ะ ลายเคโรริสำาหรับโปรแกรมแชทสุดฮิตใน

ไทย Live Messenger หรือที่เราติดปากว่า MSN ก็มีให้ดาวน์โหลด

กับเค้าด้วย ทั้ง Background แล้วก็ avatar แบบธรรมดาและ Gif

5 ถ้าสนใจก็เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://messenger.live.jp/

emoji/kerori_03/index.htm เลยค่ะ

Now Showing 23

ในชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่ง นอกเหนือจากความรักอันสดใสแล้ว เชื่อว่าพิธีแต่งงานอันงดงามสมบูรณ์แบบตราตรึงคงเป็นหนึ่งในความ

ใฝ่ฝันของเธอคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และสองสาวแก๊งกี๋เพื่อนซี้ ลิฟ กับเอมมา ก็เป็นผู้ที่วาดหวังถึงความฝันดังกล่าว และกำาลังจะเข้าพิธี

แต่งงานเพื่อสานฝันของตนเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

แต่เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้ ถ้างานแต่งของทั้งสอง ไม่ได้จัดในสถานที่เดียวกัน วันเดียวกัน และเชิญผู้ร่วมงานกลุ่มเดียวกัน! เพื่อนรักจึงต้อง

มาหักเหลี่ยมโหดในศึกล่าฝันแห่งงานวันแต่งให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ใน Bride Wars ศึกวิวาห์พาป่วน ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ ที่จำาลอง

สถานการณ์วายป่วงชวนหัวของหญิงสาวผู้ต้องเดินตามความฝันแห่งวันวิวาห์ แต่ต้องขับเคี่ยวกับเพื่อนซี้ที่มีความตั้งใจแบบเดียวกัน ในการ

กำากับของแกรี่ วินิค ที่ฝากผลงานในภาพยนตร์อย่าง 13 going 30 และ Charlotte’s Web มาแล้ว อีกทั้งยังเป็นการโคจรพบกันครั้งแรก

ของเคท ฮัดสัน และแอนน์ แฮทธาเวย์ สองดาราสาวเจ้าเสน่ห์ ในฉากสุดอลังการและชุดแต่งงานแสนสวย

รักใครชอบใครก็ตามไปเชียร์กันได้ กับ Bride Wars เริ่มฉาย 16 เมษายนนี้ Joys

Book Review 25เรื่อง: สุกฤษฎิ์ บูรณสรรค์

ชุดประดานำาและผีเสื้อ (Diving bell and the butterfly)โดย: ฌ็อง-โดมินิค โบบี้ แปล: วัลยา วิวัฒน์ศร สำานักพิมพ์ผีเสื้อ

ในสภาวะการณ์ที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำาวัน

ที่ทุกสิ่งพร้อมสรรพให้กับความ

สะดวกสบายและสุขใจได้ราวกับนิรมิตรหรือบันดาลนั้น อาจจะ

เป็นการยากทีเดียวที่จะนึกจินตนาการไปถึงห้วงเวลาหนึ่งๆ ที่อย่าง

พร้อมจะเดินหน้าจากไปให้กับการสูญเสีย ทุกสิ่งพลันสลายกลาย

เป็นเพียงความว่างเปล่า....

แน่ล่ะ แค่กิจวัตรประจำาวันที่ต้องผจญมันก็ยุ่งเหยิงเกินกว่าจะเจียด

แบ่งให้กับความคิดอันหาแก่นสารมิได้ หรืออย่างมากก็เป็นได้แค่

ความผิวเผินที่เราพอจะระลึกให้ตั้งในความไม่ประมาทพอเบาะๆ

สองสามยก ก่อนจะถูกกลืนหายไปกับความรวดเร็วไม่เป็นส่ำาของ

จังหวะสังคมที่ไถลไปอย่างไม่มีหยุดยั้งกันอีกวาระ

ฌ็อง-โดมินิค-โบบี้ ก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น….

ก็ทำาไมเขาจะต้องไปคิดให้มันยุ่งยาก ด้วยตำาแหน่งบรรณาธิการ

ของนิตยสารแอล เงินทองไหลมาเทมา ครอบครัวที่อบอุ่น (ที่แม้จะ

ระหองระแหงไปบ้างแต่ก็ไม่มากเกินรับไหว) และคนรักนอกสมรส

ที่กำาลังคบหาดูใจกันอยู่ (พร้อมเรื่องปวดหัวกับความสัมพันธ์ระดับ

ชิลๆ) เรียกได้ว่าเขามีทุกอย่างที่ผู้ชายเกือบทั้งโลกปราถนาจะก้าว

ขึ้นไปให้ถึง

มันคงจะไม่มีข้อผิดพลาด.....

ถ้าไม่ใช่ที่ว่าวันหนึ่ง ทุกอย่างมีอันต้องแปรเปลี่ยนเพราะการ

คุกคามจากโรคร้าย….

จนเขาเหลือความสามารถ….แค่ขยิบตาซ้าย เพียงข้างเดียว…..

