Upload
others
View
3
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ส าหรับสัตว์เลี้ยง(Applications of pets products)
Sarawan Kaewmongkol, M.Sc., PhD.
Faculty of Veterinary Technology Kasetsart University
Lovely Pets (01600132)
7-8 July 2016
หัวข้อในการบรรบาย ( Outlines )
• การดูแลสัตว์เลี้ยงขั้นพื้นฐาน
• การฝึกสัตว์เลี้ยง
• การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ส าหรับสัตว์เลี้ยง
• อาหารและสารอาหารส าหรับสัตว์เลี้ยง
• การดูแลอาบน้ า ตัดขน ให้กับสัตว์เลี้ยง
• ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ส าหรับสัตว์เลี้ยง
การดูแลสัตว์เลี้ยงขั้นพื้นฐาน (Basic pets caring)
• สัตว์เลี้ยงต้องการการดูแลเอาใจใส่ ทั้งอาหารการกิน การท าความสะอาด การฝึกหัดให้ท าตามที่เจ้าของสั่ง
• รวมถึงต้องการการป้องกันโรค โดยการท าวัคซีน ซึ่งเป็นวธิีที่ดีกว่าถ้าเจ็บป่วยแล้วต้องน าไปรักษาดูแล และยังเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาหรือแก้ไขเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
ค าถามก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงสัตว์
• ท าไมคุณถึงต้องการเลี้ยงสัตว์ ???
• คุณมีเวลาเหลือเพียงพอที่จะเลี้ยงสัตว์หรือไม่ ???
• คุณมีพื้นที่เพียงพอในการเลี้ยงสัตว์หรือไม่ ???
• และค าถามท่ีหลีกเลี้ยงไม่ได้เลยคือถ้าคุณตายกอ่นสัตว์เลี้ยงคุณแล้วใครจะดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณต่อไป ????
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ส าหรับสัตว์เลี้ยง
• อาหาร และภาชนะใส่อาหารและน้ า
• แชมพูอาบน้ า
• แปรงสีฟันและยาสีฟัน อุปกรณ์ช่วยท าความสะอาบช่องปาก
• เบาะรองนอน รถเข็น และคอก
• ของเล่น และอื่นๆ เป็นต้น
• การได้รับโภชนาการที่ดี ได้รับอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และสมดุลเป็นสิ่งส าคัญพื้นฐานที่ควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด
• สุนัขมีความอยากและความชอบอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีประสาทรับรู้รสชาติได้น้อย แต่ก็มีความสามารถกินอาหารได้หลายชนิด
• สุนัขแต่ละตัวต้องการอาหารแตกต่างกัน ขึ้นกับอายุของสุนัขและการใช้พลังงาน
อาหารและสารอาหารสัตว์เลี้ยง
o การให้อาหารไม่ควรให้อาหารซ้ าๆกันบ่อยๆ เพราะอาจจะท าให้สัตว์เลี้ยงได้สารอาหารไม่ครบถ้วน
o สุนัขต้องได้รับอาหารที่มีสารอาหารที่ครบถ้วน ดังนี้
» คาร์โบไฮเดรต
» โปรตีน
» วิตามิน
» ไขมัน
» แร่ธาตุ
» น้ า
สารอาหารที่จ าเป็นส าหรับสัตว์เลี้ยง
o อาหารส าเร็จรูปควรเลือกใช้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ และได้มาตราฐาน
