565
รูปแบบการพัฒนาวิชาชีพครูเพืÉอเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีÉเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล โดย นายบุญยฤทธิ Í ปิ ยะศรี วิทยานิพนธ์นีÊเป็ นส่วนหนึÉงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2556 ลิขสิทธิ Íของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร

ณฑ 2556 ิทยาลัทยาลิลปากรยศ - Silpakorn University...53253905 : สาขาว ชาหล กส ตรและการสอน ค าส

  • Upload
    others

  • View
    20

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

  • รูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพอืเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทเีน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล

    โดย นายบุญยฤทธิ ปิยะศรี

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎบีัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการสอน ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2556

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิยาลัยศิลปากร

  • รูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพอืเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทเีน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล

    โดย นายบุญยฤทธิ ปิยะศรี

    วทิยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎบีัณฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการสอน ภาควชิาหลกัสูตรและวธีิสอน

    บัณฑิตวทิยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2556

    ลขิสิทธิของบัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิยาลัยศิลปากร

  • THE PROFESSIONAL DEVELOPMENT MODEL TO ENHANCE TEACHING

    COMPETENCY OF TEACHERS THROUGH DIFFERENTIATED INSTRUCTION

    By

    Boonyarit Piyasri

    A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree

    DOCTOR OF PHILOSOPHY

    Department of Curriculum and Instruction

    Graduate School

    SILPAKORN UNIVERSITY

    2013

  • ............................................................................. (รองศาสตราจารย ์ดร.ปานใจ ธารทศันวงศ)์

    คณบดีบณัฑิตวทิยาลยั วนัที..........เดือน.................... พ.ศ...........

    อาจารยที์ปรึกษาวทิยานิพนธ์ 1. ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ 2. รองศาสตราจารย ์ดร.วชิยั วงษใ์หญ่ 3. อาจารย ์ดร.วรรณา ช่องดารากุล คณะกรรมการตรวจสอบวทิยานิพนธ์ .................................................... ประธานกรรมการ (รองศาสตราจารย ์ดร.วสิาข ์จติัวตัร์) ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ (อาจารย ์ดร.ศกัดิสิน ช่องดารากุล) (ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ) ............/......................../.............. ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ .................................................... กรรมการ (รองศาสตราจารย ์ดร.วชิยั วงษใ์หญ่) (อาจารย ์ดร.วรรณา ช่องดารากุล) ............/......................../.............. ............/......................../..............

    บณัฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยัศิลปากร อนุมติัให้วิทยานิพนธ์เรือง “รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล” เสนอโดย นายบุญยฤทธิ ปิยะศรี เป็นส่วนหนึงของการศึกษาตามหลกัสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบณัฑิต สาขาวชิาหลกัสูตรและการสอน

  • 53253905 : สาขาวิชาหลกัสูตรและการสอน คาํสาํคญั : รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครู / สมรรถนะการสอน / การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล บุญยฤทธิ ปิยะศรี : รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล. อาจารยที์ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : ผศ.ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ, รศ.ดร.วิชยั วงษใ์หญ่ และอ.ดร.วรรณา ช่องดารากุล. 547 หนา้