นี่คือเรื่องราวเกริ่นนำาของ ‘ชุดประดานำาและผีเสื้อ (The Diving

Bell and the Butterfly)’ ที่ถ่ายทอดจากมันสมอง ความคิด และ

ชีวิตจริงของ ฌ็อง-โดมินิค-โบบี้ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร

แอล ผู้ที่ต้องประสบกับปัญหาเส้นเลือดในสมองแตก จนตกอยู่

ในสภาพอัมพาตทั้งตัว (Locked-in Syndrome) จะมีก็แค่เพียง

เปลือกตาซ้ายที่ยังคงขยับได้ดังใจนึก

ภายหลังจากการกลายสภาพจาก ‘มนุษย์’ พูดได้อ่านได้เขียนได้

ของโบบี้ มาเป็น ‘หัวเผือกหัวมัน’ ที่ทอดร่างอยู่กับเตียงนั้น แม้

ความโศกเศร้าและความผิดหวังในชีวิตจะยังคงรุมเร้า แต่เขาก็

ใช่ว่าจะทิ้งจิตวิญญาณของความเป็นนักเขียนของตนเอง และ

ด้วยการช่วยเหลือของนักบำาบัดทางการสื่อสารและโกล๊ด ม็อง

ดิบิล บรรณาธิการสาวอิสระนี้เอง ที่ทำาให้เขาได้ค้นพบวิธีการที่

จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ได้อีกครั้ง โดยเขาใช้วิธีการให้เธออ่าน

‘พยัญชนะ’ ที่ใช้กันบ่อยในภาษาฝรั่งเศส และจะขยิบตาซ้ายถี่ๆ

เมื่อได้ ‘คำา’ ที่คิดไว้ในหัว ร้อยเรียงจนกลายเป็นหนึ่งประโยค ผสม

กันจนได้หนึ่งบท และต่อเนื่องจนกลายเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม!

มันเป็นงานที่โหดหินและใช้ความมุมานะเกินกว่าขอบเขตอย่างถึงที่

สุด

แต่กระบวนการเหล่านั้นเอง ทำาให้ภายในเล่มแต่ละบทแต่ละ

บรรทัด ที่กล่าวถึงถึงกิจวัตรประจำาวันอย่างง่ายๆ ณ โรงพยาบาล

ที่โบบี้พักรักษาตัวอยู่ ตั้งแต่การทำากายภาพบำาบัด เหล่าเพื่อน

ฝูงครอบครัวที่มาเยี่ยมเยียน ถูกร้อยเรียงอย่างสวยงาม และ

ปราศจากซึ่งการตีโพยตีพายฟูมฟายก่นด่ากล่าวโทษโลกและโชค

ชะตาที่ทำาให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ จะมีก็แค่สายตาที่ค่อยๆ มอง

โลกอย่างเข้าใจ อารมณ์ขันอันเหลือเฟือ และความคิดที่หวนคำานึง

ถึงอดีตที่ผันผ่านบ้างตามวิสัย รวมถึงจินตนาการอันล้นเหลือที่ชาย

ผู้นี้มีต่อตนเองและสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวอย่างร้ายกาจ

บางคืนเหล่าตัวอักษรพยัญชนะก็เดินมาเข้าแถวร้องรำาทำาเพลง

อีกคืนหนึ่งเขาได้เข้าเฝ้าควีนอลิซาเบธที่ 1 บางวันที่หิวจนแสบ

ไส้ แต่กินอะไรไม่ได้มากกว่าโยเกิร์ตและนำาผสมมะนาวอย่างละ

ช้อน (เพราะลิ้นขยับไม่ได้) เขาก็แอบดอดเข้าครัวในหัวของตนเอง

คว้ากะหล่ำาปลีดอง หอยนางรม ขนมปังกระเทียมจากตู้เย็น สวม

วิญญาณพ่อครัวหัวป่าก์ทำากับข้าวกินกับสาวสวยได้น่าอร่อยเสียจน

คนอ่านต้องกลืนนำาลายตาม แม้แต่เหล่า ‘นักท่องเที่ยว’ หรือคนไข้

ชั่วคราวที่มาพักรักษาตัวจะพิอักพิอ่วนกับการมาถึงของคนพิการ

สุดลิ่มทิ่มประตูเช่นเขา แต่แทนที่จะน้อยเนื้อต่ำาใจ โบบี้ก็กลับเสียด

เย้ยตลกๆ ในท่าทีทั้งหลายได้อย่างน่ารักมีชั้นเชิง หรืออีกหลายๆ

บทที่ผู้อ่านจะต้องประหลาดใจ ชนิดที่ถ้าไม่รู้เบื้องลึกของผู้เขียนมา

ก่อน ก็คงต้องคิดว่านี่เป็นผลงานของชายเจ้าเสน่ห์ผู้ร่ำารวยอารมณ์

ขันเต็มเปี่ยม และมากด้วยพลังใจเกินร้อยแทนที่จะเป็นชายพิการ

อัมพาตทั้งตัวเป็นแน่

ดูราวกับว่าชีวิตของเขา จะไม่มีข้อพันธนาการใดๆ ของสถานที่

เวลา และสภาวะของร่างกาย โลดแล่นโบยบินอย่างเสรีเท่าที่ใจ

ปราถนา และความพิการกลับกลายเป็นเพียงแค่ ‘ความไม่สะดวก’

