12
1 ใบความรูหน่วยที2 เรื่องการใช้ โปรแกรมกราฟิก วิชา คอมพิวเตอร์กราฟิก 20205ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท1 1.การสร้างไฟล์งานใหม่ใน Photoshop CS4 เริ่มต้นของการใช้งานโปรแกรม Photoshop CS4 นั้น ต้องสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาเพื่อการใช้งาน ในกรณีที่ไม่ได้เปิดใช้งานจากไฟล์ (PSD)ที่ถูกบันทึกไว้อยู่แล้ว เพื่อให้ได้ขนาดและพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมกับงาน การสร้างไฟล์ใหม่ใน Photoshop CS4 ทําได้โดยเลือกคําสั่ง File–>New 1ช่องName คือช่องสําหรับกําหนดชื่อไฟล์ใหมซึ่งไม่ใส่ก็ได้แต่เราจะใส่ชื่อตอน บันทึกเลยทีเดียวก็ได้ 2.ช่อง Widthคือการกําหนดความกว้างและ Hight คือการกําหนดความสูงของชิ้นงานโดยใส่ ค่าตัวเลขลงไปละเลือกหน่วยวัด 3.Resolution คือการกําหนดค่าความละเอียดของภาพ 4.Color Mode คือการกําหนดโหมดสีของไฟล์ 5.Background Content คือเลือกลักษณะของพื้นหลั งของภาพ 6. เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกทีOK 2.การเปิดไฟล์ โปรแกรม Photoshop CS4 สามารถเปิดไฟล์รูปภาพได้หลายรูปแบบเช่น GIF,JPG,TIF,BMP,PNG และอื่นๆ รวมถึงไฟล์ PSD การเปิดไฟล์ภาพทําได้ดังนี

ใบความรู้หน่วยที่ 2

Embed Size (px)

Citation preview

1    

ใบความรู้

หน่วยที่ 2 เรื่องการใช้โปรแกรมกราฟิก

วิชา คอมพิวเตอร์กราฟิก ง20205ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

1.การสร้างไฟล์งานใหม่ใน Photoshop CS4

เริ่มต้นของการใช้งานโปรแกรม Photoshop CS4 นั้น ต้องสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาเพื่อการใช้งาน

ในกรณีที่ไม่ได้เปิดใช้งานจากไฟล์ (PSD)ที่ถูกบันทึกไว้อยู่แล้ว

เพื่อให้ได้ขนาดและพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมกับงาน

การสร้างไฟล์ใหม่ใน Photoshop CS4 ทําได้โดยเลือกคําสั่ง File–>New

1ช่องName คือช่องสําหรับกําหนดชื่อไฟล์ใหม่ ซึ่งไม่ใส่ก็ได้แต่เราจะใส่ชื่อตอน บันทึกเลยทีเดียวก็ได ้

2.ช่อง Widthคือการกําหนดความกว้างและ Hight

คือการกําหนดความสูงของชิ้นงานโดยใสค่่าตัวเลขลงไปและเลือกหน่วยวัด

3.Resolution คือการกําหนดค่าความละเอียดของภาพ

4.Color Mode คือการกําหนดโหมดสีของไฟล ์

5.Background Content คือเลือกลักษณะของพื้นหลังของภาพ

6. เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกทีO่K

2.การเปิดไฟล์

โปรแกรม Photoshop CS4 สามารถเปิดไฟล์รูปภาพได้หลายรูปแบบเช่น GIF,JPG,TIF,BMP,PNG

และอื่นๆ รวมถึงไฟล์ PSD การเปิดไฟล์ภาพทําได้ดังนี้

2    

2.1เปิดไฟล์ภาพที่มีอยู่แล้ว

1. เลือกเมนู File > Open

2.เลือกโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ จากช่อง Look in

3.ดูตัวอย่างภาพและคลิกเลือกภาพที่ต้องการ

4.คลิกปุ่ม Open

2.2 เปิดไฟล์ Photoshop (PSD)

ทําเหมือนการเปิดภาพทั่วไปแต่ไม่แสดงภาพให้เห็นในช่องประเภทของไฟล์แต่จะแสดงในช่องด้านล่างแทนเ