    การวิจัยเรือง รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล มีวตัถุประสงค์เพือ 1) ศึกษาและพฒันาของรูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหวา่งบุคคล ให้มีประสิทธิภาพ 2) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล กลุ่มตวัอยา่งทีใช้ในวิจยั ประกอบด้วย ครูและนักเรียนโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม ในภาคเรียนที 2 ปีการศึกษา 2556 แบ่งเป็นครูผูส้อน จาํนวน 8 คน และนกัเรียน จาํนวน 75 คน เครืองมือทีใช้ในการวิจยั ประกอบดว้ย คู่มือการใช้รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล แผนการพฒันาวิชาชีพครู แบบทดสอบความรู้ความเขา้ใจเกียวกบัการจดัการเรียนการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล แบบประเมินหน่วยการเรียนรู้และแผนการเรียนรู้ แบบประเมินงานวิจยัและการวิจัยในชันเรียน แบบสังเกตการสอน แบบประเมินตนเอง แบบประเมิน ทกัษะการคิด การวิเคราะห์ขอ้มูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลีย ( x ) ค่าส่วนเบียงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และวิเคราะห์เนือหา (Content Analysis) ผลการวจิัยพบว่า 1. รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล พบว่า รูปแบบ “BOONSARIT Model” : เป็นรูปแบบทีมีหลกัการ วตัถุประสงค์ เงือนไงสู่ความสาํเร็จ รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลทีพฒันาขึนมี 9 ขนัตอน คือ ขนัที 1 วิเคราะห์ขอ้มูลพืนฐาน (Basic Data Analysis = B) ขนัที 2 การจดักระทาํขอ้มูล (Organization Data = O) ขนัที 3 กาํหนดวตัถุประสงค ์(Objective Setting = O) ขนัที 4 เครือข่ายการปฏิบติัการ (Network Practices = N) ขนัที 5 เลือกวิธีการสอนทีเหมาะสม (Selection of Instructional Method = S) ขนัที 6 ความสามารถในการวดัผลประเมินผล (Ability of Assessment = A) ขนัที 7 การทาํงานประจาํให้เป็นงานวิจยั (Routine to Research = R) ขนัที 8 การวินิจฉัยความแตกต่างของนกัเรียนเป็นรายบุคคล (Individual Differentiated Diagnostic = I) ขนัที 9 ทาํงานเป็นทีม และขยายผล (Teamwork and Transportability = T) ซึงรูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้น ความแตกต่างระหว่างบุคคลนนัมีกระบวนการทีมีประสิทธิภาพโดยการตรวจสอบของผูเ้ชียวชาญอยูใ่นระดบัมากทีสุด 2. ผลการใช้รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล พบว่า หลงัการใช้รูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล ครูมีความรู้ความเขา้ใจเกียวกบัการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหว่างบุคคลสูงขึนอยา่งมีนยัสาํคญัทางสถิติทีระดบั .05 สมรรถนะการสอนของครูในด้านการวิเคราะห์ผูเ้รียนอยู่ในระดบัดีมาก ด้านการออกแบบหน่วยการเรียนรู้และแผนการเรียนรู้อยู่ในระดับดีมาก ด้านการจดั การเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลดว้ยกระบวนการวิจยัอยูใ่นระดบัดี ดา้นการวดัผลประเมินผลทีเนน้ความแตกต่างระหว่างบุคคลอยู่ในระดบัมากทีสุด นักเรียนมีทกัษะการคิดอยู่ในระดบัดีมาก และผลการขยายผลให้กบัโรงเรียนเครือข่าย พบว่า ครูมีความรู้ความเขา้ใจในการสอนทีเน้นความแตกต่างระหวา่งบุคคลเพิมขึน

    ภาควิชาหลกัสูตรและวิธีสอน บณัฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยัศิลปากร ลายมือชือนกัศึกษา................................................. ปีการศึกษา 2556 ลายมือชืออาจารยที์ปรึกษาวิทยานิพนธ์ 1..................................... 2...................................... 3......................................

  • 53253905 : MAJOR : CURRICULUM AND INSTRUCTION

    KEY WORD : PROFESSIONAL DEVELOPMENT MODEL / TEACHING COMPETENCY /

    DIFFERENTIATED INSTRUCTION BOONYARIT PIYASRI : THE PROFESSIONAL DEVELOPMENT MODEL TO ENHANCE TEACHING COMPETENCY OF TEACHERS THROUGH DIFFERENTIATED INSTRUCTION. THESIS ADVISORS :

    ASST.PROF.MAREAM NILAPUN, Ed.D., ASSOC.PROF.WICHAI WONGYAI, Ed.D., AND WANNA CHONGDARAKUL,

    Ph.D. 547 pp.

    The study was research and development. The professional development model was used to enhance teaching

    competency of teachers through differentiated instruction. The purposes of the research were to: (1) develop a professional development model to enhance teaching competency of teachers through differentiated instruction. (2) evaluate the effectiveness

    of the professional development model to enhance teaching competency of teachers through differentiated instruction. The sample was 8 teachers and 75 students in Subyaiwittayakhom school. The tools used in this research was a manual of the professional

    development model to enhance teaching competency of teachers through differentiated instruction, professional development plan, test of knowledge about teaching competency of teachers through differentiated instruction, the unit and lesson plans evaluation form, research and classroom action research evaluation form, teaching observation form, self-evaluation from, assessment of

    thinking skills form. Data were analyzed using descriptive statistics, percentage, mean ( x ), standard deviation (S.D.), t-test Dependent and content of analysis.