อันเล็กน้อย หาได้มีความสำาคัญอันใดไม่

อ่านจนจบก็อดไม่ได้ที่จะย้อนกลับมาดูตัวของเราเอง ในแต่ละวัน

หลายครั้งเราตื่นนอนตอนเช้า ทานข้าว ออกไปเรียนหรือทำางานได้

อย่างซังกะตายไร้จิตวิญญาณ เดินละเมอเพียงเพื่อให้วันหนึ่งๆ พ้น

ผ่านไปอย่างเงียบเหงา ก่อนจะเข้านอนและให้วัฏจักรอันซ้ำาซาก

หมุนกลับมาอีกคำารบ

ไม่ต่างอะไรกับการติดกับอยู่ใน ‘ชุดประดานำา (The Diving Bell)’

เลยสักนิด…..

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข มันช่างเปี่ยม

ล้นความหมายอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถ้าเราจะพิจารณาตระหนัก

ให้ถี่ถ้วน ดังเช่นที่ชายผู้นี้ได้พยายามอย่างสุดความสามารถ และ

ใช้ทุกลมหายใจในทุกโมงยามของตนเองอย่างมีคุณค่าที่สุด โดยมี

หลักฐานสำาคัญคือหนังสือ ‘ชุดประดานำาและผีเสื้อ’ เล่มนี้ที่สำาเร็จ

เป็นรูปร่าง ทำายอดขายได้เกือบ 150,000 ชุดในวันแรกที่วาง

จำาหน่าย ได้รับการแปลใน 20 ภาษาทั่วโลก และได้รับการแปลง

เป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสโดย Julian Schnabel ที่ได้รับคำาชื่นชมใน

ปี 2007 เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพของผลงานชิ้นนี้

แต่น่าเสียดายที่โบบี้ไม่ได้มีโอกาสรับรู้ถึงความสำาเร็จ โรคนิวโมเนีย

ที่แทรกซ้อนเข้ามา พรากชีวิตเขาไปหลังหนังสือวางจำาหน่ายได้

เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น....

“ในจักรวาลนี้มีกุญแจสำาหรับไขชุดประดานำาของผมไหมหนอ มี

รถไฟใต้ดินสักสายซึ่งปราศจากสถานีปลายทางหรือไม่ มีเงินตราค่า

สูงพอจะซื้อเสรีภาพของผมคืนมาบ้างไหม คงต้องไปแสวงหาที่อื่น

ผมไปเดี๋ยวนี้แหละ”

นี่คือหนึ่งในประโยคที่โบบี้ได้กล่าวไว้ในบทท้ายๆ ของหนังสือ และ

ถ้า ‘อิสรภาพ’ จากการเป็นอัมพาตคือสิ่งที่เขามุ่งหมายตั้งใจ ก็เชื่อ

เหลือเกินว่า เขาทำาได้สำาเร็จ ด้วยผลงานสุดท้ายอันทรงพลังที่ได้

หลงเหลือทิ้งไว้ให้แก่เราทุกคน

เพราะพลังใจอันเหลือเฟือ ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้นี้เอง คือสิ่งที่

สำาคัญสำาหรับชีวิตของคนหนึ่งๆ….

“ที่จะสลัดตนเองออกจากชุดประดานำาอันเทอะทะ เพื่อติดปีกให้

หัวใจ โบยบินไปสู่นิรันดร์….”Joys

Lifestyle คลายร้อนง่าย ๆ ได้ในบ้านคุณ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ กับ Joys Magazine ฉบับเดือนเมษายนเล่มนี้ สำาหรับน้อง ๆ หนู ๆ ทุกท่าน

ตอนนี้ก็คงเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นกันอยู่ ส่วนคนทำางานก็คงต้องทำาหน้ามู่สู้ชีวิตกันต่อไป และช่วงนี้หากใครที่มีโอกาส

ได้ไปพักผ่อนก็ต้องรีบเก็บเลเวลให้ไวว่องเข้าไว้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวทะเล หรือเที่ยวคลายร้อนที่ไหนก็ตามแต่ ไม่ว่าจะไปกันเป็น

ครอบครัว หมู่คณะ หรือไปคนเดียวแบบ Backpacker ก็ขอให้สนุกสนานลืมร้อนกันถ้วนหน้านะขอรับ ส่วนคนในเมืองนี่ถ้าไม่

ได้ไปไหนก็คงไปเดินห้างรับแอร์ฟรีกัน แล้วทีนี้ทุกคนก็จะคิดแบบเดียวกันหมด ผลก็คือไปเดินแย่งแอร์กัน จากที่กำาลังเย็นดี ๆ