o จัดน้ าสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา
o ห้ามให้อาหารเสียและหมดอายุแก่สัตว์เลี้ยง
o ห้ามใช้อาหารแมวมาให้สุนัขกิน เพราะมีโปรตีนสูงเกินไป
o ควรแยกภาชนะในการให้อาหาร กรณีมีสัตว์เลี้ยงหลายตัว
o อื่น ๆ เช่น - อาหารแห้งควรทิ้งวันต่อวัน
- อาหารที่มีน้ า ไม่ควรเก็บไว้มื้อต่อไป
- การแทะกระดูก ช่วยบริหารเหงือกและขากรรไกร แต่อาจท าให้ฟันสึก และเป็นแผลในช่องปาก
- ห้ามให้กระดูกที่เปราะแก่สุนัข เช่น กระดูกไก่
ค าแนะน าในการเลือกอาหารให้สตัว์เลี้ยง
• อาหารแห้ง หรือ อาหารเม็ด ( Commercial dry food )
• อาหารกระป๋อง หรือ อาหารเปียก ( Canned or moist food )
• อาหารกึ่งเปียก ( Semi dry food )
• อาหารปรุงเอง ( Home-prepared diet )
อาหารและสารอาหารในสัตว์เลี้ยง
• อาหารแห้ง
: แคลอรีสูงกว่าอาหารกระป๋อง 4 เท่า บางชนิดต้องเติมน้ าเพื่อให้นุ่มก่อนที่สัตว์เลี้ยงจะกิน
• อาหารกระป๋อง
: เป็นชิ้น, เป็นชิ้นในน้ าเกรวี, แบบบดท าจากเนื้อสัตว์ โปรตีนสูง ควรผสมกับอาหารอื่น ใหไ้ด้สารอาหารครบถ้วน
• อาหารกึ่งนุ่ม
: แคลอรีสูงกว่าอาหารกระป๋อง 3 เท่า
คาร์โบไฮเดรตสูง => ระวังในสุนัขที่เป็นเบาหวาน
อาหารส าเร็จรูป
• มีสารอาหารและพลังงานตามความเหมาะสมของสุนัขในสภาพต่าง ๆ ได้ เช่น อาหารแคลอรีต่ า, อาหารสุนัขเด็ก, อาหารสุนัขโตเต็มวัย, อาหารสุนัขชรา, อาหารสุนัขเบาหวาน
• สะดวก
• มีกลิ่นน้อย
• ย่อยง่าย =>> อุจจาระน้อย & ท าความสะอาดง่าย
อาหารส าเร็จรูป
o ของกินเล่น :
ไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ดังนั้นควรค านวณแคลอรีจากขนมด้วย
o ของขบเคี้ยว :
ช่วยบริหารเหงือกและฟัน แคลอรีต่ ามาก ช่วยป้องกันสุนัขที่ชอบกัดท าลาย
อาหารส าเร็จรูป
• สุนัขไม่ใช่สัตว์กินเนื้อเพียงอย่างเดียว
• การให้อาหารสด ต้องแน่ใจว่าสุนัขจะได้รับสารอาหารครบถ้วนและสมดุลตามความต้องการของร่างกาย
• อาหารจึงควรประกอบไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์และพืช รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต
อาหารปรุงสด
• อาหารสดที่นิยมให้สุนัข
o เนื้อบด : ไขมันค่อนข้างสูง แต่ผลเสียของไขมันต่อสุนัขน้อยกว่าคน
o เนื้อไก่ : ย่อยง่าย มีแคลอรีต่ ากว่าเน้ือสัตว์ชนิดอ่ืน
o ตับ : มีฟอสฟอรัสสูงแต่แคลเซียมต่ า มี Vit. A และ B1 สูง
o หัวใจ : ไขมันสูง มีแคลอรีมากกว่าเคร่ืองในอื่น ๆ
o ข้าว : แหล่งคาร์โบไฮเดรต ย่อยง่าย
o ผักสดและผลไม้ : แหล่งวิตามิน
อาหารปรุงสด
• สุนัขบางตัวจะคิดถึงแต่เรื่องกิน กินได้ตลอด โดยเฉพาะสุนัขที่เบื่อหน่ายต่อกิจวัตรประจ าวัน ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเคลื่อนที่ นอนอย่างเดียว