มื่อคลิกเลือกไฟล ์

3    

2.3 การเปิดรูปภาพพร้อมกันหลายวินโดว์

คุณสามารถเปิดรูปภาพพร้อมกันหลายๆไฟล์ได้ แต่จะทํางานได้เพียงครั้งละ 1 ไฟล์เท่านั้นค่ะ

ไฟล์ที่เหลือไตเติลบาร์จะเป็นสีเข้ม ในPhotoshop CS4 มีคําสั่งใหม่ให้จัดวินโดว์หลายแบบ

ทําให้เห็นและเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้นทําได้โดยคลิกปุ่ม Arrange Documents

3.การบันทึกงาน( Save )

ในระหว่างการทํางาน หรือหลังจากการทํางานเสร็จสิ้น การบันทึกผลงานหรือการ Save File

เป็นสิ่งที่ควรทําให้เป็นนิสัยในระหว่างการทํางาน เพื่อให้สามารถนํางานชิ้นนั้นกลับมาทํางานต่อได้อีก

รวมทั้งเป็นการป้องกันความผิดพลาดบางอย่าง ที่อาจทําให้งานที่ทําอยุ่หายไปเฉยๆ ได้ ( เช่น ไฟฟ้าดับ

4    

หรือระบบ OS ของเครื่องล่ม ) โดยปกติเมื่อเราสั่ง Save งานโปรแกรมจะทําการบันทึกงานที่เราทําอยู่เป็น

File Format .PSD ( Photoshop Document ) ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์ที่ใช้งานใน Photoshop

สามารถที่จะจัดเก็บข้อมูลของงานที่ทําเอาไว้ทุกอย่างโดยไม่มีส่วนใดขาดหายไป

สําหรับขั้นตอนในการบันทึกข้อมูลจะมีขึ้นตอนดังนี้

1. คลิกที่ Menu File > Save หรือ กด Ctrl + S

2. กําหนดชื่อ และเลือกที่อยู่ปลายทางในการบันทึกข้อมูล

เหมือนกับการบันทึกข้อมูลในโปรแกรมอื่นๆ โดยทั่วไป แล้วคลิกที่ Save เพื่อทําการบันทึก

- Save Option ในขั้นตอนการบันทึกข้อมูลนั้น ในหน้าต่าง Save ( หรือ Save As )

ในส่วนด้านล่างจะเป็นสว่นของ Save Option

ซึ่งจะเป็นส่วนตัวเลือกสําหรับปรับแต่งค่าการบันทึกข้อมูล ซึ่งจะประกอบไปด้วย

- Save As Copy เป็นการบันทึกงานแบบสําเนาใหม่ออกมาอีกชุดหนึ่งจากงานที่กําลังทําอยู่

โดยงานที่กําลังทําอยู่จะไม่ได้โดนบันทึกไปด้วยจนกว่าจะทําการบันทึก ( Save ) ตัวมันเอง

5    

- Alpha Channel เป็นการบันทึกงานแบบกําหนดให้มีการบันทึกค่า Alpha Channel ( พื้นที่โปร่งใส )

ลงไปในภาพด้วย หากไม่เลือกตัวเลือกนี้พื้นที่ส่วนค่า Alpha Channel

ของภาพจะถูกลบทิ้งไปอย่างไรก็ตาม ค่า Alpha Channel นั้นจะมีอยู่ในการบันทึกข้อมูลบางประเภท

และบางลักษณะการทํางานเท่านั้น

- Layer เป็นการบันทึกค่าแบบกําหนดให้มีการแยก Layer ของภาพออกจากกัน หากไม่เลือกตัวเลือกนี้

Layer ทั้งหมดของภาพจะถูกรวมกันเป็นชิ้นเดียว

- Annotionเป็นการกําหนดให้มีการบันทึก Note หรือข้อความพิเศษที่เรากําหนดขึ้นลงไปในภาพด้วย

- Spot Color เป็นการกําหนดให้มีการบันทึก Spot Color ลงไปในภาพด้วย

- Use Proof Setup เป็นการกําหนดให้มีการบันทึกค่าการปรับแต่งของหน้าจอลงไปในงานด้วย