พอคนเยอะเข้า ๆ ก็ร้อนขึ้นเป็นธรรมดา เพราะอุปสงค์ไม่ตรงกับอุปาทานจนทางห้างอาจจะต้องเสริมแอร์ หรือพัดลมที่ใช้ในวัด

ขนาดยักษ์เข้าไปอีก แถมบางที่ยังมีฉีดละอองนำาเหมือนฟาร์มไก่ด้วย เพื่อช่วยคลายร้อนให้ผู้สัญจรที่เลือกจะไม่ยอมนอนร้อนตับ

แตกอยู่บ้าน (คือร้อนเฉย ๆ อยู่บ้านไม่ชอบ ชอบออกไปร้อนข้างนอก เป็นขั้นตอนการร้อนที่ต้องใช้ความพยายามด้วย) ...ส่วนที่

บ้านใครมีแอร์เราก็ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันเนอะ

ให้ลองนึกภาพวันหยุดสุดสัปดาห์ในกลางเดือนเมษายนดู...ว่าคุณกำาลังนอนแผ่พุงอยู่ในห้อง โดยมีเสียงจักจั่นร้องเรไรอยู่

ข้างนอกเป็นเสียงประกอบเหมือนในการ์ตูนสุดสยองซักเรื่อง แล้วไอ้ครั้นจะออกไปข้างนอกนั้นแดดมันก็ร้อนเปรี้ยง ๆ จนเสี่ยง

จะได้สุกเป็นหมูกระทะ ขี้เกียจก็ขี้เกียจ ร้อนก็ร้อน...ผมแนะนำาให้ลองดับร้อนด้วยวิธีพวกนี้ดูอาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย

Joys

The Phuphu 27

ดูหนังเย็น ๆ ไม่ใช่ให้เอาหนังไปแช่ตู้เย็นแล้วหยิบมาออกใส่เครื่องดู (มุกนี้ไม่ฮาแล้วยังเพื่อนเครียดได้อีก) หนังเย็น ๆ ที่ว่ามีคำาจำากัด

ความคือ “ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหา ฉาก หรืออารมณ์ที่เย็น ๆ” ซึ่งที่แน่ ๆ ไม่ได้หมายหนังเรื่อง Volcano (ปะทุนรก ล้างปฐพี) หรือ

Dante’s Peak (ธรณีไฟนรกถล่มโลก) เป็นแน่แท้ หนังพวกนี้หยิบออกมาดูก็จะมีแต่ลาวาไหล ควันไฟปะทุ ภูเขาไฟระเบิด เรียกว่า

ถ้าหยิบเอามาดูช่วงนี้แล้ว อาจธาตุไฟอาจเข้าแทรกจนลมปราณแตกซ่านออกทางทวารทั้ง 5 เอาได้ง่าย ๆ แต่หนังเย็น ๆ ที่ว่าผมยก

ตัวอย่างเช่น The Day After Tomorrow (วิกฤติวันสิ้นโลก) ที่บอกได้เลยว่าใครที่เคยดูเรื่องนี้ในโรงมาก่อน จะรู้สึกว่าแอร์มันเย็น

กว่าปกติถึง 30% เพราะครึ่งเรื่องหลังมีแต่หิมะถล่ม พายุนำาแข็ง และสารพัดหายนะที่จะให้อารมณ์เย็นถึงใจเหมือนเป็นไข้จับสั่น

นอนเปิดแอร์ติดกันมาสามวันสามคืน และนอกจากดูจน “หนาว” แล้วยังได้ความรู้เรื่องธรรมชาติโลกอีกต่อหนึ่ง คือได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

ดูแล้วได้เย็นและได้ความรู้อีกด้วย ดังนั้นหนังเย็น ๆ คือหนังที่มีบรรยากาศเย็น ๆ เช่นมีฉากหิมะ ฉากนำาตก ธรรมชาติสวยงามร่มรื่น

และไม่ต้องจำากัดแนวก็ได้ เช่นอาจจะเป็นหนังที่ไล่ยิงกันหูดับตับไหม้ในขั้วโลกเหนือ หรือระเบิดภูเขาเผาบ้านนำาแข็งของชาวเอสกิโม

ก็ได้ (...แล้วมันจะมีเรอะ!!?)

เสพสื่อเย็น ๆ บอกลาข่าวบ้านการเมืองหรือรายการที่ถกเรื่องเครียด ๆ ไปได้เลย ใครที่ชอบเปิดโทรทัศน์ดูอะไรพวกนี้ ระยะนี้ไม่แนะนำา

ให้ติดตามเลย เพราะปกติกายก็ร้อนอยู่แล้ว ยังหาเรื่องให้ใจมันร้อนเพิ่มอีกทำาไมไม่ลองหาเรื่องเบา ๆ เย็น ๆ ดูบ้าง เช่นตื่นมาตี

5 วันอาทิตย์คุณจะกับเจอรายการธรรมะเช้านี้ ดูแล้วเย็น...เย็น ...เย็นจนเผลอหลับต่ออีกรอบก็มี ถ้าใครตื่นเช้าไม่ไหว ดูรายการ