• การให้อาหารทุกครั้งที่สุนัขขอจะเป็นการสร้างพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม และท าให้เกิดโรคอ้วนได้
• สุนัขที่เงียบขรึม หรือ ท าหมันแล้ว จะท ากิจกรรมลดลง ดังนั้นจึงต้องการอาหารที่มีแคลอรีต่ า
• ดังนั้นสุนัขอ้วน =>> เพิ่มการออกก าลังกาย
=>> กินอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ า
โรคอ้วนในสัตว์เลี้ยง
1. กระดูกไก่ ปลาทั้งก้าง :กระดูกไก่ ก้างปลา อาจแตกหักระหว่างเคี้ยวสร้างมุมแหลม ซึ่งอาจทิ่มแทง
ผนังของระบบทางเดินอาหารของสุนัขได้
2. หัวหอมและกระเทียม :เพราะมีส่วนประกอบของก ามะถันอยูม่าก ซึ่งจะท าลายเซลล์เม็ดเลือดแดง
ของสุนัข ท าให้เกิดโรคโลหิตจาง และโรคเลือดไหลไม่หยุดได้
3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ :การได้รับสารพิษจากแอลกอฮอล์ อาจท าให้สุนัขตายได้
อาหารที่ไมค่วรให้กับสัตว์เลี้ยงกิน
4. ช็อคโกแล็ต :
มีส่วนประกอบของสาร theobromine ซึ่งเป็นสารกลุ่มเดยีวกับสาร caffeine สาร theobromine จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสาร adrenaline ท าให้หัวใจเต้นเร็วมาก ถ้ากินมากๆอาจท าให้เกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และถึงตายได้ สุนัขไวต่อความเป็นพิษของ theobromine เพราะร่างกายของมันไม่สามารถก าจัด theobromine ได้รวดเร็วเหมือนสัตว์ชนิดอื่น
5. องุ่นและลูกเกด :
มีสารพิษท่ีท าให้เกิดผลเสียกับไต อาจจะท าให้อาเจียน ปวดท้อง
6. กินตับในปริมาณมาก :ท าให้เกิดอาการวิตามิน A เป็นพิษ ส่งผลกับกล้ามเนื้อและกระดูก
อาหารที่ไมค่วรให้กับสัตว์เลี้ยงกิน
7. ถั่วแมคคาเดเมีย :มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร, ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ
8. นมวัวและผลติภัณฑ์จากนม เช่น เนย ชีส :ระบบย่อยอาหารของสุนัขและแมวส่วนใหญ่จะไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยน้ าตาลแลคโตส
ในนม จึงเป็นสาเหตุให้ท้องเสีย ควรใช้นมส าหรับสัตว์ที่ไม่มีน้ าตาลแลคโตสแทน
9. ลูกพลับ ลูกพีช หรือลูกพลัม : เมล็ดจะเข้าไปกีดขวางในล าไส้ได้ ซึ่งอาจท าให้ล าไส้อักเสบ
10. มันฝรั่ง/มะเขือเทศ :มี Oxalates ซึ่งจะส่งผลกับระบบย่อยอาหาร, ระบบประสาท และระบบขับถ่าย
อาหารที่ไมค่วรให้กับสัตว์เลี้ยงกิน
• สัตว์เลี้ยงท่ีมีสุขภาพดีมักจะดูแลตัวเองให้สะอาดอยู่เสมอ
• สัตว์เลี้ยงจะแต่งขนตัวเอง ดังนี้
– เลียขนตัวเอง
– เกาและแทะขนที่ติดกัน
– การกลิ้งและถูตวัไปตามพื้น
o อาจกลิ้งตัวไปบนสิ่งที่สกปรก
o ผู้เลี้ยงจึงจ าเป็นต้องช่วยดูแลท าความสะอาดขนให้สุนัข
o สัตว์เลี้ยงมีลักษณะขนที่แตกต่างกัน ดังนั้นการดูแลจึงแตกต่างกันไป
การดูแลขนและผิวหนังสัตว์เลี้ยง
การดูแลเพื่อให้ผิวหนัง ขน รวมถึง เหงือก ฟัน เล็บ ของสุนัขมีสุขภาพดี