- ICC Profile เป็นการกําหนดให้มีการบันทึกภาพขนาดเลก็สําหรับแสดงแทนภาพของจริง

- Use Low Case Extension เป็นการกําหนดให้ตั้งชื่อนามสกลุของข้อมูลเป็นตัวอักษรตัวเล็ก

4.การแปลงโหมดส ี

4.1 เปลี่ยนสีของรูปภาพ

เปิดไฟล์ภาพขึ้นมาจากนั้นไปที่ Image -->adjustiment --> Variations

จากนั้นเลือกที่ต้องการ แล้วคลิก ok

4.2 เน้นสีเฉพาะส่วนที่ต้องการ

เปิดไฟล์ภาพขึ้นมาหลังจากนั้นให้ปลดล็อกภาพแล้วไปที่ Image --> Adjustments --> Replace

Colorหลังจากนั้นเปลี่ยน Fuzziness เป็นค่าสูงสุด คือ 200 ตรง selection กับ image ให้เลือกเป็น

imageจากนั้นใชเ้มาส์คลิกตรงส่วนที่ต้องการในรูปเช่นต้องการเปลี่ยนเสื้อคลุมสีแดง

เราก็คลิกตรงเสื้อที่มีสีแดงได้เลยจากนั้นให้เปลี่ยนตรงส่วนของ Hue / Saturation / Lightness ตามใจชอบ

6    

ภาพตัวอย่าง

4.3 เปลี่ยนโทนสีของผม

เปิดไฟล์ภาพขึ้นมานะคะ หลังจากนั้นเพิ่มเลเยอร์ขึ้นมา 1

อันโดยคลิกที่กระดาษพับนะแล้วก็เลือกสีที่จะทําเป็นสีผมเลยจากนั้นเลือกบรัชหัวแปรงขนาดฟุ้งประมาณสั

ก 30 35 40 ป้ายบนเส้นผมแบบนี ้

7    

ป้ายลงมาให้ทั่วๆๆ

แหล่งที่มีผมนะคะ เมื่อได้ครบแล้วล่ะก็หลังจากนั้นมีดูตรงส่วนของเลเยอร์เปลี่ยนโหมดเป็น Soft Light

และสามารถลดค่า opacity

ลงได้ถ้าสีมันแรงไปถ้าตรงไหนมันเลอะออกมาล่ะก็ใช้ยางลบหัวฟุ้งขนาดเล็กๆๆทาบริเวณรอบที่มีรอยออกม

านะคะ

ภาพตัวอย่าง

4.4 ทําภาพโลโม่

เปิดไฟล์ภาพขึ้นมาจากนั้นกด Ctrl --> J เป็นก็อบปี้เลเยอร ์จากนั้นเปลี่ยนโหมดเป็น Soft light หรือ

Hard light ก็ได้แล้วแต่ภาพ

8    

หลังจากนั้นไปที่ Filter --> render --> Lighting Effects

ตั้งค่าตามทางด้านล่าง ถ้าตรงภาพวงกลมมันเล็กให้ขยายโดยการดึงวงกลมออก

ภาพตัวอย่าง

5.การยกเลิกคําสั่งการทํางานในโปรแกรม Photoshop CS4 (การแก้ไขงาน)

ในการตกแต่งภาพเราจะใช้คําสั่งหลายๆคําสั่งเพื่อจัดการกับภาพนั้นๆแต่ถ้าหากเราไม่พอใจในงานที่

สั่งไปแล้วเราสามารถยกเลิกคําสั่งนั้นได้ด้วยการย้อนกลับไปยังคําสั่งก่อนหน้านั้นได้ค่ะซึ่งมีวิธีทํา 2 วิธีคือ

1.คลิกเมนู Edit > Undoคําสั่งจะถูกย้อนกลับไปทีละขั้นตอนเท่านั้น

(หากต้องการทําซําในขั้นตอนที่ถูก Edit>Undoไปแล้วกลับมาใหม่ให้คลิก Edit > Redo

9    

2.ย้อนการทํางานด้วยพาเนลHistory

เลือกเมนู Window > History

-พาเนลHistory จะเก็บขั้นตอนการทํางานย้อนหลังไว้ 20ขั้นตอน

และจะเรียงจากบนลงล่างตามการทํางานเริ่มต้นถึงขั้นตอนล่าสุด

-ย้อนการทํางานโดยคลิกขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องการให้แสดงผล