การ์ตูนก็ได้ คุณจะรู้สึกเย็นกับความฝันในวัยเด็ก...เย็นไปเรื่อย ๆ จนไปเจอฉากเซนเซอร์ตูดซูเนโอะหรือฉากชิสุกะอาบนำา โดยนำา

มือของคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละถึงจะเริ่มเย็นไม่ออก ก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอะไรมากรึเปล่านะ คือเห็นฉากพวกนี้แล้วมันกระทบ

กระเทือนจิตใจพี่แกหรือไง? เช่นชิสุกะอาบนำามันจะทำาให้เกิดค่านิยมใช้นำาสิ้นเปลืองใช่หรือไม่!? ...อ้าวเริ่มบ่นซะแล้ว เย็นไว้ก่อนภู...

เย็นไว้ (ยอๆๆๆ) ก็เลยขอสรุปว่าเปิดหาอะไรเย็น ๆ ดูดีกว่า พวกเปิดมาแล้วเถียงกันจะเป็นจะตายให้ได้อะไรนี่ ทันตแพทย์ชั้นนำา(?)

ต่างก็แนะนำาให้งดดูไปก่อน เพราะดูแล้วเส้นเลือดในสมองจะแตกเอาได้ ร้อนกายก็พอแล้ว ไม่แคล้วอย่าหาเรื่องให้ต้องร้อนใจเพิ่ม

เข้าใส่อีกเลย ว่าแต่มันจะเซนเซอร์ทำาไมล่ะเนี่ย!? (ยัง..ยังไม่จบ)

กินอะไรเย็น ๆ วิธีนี้ชัดเจนครับ...แค่หาอะไรเย็น ๆ กินก็ช่วยคลายร้อนได้แล้ว พวกหม้อไฟปลาไหลนรก หรือก๋วยเตี๋ยวนำาตกอเวจี

อะไรพวกนี้ควรงดบริโภคชั่วคราว เดี๋ยวจะเผ็ดร้อนจนเสียเหงื่อตาย สปอนเซอร์สิบขวดก็ช่วยไม่ได้นะขอเตือน ดังนั้นควรหาอะไร

ที่มันสร้างสรรค์ เป็นอาหารธาตุนำาหรือลม ที่กินแล้วมันรู้สึกรื่นรมสมฤดีมีความสุข ความสบาย ผ่องแผ้วทั้งกาย วาจา ใจ และ

เครื่องในทั้งหมด (รู้สึกเหมือนพระเทศน์เข้าไปทุกที) เช่น ไอติม!! ใช่ ไอติมคือของหวานดับร้อนที่ได้รับความนิยมในสามโลก เลีย

มันเข้าไป อมแล้วดูด ดูดแล้วอม ตกพื้นแล้วเอามาอมต่อ ดูดซับความเย็นกันตั้งแต่ปลายจรดโคน (แต่อย่าเผลอกลืนไม้เข้าไปนะ)

หรือของหวานไทย ๆ ก็ช่วยท่านได้ เช่นนำาแข็งใส ข้าวเหนียวมะม่วง อะไรพวกนี้ก็ดี แต่อย่ากินมากนะ ผมเคยท้องเสียเพราะกิน

เกินระดับที่สมาพันธ์ของหวานหน้าร้อนแห่งสหประชาชาติเตือนไว้ เรียกว่าถ่ายท้องจนเป็นไข้กันเลยทีเดียว กินก็กินแต่พอดี ให้

ระดับอุณหภูมิในร่างกายมันเย็นกำาลังดีก็พอ ไม่ใช่กินเป็นท่อสูบนำาข้ามบึงบอระเพ็ด เพราะนอกจากจะไม่ดีสุขภาพแล้ว ยังอาจ

ทำาให้เกิดโรคอ้วนอีกด้วย! เรียกว่าทีนี้ได้งานเข้าซวยทั้งขึ้น ทั้งล่อง...

อาบนำาเย็น ๆ อาบนำาไง...อาบนำาช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้มากมายทีเดียว สังเกตได้จากชิสุกะ ที่เธอเป็นคนใจเย็น ไม่เป็นคนขี้

วีน เพราะชิสุกะอาบนำาทุกวัน วันละหลายเวลา (ก็เข้าใจแถไปได้นะเนี่ย!) จนบางครั้งยังสงสัยว่าเธอผีสิงอ่างแบบซาดาโกะสิงบ่

อรึเปล่า? การอาบนำานอกจากจะช่วยให้เย็นใจ เย็นกายแล้ว ร่างกายยังสะอาด แต่อาจมีค่านำาเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ก็อาบนำาแบบ

พอดีสิ ไม่ใช่แบบว่าร้อนก็อาบ เพราะอาบแบบนั้น อาบปุ๊ปออกห้องนำามาได้อาบต่อแน่นอน! เพราะแค่ออกห้องนำามาก็เหงื่อออก