เม่ือสุนัขยอมให้ดูแลผิวหนังและขน ควรให้รางวัลด้วยการสัมผัส ลูบ คล า หรือให้อาหารในบางครั้ง
หากสุนัขไม่ยอม จ าเป็นต้องออกค าสั่งบังคับเช่นกัน
การดูแลขนและผิวหนังสุนัข
• สุนัขที่มีขนสั้นและเรียบ สามารถดูแลตัวเองไดด้ีกว่าสุนัขที่มีขนยาว
เช่น พันธุ์บ๊อกเซอร์
• ควรแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยมีข้ันตอนดังนี้
1. ใช้แปรงยางหรือแปรงหมุด แปรงย้อนขน เพื่อขจัดขนที่หมดอายุและสิ่งสกปรกบนผิวหนัง
2. ใช้แปรงขนสัตว์ (แปรงขนหมู) แปรงทุกส่วน เพื่อก าจัดขนและผิวหนังที่ตายออก
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนสั้น
3. ใช้ผ้าชามัวร์ขัดขนให้เงางาม
4. สุนัขที่มีขนสั้นและหนา เช่น พันธุ์ลาบราดอร์ ควรดูแลขนเป็นประจ าด้วยแปรงสลิกเกอร์ (แปรงขนลวด) เพื่อไม่ให้ขนติดกัน
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนสั้น
• สุนัขที่มีขนสั้นและมีขนแข็งคล้ายเส้นลวด เช่น พันธุ์เทอร์เรียร์, พันธุ์ชเนาเซอร์ ควรถอนขนที่หมดอายุทุก ๆ 3-4 เดือน
• โดยอาจจะใช้มือดึงออก หรือใช้มีดส าหรับถอนขน
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนสั้น
• สุนัขที่มีขนยาว นอกจากความสวยงามแล้ว ยังช่วยป้องกันความหนาวเย็น
• แต่ก็ต้องมีการดูแลขนมากกว่าสุนัขพันธุ์ขนสั้น โดยสามารถท าได้ดังนี้
1. ใช้แปรงสลิกเกอร์สางขนที่พันกันออก ต้องท าอย่างระมัดระวัง อย่าดึงแรงจนกระทั่งขนขาด
2. แปรงอีกครั้งด้วยแปรงขนสัตว์ เพื่อให้ขนเงางาม
3. ใช้หวี หวีขนแต่ละข้างให้เยียดลง
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนยาว
4. เล็มขนที่ยาวรอบเท้า โดยเฉพาะขนระหว่างนิ้ว ซึ่งเป็นบริเวณที่มักมีสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสะสม
5. เล็มขนที่ยาวรอบหู
6. ขนที่ยาวเหนือตา ควรเล็มออกหรือรวบขนไว้
7. เล็มขนบริเวณข้อขา เพื่อป้องกันการพันกันของขนที่ยาว
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนยาว
• สุนัขที่มีขนยาวคล้ายเส้นไหม เช่น พันธุ์ยอร์กไชร์เทอร์เรีย จะไม่มีขนชั้นใน ดังนั้น ในขณะที่แปรงขนจึงต้องระมัดระวังอย่าให้ขนแปรงขีดข่วนและระคายผิวหนัง
• สุนัขที่ขนยาวและมีขนชั้นในที่แน่นหนา เช่น พันธุ์คอลลี ต้องดูแลและแปรงขนอย่างสม่ าเสมอ เพราะขนจะพันกันได้งา่ย
การดูแลสัตว์เลี้ยงพันธุ์ขนยาว
• ช่วยก าจัดสิ่งไม่พึงประสงค์
• ก าจัดพยาธิภายนอกบางชนิด
• ปรับสภาพผิวหนังที่แห้งหรือมันจนเกินไป
• ควรใช้แชมพูที่เหมาะสมกับขนและผิวหนังของสุนัข และไม่ระคายเคืองตา
• แชมพูท่ีล้างออกไม่หมดจะสร้างความระคายเคืองต่อสุนัข ท าให้คันและสุนัข อาจจะเกาจนเป็นแผลได้
o ควรใช้ส าลีก้อนอุดหูสุนัขไว้ในขณะอาบน้ า