    The results of the study were as follows :

    1. The professional development model to enhance teaching competency of teachers through differentiated instruction called "BOONSARIT Model" consisted of principle, objective, conditions for success, process of professional development model

    included a nine-step : Step 1 Basic Data Analysis (B); Step 2 Organization Data (O); Step 3 Objective Setting (O); Step 4 Network

    Practices (N); Step 5 Selection of Instructional Method (S); Step 6 Ability of Assessment (A); Step 7 Routine to Research (R);

    Step 8 Individual differentiated Diagnostic (I); and Step 9 Teamwork and Transportability (T). The professional development

    model to enhance teaching competency of teachers through differentiated instruction proved to be effective as verified by the

    experts was at the highest level.

    2. The results of the professional development model to enhance teaching competency of teachers through

    differentiated instruction revealed that teacher’s knowledge of teaching the differentiated instruction after using this professional

    development model were statistically significant higher than before the professional development model at .05 level; the

    performance of the teachers in analyzing the students was at the highest level; the performance of the teachers in design learning

    units and lesson plans was at the highest level; the performance of the teachers in research process was at the highest level;

    the performance of the teachers in evaluation through differentiated instruction was at the highest level; thinking skills of student

    was at the highest level. and the dissemination to the school network, revealed that teacher’s knowledge of teaching the

    differentiated instruction was at the highest level.

    Department of curriculum and instruction Graduate School, Silpakorn University

    Student’s signature ................................................. Academic Year 2013

    Thesis advisors’ signature 1........................................... 2........................................... 3..........................................

  • กติติกรรมประกาศ วิทยานิพนธ์นีสําเร็จลงได้ดว้ยความกรุณาให้คาํปรึกษา คาํแนะนาํ ตลอดจนความห่วงใย ทีมีต่อศิษยข์อง ผูช่้วยศาสตราจารย ์ดร.มาเรียม นิลพนัธ์ุ รองศาสตราจารย ์ดร.วิชยั วงษใ์หญ่ และอาจารย ์ดร.วรรณา ช่องดารากุล อาจารยที์ปรึกษา ผูว้ิจยัรู้สึกซาบซึงในความกรุณาของท่านทีได้ช่วยเหลือกระบวนการพฒันาวจิยัอยา่งต่อเนืองดว้ยความเอาใจใส่ดว้ยดีเสมอมา กราบขอบพระคุณ รองศาสตราจารย ์ดร.วิสาข์ จติัวตัร์ ประธานกรรมการสอบวิทยานิพนธ์และคําแนะนําช่วยเหลือการพัฒนาวิจัย อาจารย์ ดร.ศักดิสิน ช่องดารากุล กรรมการสอบวทิยานิพนธ์ ตลอดจนอาจารยค์ณะศึกษาศาสตร์ทีไดก้รุณาใหค้าํแนะนาํ จนวทิยานิพนธ์นีสมบูรณ์ กราบขอบพระคุณ อาจารย์ ดร.มารุต พัฒผล อาจารย์ ดร.ศิริวรรณ วณิชวฒันวรชัย อาจารย ์ ดร.อธิกมาส มากจุย้ อาจารย ์ดร.โชติมา หนูพริก อาจารย ์ดร.จิมมี ทองพิมพ ์ผูท้รงคุณวุฒิในการตรวจสอบรูปแบบและเครืองมือทีใช้ในการวิจยั ตลอดจนให้คาํปรึกษา คาํแนะนาํเกียวกบัการวจิยัใหบ้รรลุตามวตัถุประสงค ์ ขอกราบขอบพระคุณ นายสมภูมิ อินทรผล อดีตผูอ้าํนวยการโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม อาจารย์ ดร .จิมมี ทองพิมพ์ ผู ้อ ํานวยการโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม นายพงษ์ศักดิ ดีอุดม รองผูอ้าํนวยการโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม คณะครูโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม และขอขอบใจนกัเรียนโรงเรียนโรงเรียนซบัใหญ่วทิยาคมทุกคนทีไดใ้หก้ารสนบัสนุนในการพฒันาวิจยัครังนี กราบขอบพระคุณบิดามารดาผู ้บังเกิดเกล้า คุณพ่องิว - คุณแม่ละเอียด ปิยะศรี คุณครูยทุธนา ปิยะศรี พ.ต.ท.พยงค ์– คุณครูวรณี นุชนุ่ม ญาติพีนอ้ง บูรพาจารย ์และเพือนนกัศึกษาปริญญาเอกสาขาหลักสูตรและการสอนทุกคนทีได้ช่วยเหลือสนับสนุนตลอดมาและขอบคุณสาํหรับบุคคลต่าง ๆ ทีมีส่วนเกียวขอ้งทีช่วยทาํใหง้านวจิยันีไดส้าํเร็จลงไดด้ว้ยดี คุณค่าของวทิยานิพนธ์เล่มนี ผูว้จิยัขอมอบเป็นเครืองบูชา เพือนอ้มระลึกถึงคุณบิดา มารดา อาจารยที์ไดป้ระสิทธิประสาท อบรมสังสอน และเป็นแรงผลกัดนัใหง้านสาํเร็จลุล่วง