แล้ว อาบวันละ 2-3 เวลากำาลังดี ไม่ต้องถึงขนาดอาบทำาสถิติโลกลง Ripley’s Believe It or Not! ก็ได้ เดี๋ยวนอกจากจะไม่

สบายแล้ว ยังอาจเป็นโรคผิวหนัง คันในร่มผ้า กลากเกลื้อน เชื้อราบนหนังศีรษะ ใช้ครีมโทนาฟฟฟฟ!! (ยกของเขามาโฆษณาทั้ง

ดุ้นได้อีก บก.ติดต่อมาขอเป็นสปอนเซอร์ให้ Joys โลด!) แล้วเวลาอาบนำานี่อย่าทะลึ่งอาบนำาอุ่นล่ะ ร้อนจะตายยังมาอาบนำาอุ่น

ถ้าที่บ้านมีอ่างนะ อาบนำาอุ่นแล้วเอาคนอร์ซุปไก่โยนตามลงไปซัก 2-3 ก้อน ทำาเป็นซุปคนได้เลย คือมีที่ไหนมีใครเขาอาบนำาอุ่น

หน้าร้อนกัน?

นอนแบบเย็น ๆ บางคนแค่พัดลมตัวเดียวอาจยังไม่พอ เพราะเวลานอนมันร้อนมาก นอนไม่หลับ ตับมีปัญหา แขนขาเหงื่อซก ก็ต้อง

เปลี่ยนท่านอน (หรือบางทีก็ที่นอน) อย่างผม ๆ พิสูจน์แล้วว่าวันไหนร้อนจัด ๆ การนอนบนเตียงไม่ต่างอะไรกับการนอนบน

กระทะเลยทีเดียว เพราะความร้อนจากแผ่นหลังมันสะสมอยู่ข้างล่าง กรุณานึกถึงปลาทอด คือข้างล่างมันจะร้อนจนสุก ก็ต้อง

พลิกไปพลิกมา คืน ๆ หนึ่งถ้าตั้งกล้องอัดภาพไว้คงได้ท่านอนซัก 124 ท่า กับเกลียวลังกาหลังแถมอีก 3 รอบ ซึ่งวิธีแก้ของผมคือ

ลงไปนอนกับพื้น (มีใครกล้าทำาบ้างเนี่ย) เรียกว่าสูงสุดคืนสู่สามัญกันเลยทีเดียว ขอหมอนอันเดียวลงไปนอนได้เลย แค่สกปรกไม่

พอต้องใจรักด้วยนะงานนี้ และท่านอนก็เป็นส่วนสำาคัญเช่นกัน การนอนในท่างอคุดคู้กอดหมอนข้าง ไม่ต่างอะไรกับไส้กรอกย่าง

พร้อมวางข้าง ๆ ขนมปังในเซเว่นฯ การนอนที่ดีในหน้าร้อนคือต้อง “อล่างฉ่าง” ไม่เว้นทั้งชายและหญิง การนอนแบบอล่างฉ่าง

จะช่วยเพิ่มการกระจายตัวของอุณหภูมิในร่างกายได้ ไม่ให้กระจุกอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งจนเกิดการ Overheat จนนำามาซึ่งการเสีย

เหงื่อ แล้วเตียงใครที่มีผ้านวมหนา ๆ กับตุ๊กตุ่นตุ๊กตาอยู่เต็มเตียง แนะนำาว่าให้เอาออกเสีย เพราะความคิขุบนหัวเตียงย่อมไม่ได้

ช่วยให้หายทรมานจากความร้อนแน่นอนครับ...

Pause / วางจอยเรื่อง: ดิว Galaxy Gamerรุ่งกิจ ทศานนท์ กาแล็คซี่เกมเมอร์คนแรกที่เป็นที่รู้จักจากการเล่นเกม Shooting บนตู้อาเขตด้วยลีลาที่แสนหวือหวา

เกมในตำานานฐานะไฟต์ติ้งรูป

แบบแทคทีม 3 ต่อ 3 ผลัดกันเข้า

ต่อสู้บนสังเวียน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำาซีรี่ย์นี้ อีกครั้งที่ทาง SNK

Playmore ได้กลับมากู้ศักดิ์ศรีเกมต่อสู้ที่ยืนหยัดมายาวนานถึง 15

ปีแห่งศึก King of Fighter (KOF)

ประวัติของเกม KOF นี้มาจากค่าย SNK (ปัจุจบันคือ SNK

Playmore) ได้แนวคิดจากการรวบรวมตัวละครจากเกมไฟต์ติ้ง 2 เกม

ที่ดังแห่งเครื่อง Neogeo สมัยนั้นคือ Fatal Fury (เทอรี่, แอนดี้, โจ

และนินจาสุดอึ๋ม ไม) กับเกม Art of Fighting (เรียว โรเบิร์ด กับ ยูริ)

พร้อมกับการสร้างตัวละครเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อจัดเป็นทีมขึ้นมาแบบ 3