o หลังอาบน้ าต้องเชด็ขนให้แห้ง ในสุนัขที่ผิวหนังปกติสามารถใช้เคร่ืองเป่าผมช่วยได้ โดยใช้อุณหภูมิปานกลาง และเป่าลมออกนอกตัวสุนัข
การอาบน้ าท าความสะอาด
การเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
แชมพูสุนัขมี 4 ประเภท คือ1. แชมพูส าหรับลูกสุนัข2. แชมพูส าหรับสุนัขทั่วๆ ไป แบ่งเป็น ขนสั้น และ ขนยาว3. แชมพูส าหรับแก้ปัญหาผิวหนัง 4. แชมพูส าหรับแก้ปัญหาเรื่องขน
ส่วนค่า pH ของแชมพูที่เหมาะส าหรับสุนัขควรอยู่ระหว่าง 6.5-7.5
การเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
1. ลูกสุนัข- ลูกสุนัขมีผิวบอบบาง จึงควรใช้แชมพูส าหรับลูกสุนัข- แชมพูท าความสะอาดขนแบบแห้ง จะมีแป้งหรือสารดูดซับความชื้นเป็นส่วนประกอบ ไม่ควรใช้บ่อยเพราะจะท าให้ผิวแห้งได้- แชมพูลูกสุนัขสูตร no more tear ไม่ท าให้ระคายเคืองหากเข้าตา
การเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
2. สุนัขขนยาว - ไม่ควรอาบน้ าบ่อยเกิน 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง - ไม่ควรใช้สบู่ก้อนในการอาบ เพราะจะท าให้ขนฟูหยาบกระด้าง- ควรใช้แชมพูสตูรอ่อนโยน สุนัขขนยาวจะมีผิวบอบบาง- หากใช้แชมพสูตูรสมุนไพรควรเป็นยี่ห้อที่เชื่อถือได้ เพราะสูตรสมุนไพรท าให้เกิดเชื้อราได้ง่าย- สามารถใช้ครีมนวดตามหลังจากอาบด้วยแชมพ ูควรเป็นแบบทีล่้างออกง่าย และระวังไมใ่ห้เข้าตากับปาก- หลังอาบน้ าควรเช็ดหรือไดรใ์ห้แห้ง และหวขีนให้ไม่พนักัน
การเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
3. สุนัขขนสั้น- ผิวหนังจะสกปรกง่ายกว่าขนยาว เวลาอาบน้ าควรใช้แปรงยางช่วยแปรงไปด้วย- ส าหรับสุนัขที่ผิวแพ้ง่ายควรใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน - ถ้าสุนัขมีกลิ่นตัวแรงควรใช้แชมพูสูตรระงับแบคทีเรีย
- ส าหรับแชมพูก าจัดเห็บหมัด ควรเป็นสูตรสมุนไพร ป้องกันสารเคมีตกค้าง หรือถ้าใช้สูตรเคมีควรเลือกที่มีฉลากรับประกันว่าปลอดภัยต่อคนละสัตว์เลี้ยง
การเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
3. สุนัขมีปัญหาเรื่องผิวหนัง- ผิวหนังแห้งเป็นสะเก็ดรังแค - ผิวหนังมีการแพ้และติดเชื้อแบคทีเรีย- ผิวหนังติดเชื้อรา- ผิวหนังมีการติดเห็บหมัด
• การดูแลและท าความสะอาดใบหน้า
– ควรตรวจดูผิวหนัง หู ตา เหงือก ฟัน ของสุนัขเป็นประจ า โดยเฉพาะสุนัขพันธุ์ที่มีผิวหนังย่นมาก
• หูสะอาด ขนไม่ยาวเกินไป ไม่มีขี้หูเกรอะกรัง
• ตาใสสะอาด ไม่มีข้ีตา
o จมูกเปียกชื้นและเย็น
o ผิวหนังสะอาด ไม่มีบาดแผล
o ฟันไม่มีหินปูน
o เหงือกไม่มีแผลหรือติดเชื้อ
การดูแลผิวหนังสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น
• วิธีท าความสะอาดใบหน้า
1. ใช้ส าลีชุบน้ าบิดให้แห้ง เช็ดขอบตา ถ้าพบว่ามีข้ีตามากผิดปกติ หรือมีตาอักเสบ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ ควรใช้ส าลีใหม่ส าหรับตาแต่ละข้าง