ขั้นตอนที่ต่อจากขั้นตอนที่ถูกเลือกจะถูกยกเลิกทั้งหมด (กลายเป็นสีเทา)

6.สมบัติของไฟล์ภาพ

ระบบไฟล์ที่สามารถใช้งานกับโปรแกรม Photoshop CS4 นั้น

มีมากมายหลายชนิดและการบันทึกจัดเก็ยก็สามารถจัดเก็บได้หลาย Format เช่นเดียวกัน ดังแสดงในรูป

10    

ระบบการจัดเก็บไฟล์ของ Photoshopหลักๆก็มีอยู่ด้วยกันประมาณ 21 แบบหรือที่เรียกกันว่า

Format โดยจะใช้อักษรย่อ 3 ตัว เช่น .JPG หรือ .TIF

ประกอบชื่อไฟล์ภาพเพื่อให้เหมาะสมกับการนําไปใช้งานของแต่ละประเภทที่สําคัญๆแบบหลักๆก็มีดังนี้ คือ

1) .PSD (Photoshop document) เป็นการจัดเก็บไฟล์พื้นฐานของ Photoshop

ใช้บันทึกการทํางานไว้เป็นเลเยอร์สามารถแก้ใขดัดแปลงแต่ละเลเยอร์ได้ในภายหน้าและยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติ

ต่างๆของ Photoshop เอาไว้และไม่มีการสูญเสียข้อมูล (data lost) ของไฟล์ภาพ

แต่การบันทึกด้วยระบบนี้จะใช้เปิดดูได้เฉพาะ Photoshop เท่านั้น

2) .JPG (JPEG) Join Photographic Expert

Groupเป็นการบันทึกภาพแบบบีบอัดให้มีขนาดที่เล็กลงซึ่งการบันทึกแบบนี้จึงเหมาะกับการนําไปใช้บนเว็บ

หรือการส่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การบันทึกแบบนี้มีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนไป

3) .TIFF (Tagged Image

File)การบันทึกข้อมูลภาพแบบนี้ไม่มีการบีบอัดข้อมูลจึงเหมะกับงานพิมพ์ที่ต้องการความระเอียดสูง

สามารถเปลี่ยนไปมาระหว่าง PC กับเครื่อง Mac

ได้ขนาดของภาพค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับการจัดเก็บภาพในรูปแบบอื่น

4) .PDF (Portable Document Format)ใช้เปิดอ่านได้ด้วยโปรแกรม Acrobat Reader จัดเก็บ

ตัวอักษร รูปภาพ รูปลายเส้น ในลักษณะเป็นหน้าหนังสือ ลักษณะเอกสารเหมือนต้นฉบับ

5) .BMP เป็นการจัดเก็บไฟล์พื้นฐานของ ของ Microsoft Window เก็บข้อมูลแบบพิกเซล

หรือจุดเล็กๆหลายๆ จุดประกอบกัน

6) .GIFเป็นการจัดเก็บอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

7) .RAWเป็นการจัดเก็บไฟล์ของ digital cameras

และเปิดอ่านด้วยปรแกรมที่มากับบริษัทผู้ผลิตกล้อง PS

สนับสนุนเฉพาะบาง”ฟล์เท่านั้นไฟล์แบบนี้จะมีขนาดใหญ่จึงเหมาะกับการแก้ใขเปลี่ยนแปลง

11    

8) .PNGเป็นรูปแบบแฟ้มภาพที่พัฒนาขึ้นมาทดแทนรูปแบบแฟ้มแบบ GIF

ข้อดีคือมีความสูญเสียน้อยมากเมื่อถูกบีบอัด

และยังมีการบันทึกแบบต่างๆอีกหลานอย่าง เช่น .DCS, .PXC, .PSB, .PCT เป็นต้น

ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพ

1.การเกิดภาพบนเครื่องคอมพิวเตอร์

ลักษณะและความหมายของพิกเซล (Pixel)