ต่อ 3 อย่างทีมไซโคโซลเยอร์ที่ทุกภาคยังคงไว้ซึ่ง 3 คนนี้เดิมได้แก่ อา

เทน่า เคนชู และผู้เฒ่าจิน หรือทีมอิคาริที่มีสองหน่วยทหารเดนตาย

อย่างไอ้หมัดดินระเบิด ราฟ กับจอมทุ่มภูผาเหล็ก คล้าก และหัวหน้า

ทีม เลโอน่า ที่แม้ว่าลูกสาวจะมาแทนพ่อสุดโหดอย่างไฮเดรนที่ว่าแขวน

ถุงมือไปแล้ว ก็ยังไม่วายกลับมาร่วมกันเป็นทีมรุ่นพ่อในปี 98 โดยแทค

กับ ไซเชียว คุซานางิ พ่อของพระเอกซี่รีย์นี้ เคียว และทาคุม่า ซานา

ซากิ ตำานาน Mr.karate พ่อของเรียวกับยูริ และยังมีตัวละครอื่นๆ ที่

มีเอกลักษณ์มากมาย ทั้งหมดกลายเป็นเสน่ห์เอกลักษณ์การต่อสู้ฉบับ

ทีมขึ้นมา

โดยส่วนตัวแล้วถ้าให้เปรียบเทียบรู้สึกเหมือนกับ SF4 (Street

Fighter 4) ที่เอาของเก่าที่มีอยู่มาปันขึ้นรูปเสียใหม่ก็ไม่ปาน แต่จุดที่

แตกต่างคือ KOF XII ยังคงใช้กราฟฟิกแบบ Sprites ซึ่งเป็นการทำาแอนิ

เมชั่น2Dลงในเกมดั่งเมื่อก่อนแต่ปรับให้ดูมีมิติที่นุ่มนวล ขณะที่ SF4 นั้น

ใช้กราฟฟิกแบบ 3D Cellshade (ทำา 3D ลบเหลี่ยมให้รายละเอียดดู

นุ่มนวลที่สุด) ทำาให้ภาพลักษณ์ดูมีความแตกต่างกันมาก

แน่นอนว่าระบบที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้จะเน้นการฝึกให้ผู้เล่นได้จับ

จังหวะฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นอย่าง Critical Counter ที่เป็นการเพิ่ม

จังหวะการใส่ท่าไม้ตายได้อย่างต่อเนื่อง วิธีการคือเมื่อเห็นวงกลมสีเขียว

ขึ้นมาในชั่วเสี้ยววินาทีที่ใช้ท่าอยู่นั้น หากกดท่าไม้ตายติดก็จะจู่โจมได้

อย่างต่อเนื่อง หรือจะปิดเกมด้วยท่าไม้ตายสุดยอดเพื่อเผด็จศึกเลยก็ได้

Clash เกิดแรงจังหวะการปะทะขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างใส่ท่าลงจังหวะ

พร้อมกัน จะทำาให้เกิดประกายไฟสีแดงและหน้าจอเกิดค้างไว้เสี้ยว

วินาที ซึ่งผู้เล่นสามารถกระโดดสไลด์ถอยหลังเพื่อตั้งหลักใหม่ หรือหาก

ไม่ทำาอะไรเลยทั้งสองฝ่ายจะกระเด็นออกห่างจากจุดที่เกิดจังหวะการ

ปะทะกันเท่านั้น ซึ่งตรงนี้จะทำาให้เพิ่มความเร้าใจในการแข่งขันมากขึ้น

เพราะผู้ชมจะเฮโลเมื่อเห็นลงจังหวะแบบหมัดต่อหมัด เท้าต่อเท้า หรือ

จะเอาเท้าต่อหมัด และเอาหัวกับเท้าก็ได้ ยังไงก็อย่าไปพะบู๊ต่อย Clash

กันนอกตู้ล่ะกันนะขอรับ สุดท้ายระบบ Guard Attack ที่เหมาะสำาหรับ

คนใจเย็น เป็นการตั้งการ์ดแล้วรอจังหวะสวนกลับทันทีที่ฝ่ายตรงข้าม

จู่โจมเข้ามา

โดยรวมแล้วภาคนี้ก็เหมือนกับ การเกิดใหม่ ดั่งคำาแสลงที่ตัวเกม

บอก ( Re-Birth ) คือจะเน้นระบบการออกท่าขั้นพื้นฐาน ไม่ซับซ้อน

แต่ขึ้นอยู่กับการจับจังหวะของผู้เล่นเองที่จะสวนโจมตีกลับ(Counter

Attack) โดยรวมเหมือนกลับไปยุคสไตส์ต่อสู้แบบ 3 ต่อ 3 ดั่งเช่นภาค

ก่อน ขณะเดียวกันก็เป็นการซาวเสียงให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่อยากจะเข้ามา

สัมผัสด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าศึกครั้งนี้เหล่าสาวก KOF ทั้งหลาย

คงได้กลับมาลุกฮือจับแทคทีมฟืนชีพอีกครา ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นได้มีการตั้ง

Location Test (ทดสอบตลาดแล้ว) ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานบ้านเราคงจะ