2. ท าความสะอาดบริเวณใบหูและซอกหู ไม่ควรใช้วัสดุใด ๆแทงลึกเข้าไปในหู
3. ท าความสะอาดบริเวณผิวหนังที่พับย่นของใบหน้า เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรก ก าจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
การดูแลผิวหนังสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น
• ควรตรวจสุภาพฟันและเหงือกของสุนัขอย่างสม่ าเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาเหงือก หรือหินปูน
• แปรงฟันโดยใช้แปรงที่มีขนนุ่ม
• อาจใช้น้ าเกลือเจือจางหรือยาสีฟันส าหรับสุนัขในการแปรงฟัน ไม่ควรใช้ยาสีฟันส าหรับมนุษย์
การดูแลท าความสะอาดฟันและช่องปาก
• ปกติสุนัขจะมีการฝนเล็บเท้าตัวเอง ท าให้เล็บไม่ยาวเกินไป หากสุนัขมีเล็บยาวอาจท าให้เกิดการบาดเจ็บและติดเชื้อตามมาได้
• จึงควรตัดเล็บสุนัข ด้วยกรรไกรตัดเล็บส าหรับสุนัข โดยมีวิธีการดังนี้
o จับนิ้วสุนัขแยกออกจากกัน ตรวจสิ่งแปลกปลอมและสกปรกระหว่างนิ้ว เช็ดโดยใช้ส าลีชุบน้ าบิดให้แห้ง
o ตัดเล็บด้วยความระมัดระวัง ตะไบปลายเล็บให้เรียบ
o การตัดเล็บ ต้องไมต่ัดลึกถึงบริเวณสีชมพู (nail bed) เพราะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยง
o หากไม่แน่ใจควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้ตัดให้
การตัดเล็บ
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันและก าจัดเหบ็หมัด
o Frontline ( Fipronil ) o Frontline plus ( Fipronil กับ S-Methoprene)
- การท างานจะส่งผลรบกวนการส่งกระแสประสาทของเห็บและหมัด - ถ่ายพยาธิภายใน- เห็บจะตายในเวลา 2 วัน สามารถออกฤทธิ์นานประมาณ 30 วัน - สุนัขต้องมี อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป - Frontline plus ต่างจาก Frontline คือ มีฤทธิ์ในการก าจัดไข่หมัด
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันและก าจัดเหบ็หมัด
Revolution (Selamectin)- การท างานจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดส่งผลรบกวนการส่งกระแสประสาท
ของเห็บและหมัด ท าให้เป็นอัมพาตและตาย- ยาจะติดอยู่ที่ไขมันที่เคลือบผิวหนังและขนสุนัข ท าให้เห็บทีมาเกาะตาย
ทันที โดยไม่ต้องรอให้เห็บดูดเลือด- ก าจัดพยาธิภายนอกได้หลายชนิด เช่น ไรในช่องหู ไรขี้เรื้อนแห้ง พยาธิ
ภายในประเภทตัวกลมในระบบทางเดินอาหาร และป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ- สามารถออกฤทธิ์นานประมาณ 30 วัน - สุนัขต้องมี อายุ 6 สัปดาห์ข้ึนไป
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ
o Heartgard (ivermectin)o Heartgard plus (ivermectin + pyrantel)
- Not for cat