พิกเซล (Pixel)มาจากคําว่า Picture กับคําว่า Element เป็นหน่วยพื้นฐานของภาพ คือ จุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ

ที่รวมกันทําให้เกิดเป็นภาพขึ้นภาพหนึ่งๆจะประกอบด้วยพิกเซลหรือ จุดมากมายซึ่งแต่ละภาพที่สร้างขึ้น

จะมีความหนาแน่งของจุด หรือพิกเซลเหล่านั้นแตกต่างกันออกไป

ความละเอียด (Resolution)เป็นตัวบอกถึงความละเอียดของภาพ โดยมีหน่วยเป็นพีพีไอ ppiย่อมาจาก (Pixels

Per Inch) คือจํานวนจุดต่อนิ้ว (dpi: คือ dot per inch) ภาพที่มีความละเอยีดสูงหรือคุณภาพดี

ควรจะมีค่าความละเอียด 300*300 ppiขึ้นไป ค่า ppiสูงภาพจะมีความละเอียดคงชัดขึ้น

การแสดงผลของอุปกรณ์แสดงผล (Output Devices)ตัวอย่างเช่น เครื่องพิมพ์ (Printer) แบบดอตแมทริกช์

(Dot-matrix) หรือเลเซอร์ (Laser) รวมทั้งจอภาพ จะเป็นการแสดงผลแบบ Raster Devices คือ

อาศัยการวมกันของพิกเซลออกมาเป็นรูป

2.การประมวลภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก

วิธีการประมวลผลภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกมี 2 แบบ คือ

2.1.การประมวลผลแบบ Raster

การประมวลผลแบบ Raster หรือ แบบมิตแมป (Bitmap) หรือเรียกว่าเป็นภาพแบบ Resolution

Dependent ลักษณะสําคัญของภาพประเภทนี้ ประกอบขึ้นด้วยจุดสีต่างๆที่มีจํานวนคงที่ตายตัว

ตามการสร้างภาพที่มีความละเอียดต่างกันไป ภาพแบบบิตแมปนี้ มีข้อดี คือ

เหมาะสําหรับภาพที่ต้องการระบายสี สร้างสี หรือกําหนดสีที่ต้องละเอียดและสวยงามได้ง่าย ข้อจํากัดคือ

เมื่อมีพิกเซลจํานวนคงที่ นําภาพมาขยายให้ใหญ๋ขึ้น ความละเอียดจะลดลง มองเห็นภาพเป็นแบบจุด

และถ้าเพิ่มความละเอียดให้แก่ภาพ จะทําให้ไฟล์มีขนาดใหญ่ และเปลืองเนื้อที่หน่วยความจํามาก

ในระบบวินโดวส์ (Windows) ไฟล์ของรูปภาพประเภทนี้ คือ พวกที่มีส่วนขยายหรือ นามสกลุ

(Extension) เป็น .BMP , .PCX, .TIF, .JPG, .MSP, .PCD, .PCT โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ

โปรแกรมประเภทระบายภาพ (Painting Program) เช่น Paintbrush, Photoshop,Photostylerเป็นต้น

12    

2.2. การประมวลผลแบบ Vector

การประมวลผลแบบ Vector เป็นภาพแบบเวกเตอร์ หรือ Object-Oriented Graphics หรือเรียกว่า

เป็นรูปภาพ Resolution-Independent

เป็นภาพที่มีลักษณะของการสร้างจากคอมพิวเตอร์ที่มีการสร้างให้แต่ละส่วนของภาพเป็นอิสระต่อกัน

โดยแยกชิ้นส่วนของภาพทั้งหมดออกเป็นเส้นตรงรูปทรงหรือส่วนโค้ง

โดยอ้างอิงตามความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ หรือการคํานวณซึ่งมีทิศทางการลากเส้นไปในแนวต่างๆ

จึงเรียกประเภท Vector Graphic หรือ Object Oriented ภาพเวกเตอร์นี้มีข้อดีคือ สามารถเปลี่ยนแปลงขนาด

โดยมีความละเอียดของภาพไม่ลดลง

ภาพสามารถเปลี่ยนแปลงหรือย้ายได้และมีขนาดของไฟล์ที่เล็กกว่าพวกบิทแมป