  • สารบัญ

    หนา้

    บทคดัยอ่ภาษาไทย .................................................................................................................. ง บทคดัยอ่ภาษาองักฤษ ............................................................................................................. กิตติกรรมประกาศ ..................................................................................................................

    จ ฉ

    สารบญัตาราง .......................................................................................................................... ญ สารบญัแผนภูมิภาพ ................................................................................................................. ฑ บทที

    1 บทนาํ .............................................................................................................................. ความเป็นมาและความสาํคญัของปัญหา ................................................................. กรอบแนวคิดในการวจิยั ......................................................................................... 15 คาํถามของการวจิยั ................................................................................................. 27 วตัถุประสงคข์องการวจิยั ....................................................................................... 27 สมมติฐานของการวจิยั ........................................................................................... 28 ขอบเขตของการวจิยั ............................................................................................... 29 นิยามศพัทเ์ฉพาะ .................................................................................................... 30

    2 วรรณกรรมทีเกียวขอ้ง .................................................................................................... 34 หลกัการ แนวคิด และทฤษฎีเกียวกบัรูปแบบการสอน .......................................... 35 หลกัการ แนวคิด และทฤษฎีเกียวกบัรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครู ........................ 47 หลกัการ แนวคิด และทฤษฎีเกียวกบัการพฒันาวชิาชีพครู ..................................... 80 งานวจิยัทีเกียวขอ้งกบัการพฒันาวชิาชีพครู ............................................................ 103 การจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล .................................. 107 งานวจิยัทีเกียวขอ้งกบัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล .......... 150 การศึกษาเชิงสร้างสรรค์ ......................................................................................... 152 ทฤษฎีการสร้างความรู้ ............................................................................................ 172 งานวจิยัทีเกียวขอ้งกบัการเรียนการสอนเชิงสร้างสรรค ์......................................... 193

  • บทที หนา้

    วธีิดาํเนินการวจิยั ............................................................................................................. 195 ขนัตอนการวิจยั ....................................................................................................... 195 กรอบการดาํเนินการวจิยั .............................................................................................. 200

    ขนัตอนที 1 การวจิยั (Research : R1) : การศึกษาวเิคราะห์ขอ้มูลพืนฐาน (Analysis : A) .........................................................................................................

    201

    ขนัตอนที 2 การพฒันา (Development : D1) ............................................................ 212 ขนัตอนที 3 การวจิยั (Research : R2) ........................................................................ 258

    ขนัตอนที 4 การพฒันา (Development : D2) ............................................................. 271 4 ผลการวเิคราะห์ขอ้มูล......................................................................................................

    ตอนที 1 ผลการพฒันาและตรวจสอบประสิทธิภาพของรูปแบบการพฒันา วชิาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่าง ระหวา่งบุคคล…………………………………………………………………………………... ตอนที 2 ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูเพือ เสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่ง บุคคล……………………………………………………................................................

    278

    279

    332

    5 สรุปผลการวจิยั อภิปรายผลและขอ้เสนอแนะ .............................................................. สรุปผลการวจิยั ...................................................................................................... อภิปรายผล ............................................................................................................ ขอ้เสนอแนะ ..........................................................................................................

    388

    389

    391

    411

    รายการอา้งอิง .................................................................................................................ภาคผนวก ...................................................................................................................... ภาคผนวก ก รายนามผูท้รงคุณวุฒิเพือหาความตรงเชิงเนือหาและเชิงโครงสร้าง.... ภาคผนวก ข คู่มือการใชรู้ปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้าง สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ...................... ภาคผนวก ค แผนการพฒันาวชิาชีพครู ...................................................................