ได้นำาเข้ามาให้ยลโฉมกัน

In the name of ‘KOF’ will be Re-Birth…

Joys

Joysmagazineสนใจโฆษณา ติดต่อ 0-2539-7078 084-082-3342

Joysmagazine

สนใจโฆษณา

ติดต่อ 0-2539-7078

084-082-3342

Joysmagazine

สนใจโฆษณา

ติดต่อ 0-2539-7078

084-082-3342

EVENT SCHUDULE 4/2009J-Trends in town4

ลานหน้าโตคิว มาบุญครอง ชั้น 1 ค่าเข้างาน: ฟรี

กาดการ์ตูนเชียงใหม่ # 5 : ปูสาดกาดโด5ชั้น 3 พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ค่าเข้างาน: ฟรี Website: cmcartoon.exteen.com

MANGA MARCHE # 2 : EVOL. WIND5ชั้น 3 Union Mallค่าเข้างาน: ฟรี Website: www.lunchbox.in.th/m-marche

COMIC PARTY # 1625GA Zone เซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะค่าเข้างาน: ฟรี Website: www.negibose.co.th

COMICON ROAD # 426ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 11 อาคารรวมจิตเพียรธรรม โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ค่าเข้างาน: 50 บาท Website: comiconroad.exteen.com

แจ้งข่าวสาร Event ต่างๆ ได้ที่ [email protected]

Joysmagazine

26

Enjoys Life 32

PHANTAMIT TEAMให้เสียงภาษาไทยโดย “พันธมิตร” เป็นวลีที่เราคุ้นเคยกันดีเมื่อเริ่มต้นดูภาพยนตร์ที่พากย์เป็นภาษาไทย ทีมพากย์พันธมิตรก่อตั้งโดย “โต๊ะ – ปริภัณฑ์ วัชรานนท์” ผู้ให้เสียงโจวซิงฉือที่เรารู้จักกันดีเมื่อปี พ.ศ. 2535 โดยเริ่มต้นจากการรวมตัวกันจากนักพากย์สังกัดต่าง ๆ 5-6 คน ซึ่งพากย์หนังและละครต่าง ๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชียไม่ว่าจะเป็นหนังจีน เกาหลี ญี่ปุ่นมาโดยตลอดจนผู้ชมสามารถจดจำาเสียงของพวกเขาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเราแทบจะไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาเลยก็ตาม

ปริภัณฑ์ วัชรานนท ์- สุขที่สุดก็คือการได้พากย์หนังเนี่ยแหละ ตั้งแต่เล็กๆมาแล้วที่อยู่หาดใหญ่ก็เป็นคนชอบดูหนัง เน้นดูที่นัก

พากย์เป็นคู่ ๆ เราก็จะได้มีความสุขที่ดู ก็เลยอยากจะเป็นนักพากย์ พอได้เป็นก็ได้มีโอกาสเยอะแยะที่ได้พัฒนาฝึกฝน แรกๆที่การ

มาพากย์เป็นทีมก็จะไปนั่งเกร็ง นั่งจับผิดตัวเอง ยังมีเครียดอยู่ ตอนแรก ๆ โอกาสแก้ตัวยังมีน้อย เดี๋ยวห้องแลปจะมาว่า แต่เดี๋ยวนี้

เราจะใช้เวลาคืนนึง วันนึงก็ได้ไม่มีใครว่า ชั่วโมงแรกๆ สุขที่ได้ทำา แต่ชั่วโมงนี้สุขที่ทำาได้ Joys

อรนุช ลาดพันนา - เวลาที่เราทำางานพากย์จะมีความรู้สึกสุขที่สุดตอนที่เรารู้สึกตอนเวลาคิดคำา

พูด ถ่ายทอดมันออกไปแล้วรู้สึกว่าใช่ คือทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดเวลาที่เราถ่ายทอด เวลาที่คน

สนุกก็รู้สึกสนุกด้วยกันหมด เวลาเศร้าก็รู้สึกเศร้ากันหมด คือมันอยู่ตรงนั้น มันไม่ไปไหน

สุรพร ใจรัก - ไปเที่ยว ! ไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไปเพราะว่าผ่อนคลาย สนุก เราชอบไปเที่ยวทุก

แบบเลย ไปเที่ยวทะเล ภูเขา ไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ๆ ชอบไปเจอคนเยอะ ๆ สนุก เพราะ

หลงเสน่ห์ความสุขกับเพื่อน ๆ

ธานน จำาเนียรแพทย์ - อาหารญี่ปุ่นครับ

เพราะรสชาติดี ชอบปลาดิบมาก เพราะปลาสุก

มันไม่อร่อย แล้วก็บะหมี่เย็น เวลาผมรู้ตัวว่าไม่

สบาย ผมจะชอบไปกินบะหมี่เย็น คือมันช่วยได้

จริงๆ นะ เวลากินแล้วแบบมันโล่ง มันหายไป

ชอบความจัดของวาซาบิ ชอบแต่ละเมนูของมัน