    413

    423

    424

    426

    452

  • บทที หนา้

    ภาคผนวก ง แบบทดสอบการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่ง บุคคล .................................................................................................... ภาคผนวก จ แบบประเมินหน่วยการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ทีเนน้ ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ................................................................ ภาคผนวก ฉ แบบประเมินงานวจิยั/การวจิยัในชนัเรียน ........................................... ภาคผนวก ช แบบสังเกตการสอน ............................................................................ ภาคผนวก ซ แบบประเมินตนเอง ............................................................................ ภาคผนวก ฌ แบบประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียน…………………………………………… ภาคผนวก ญ ประเด็นสัมภาษณ์/ประเด็นสนทนากลุ่ม..…………………………………….. ภาคผนวก ฎ แบบตรวจสอบความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได.้............ ภาคผนวก ฏ รูปภาพ ...............................................................................................

    473

    481

    485

    487

    493

    520

    524

    529

    538

    ประวติัผูว้ิจยั ................................................................................................................ 547

  • สารบัญตาราง

    ตารางที หนา้

    1 การสังเคราะห์ความหมายของรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครู .............................. 50 2 การสังเคราะห์หนา้ทีและบทบาทของโคช้ ......................................................... 58 3 การสังเคราะห์ขนัตอนการสอนโคช้ .................................................................. 62 4 การสังเคราะห์กระบวนการโคช้แบบเพือนช่วยเพือน ....................................... 67 5 การสังเคราะห์กระบวนการโคช้เพือพฒันาความรู้และสติปัญญา ......................... 71 6 คุณลกัษณะทีสาํคญัของ Mentor 74 7 การสังเคราะห์ความสาํคญัของการพฒันาครูให้เป็นครูมืออาชีพ ระหวา่ง

    ระดบัการทาํงานในการโคช้เพือพฒันาการเรียนการสอน ..................................

    79

    8 การสังเคราะห์ขนัตอนการพฒันาวชิาชีพครูจากงานวิจยั .................................... 105 9 การสังเคราะห์บทบาทครูในการจดักิจกรรมการเรียนการสอน .......................... 127

    10 การสังเคราะห์กระบวนการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ......... 139 11 กรอบในการตรวจสอบการเรียนการสอนของครู ........................................................ 142 12 การตอบสนองความแตกต่างระหวา่งบุคคล ................................................................ 145 13 สรุปขนัตอนที 1 การวจิยั (Research : R1) ขนัการศึกษาวเิคราะห์ขอ้มูล

    พืนฐาน (Analysis : A) ................................................................................ 210 14 การวเิคราะห์กระบวนการของรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูทีเสริมสร้าง

    สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ...............................

    216

    15 สรุปขนัตอนที 2 การพฒันา (Development : D1) ขนัการออกแบบและพฒันา รูปแบบ (Design and Development : D and D) ..........................................

    252

    16 สรุปขนัตอนที 3 การวจิยั (Research : R2) ขนัการทดลองใชรู้ปแบบ (Implementation : I) ...................................................................................

    267

    17 สรุปขนัตอนที 4 การพฒันา (Development : D2) ขนัการประเมินผลรูปแบบ (Evaluation : E) ...........................................................................................

    274

  • ตารางที หนา้

    18 สรุปผลการวางแผนการพฒันาวชิาครู ปฏิทินการพฒันาวชิาชีพ การสังเกต การสอนและเครืองมือตามรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้าง สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ..………………........

    310

    19 สังเคราะห์แนวคิด ทฤษฎี หลกัการทีเกียวขอ้งในการพฒันารูปแบบการ พฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่าง ระหวา่งบุคคล (BOONSARIT Model) .......................................................

    317

    20 ค่าดชันีการตรวจสอบเชิงเนือหาและเชิงโครงสร้างของรูปแบบการพฒันา วชิาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่าง ระหวา่งบุคคล “BOONSARIT Model” ..................................................

    325

    21 แสดงขอ้เสนอแนะเพือปรับปรุงแกไ้ขโดยผูเ้ชียวชาญ ...................................... 330 22 ความรู้ความเขา้ใจของครูเกียวกบัรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครู

    เพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล จาํแนกเป็นรายดา้น (ขนัการวเิคราะห์) .....................................................

    333

    23 ความรู้ความเขา้ใจของครูก่อนใชก้บัรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครู เพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล จาํแนกเป็นรายดา้น (ขนัการวเิคราะห์) .....................................................

    336

    24 ความรู้ความเขา้ใจของครูหลงัใชรู้ปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้าง สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล จาํแนกเป็นราย ดา้น (ขนัการวเิคราะห์) …………..............................................................

    338

    25 การเปรียบเทียบความรู้ความเขา้ใจก่อนและหลงัใชรู้ปแบบการพฒันาวชิาชีพ ครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล

    340

    26 ระดบัคุณภาพความสามารถในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้/การเขียน แผนการจดัการเรียนรู้ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที ............

    342

    27 ระดบัคุณภาพความสามารถในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้/การเขียน แผนการจดัการเรียนรู้ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที ...........

    343

    28 ผลการเปรียบเทียบพฒันาการทางดา้นความสามารถในการออกแบบหน่วย การเรียนรู้/แผนการจดัการเรียนรู้ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล .........

    344

  • ตารางที หนา้

    29 แสดงผลการทดสอบวดัความรู้ เรืองการวจิยั/วิจยัในชนัเรียน ในภาพรวม ....... 346 30 แสดงผลการทดสอบวดัความรู้ระหวา่งการอบรมเชิงปฏิบติัการ เรือง

    การพฒันาการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลดว้ย กระบวนการวิจยั ในภาพรวม…..…………………………………………………….....

    347

    31 ระดบัคุณภาพความสามารถในการเขียนงานวจิยั ............................................... 348 32 ระดบัคุณภาพความสามารถในการเขียนงานวจิยั................................................ 351 33 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนงานวจิยั....................................... 353 34 ระดบัคุณภาพความสามารถในการสอนของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน

    การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที ................................

    355

    35 ระดบัคุณภาพความสามารถในการสอนของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที .................................

    358

    36 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่ง บุคคล .........................................................................................................

    360

    37 ระดบัคุณภาพของการประเมินตนเองของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที ................................

    363

    38 ระดบัคุณภาพของการประเมินตนเองของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ครังที .................................

    370

    39 ผลการเปรียบเทียบการประเมินตนเองของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล .............................................

    377

    40 ผลการประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียนซึงไดจ้ากแบบประเมิน ทกัษะการคิดของนกัเรียนทีสะทอ้นการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ ความแตกต่างระหวา่งบุคคลของครู ครังที .................................................

    379

  • ตารางที หนา้

    41 ผลการประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียนซึงไดจ้าก แบบประเมิน ทกัษะการคิดของนกัเรียนทีสะทอ้นการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ ความแตกต่างระหวา่งบุคคลของครู ครังที ..................................................

    381

    42 ผลการเปรียบเทียบการประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียนซึงไดจ้ากแบบ ประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียนทีสะทอ้นการจดัการเรียนการสอน ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลของครู .................................................

    383

    43 ผลการทดสอบวดัความรู้ เรือง รูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้าง สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล สาํหรับโรงเรียน ทีใชใ้นการขยายผล ....................................................................................

    385

  • สารบัญแผนภูมิภาพ

    แผนภมิูภาพที หนา้

    1 กรอบแนวคิดการวจิยั ................................................................................... 26 2 หนา้ทีและบทบาทของโคช้ (Coach) ........................................................... 60 3 ขนัตอนการโคช้ (Coaching) ....................................................................... 61 4 วฏัจกัรการโคช้ (A Coaching Cycle) ......................................................... 61 5 การสังเคราะห์วฏัจกัรการโคช้ (A Coaching Cycle) .................................. 63 6 สรุปกิจกรรมการโคช้แบบเพือนช่วยเพือนทงัทีเป็นทางการและไม่เป็น

    ทางการ ...................................................................................................

    69

    7 กระบวนการโคช้เพือพฒันาความรู้และสติปัญญา ........................................ 73 8 แนวทางในรูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูใหม่ ............................................... 76 9 การสังเคราะห์ขนัตอนการพฒันาวชิาชีพครูจากงานวิจยั .............................. 106

    10 หลกัการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ................. 110 11 วธีิการเรียนรู้หรือลีลาการเรียนรู้ (Learning Styles) ของเดวทิ คอลป์ ........ 114 12 บทบาทสาํคญัของครูในการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่าง

    ระหวา่งบุคคล .........................................................................................

    125

    13 การสังเคราะห์บทบาทครูในการจดักิจกรรมการเรียนการสอน .................... 129 14 องคป์ระกอบของระบบทีสมบูรณ์ ................................................................ 134 15 กระบวนการเรียนการสอนสามารถดาํเนินงานตามลาํดบัขนัของไชน์พิช

    และคณะ .................................................................................................

    138

    16 กลยทุธ์สาํหรับการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ........... 141 17 การตอบสนองความแตกต่างระหวา่งบุคคล (Responding by

    Differentiating) ....................................................................................

    145

    18 กรอบดาํเนินการวจิยั ..................................................................................... 200 19 ขนัตอนการพฒันาแบบตรวจสอบความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี

    ความเป็นไปไดแ้ละความสอดคลอ้งกบัรูปแบบ .....................................

    214

    20 แสดงขนัตอนของรูปแบบการพฒันาวิชาชีพครูทีเสริมสร้างสมรรถนะ การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล............................................

    215

  • แผนภมิูภาพที หนา้

    21 ขนัตอนการสร้างแบบสัมภาษณ์ผูบ้ริหารและครูเกียวกบัสมรรถนะ ดา้นการสอนการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่ง บุคคล ......................................................................................................

    223

    22 ขนัตอนการสร้างแบบทดสอบความรู้ความเขา้ใจเกียวกบัจดัการเรียน สอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ................................................

    226

    23 ขนัตอนการสร้างและพฒันาแบบสังเกตการสอน …………………………………… 228 24 ขนัตอนการสร้างและพฒันาแบบประเมินความสามารถในการออกแบบ

    หน่วยการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล

    231

    25 ขนัตอนการสร้างและพฒันาแบบประเมินความสามารถในการวจิยั/ งานวจิยัในชนัเรียนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ........................

    232

    26 ขนัตอนการสร้างและพฒันาแบบประเมินตนเองทีสอดคลอ้งกบั การจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ................

    235

    27 ขนัตอนการสร้างและพฒันาประเด็นสนทนากลุ่ม ...................................... 238 28 ขนัตอนการสร้างและพฒันาแบบประเมินทกัษะการคิดของนักเรียนที

    สอดคลอ้งกบัการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล

    240

    29 กระบวนการการบริหารสถานศึกษาโรงเรียนซบัใหญ่วทิยาคม .................. 292 30 กระบวนการพฒันาบุคลากรไปสู่ความสาํเร็จของโรงเรียนซบัใหญ่

    วทิยาคม ................................................................................................

    294

    31 กระบวนการการขบัเคลือนบริหารสถานศึกษาโรงเรียนซบัใหญ่วทิยาคม 295 32 รูปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้

    ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ……………………………………........

    331

    33 สรุปความรู้ความสามารถของครูก่อนการอบรมเชิงปฏิบติัการ ………........ 335 34 สรุประดบัความรู้ความสามารถของครูโรงเรียนซบัใหญ่วิทยาคม ………...... 337

  • แผนภมิูภาพที หนา้

    35 ผลการวดัความรู้หลงัใชรู้ปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือเสริมสร้าง สมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลของครู โรงเรียนซบัใหญ่วทิยาคม .........................................................................................

    339

    36 ผลการวดัความรู้ก่อนและหลงัใชรู้ปแบบการพฒันาวชิาชีพครูเพือ เสริมสร้างสมรรถนะการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล .........

    341

    37 ผลการเปรียบเทียบพฒันาการทางดา้นความสามารถในการออกแบบ หน่วยการเรียนรู้/แผนการเรียนรู้ทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล

    345

    38 ผลการเปรียบเทียบผลการทดสอบความรู้ เรือง การพฒันาการเรียนการสอนเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคลดว้ยกระบวนการวิจยั ……………………………

    346

    39 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนงานวจิยั/วจิยัในชนัเรียน เพือพฒันาการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ...........

    354

    40 ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการจดัการเรียนการสอนทีเนน้ความ แตกต่างระหวา่งบุคคล ………..…………………..………………………………………

    361

    41 ผลการเปรียบเทียบการประเมินตนเองของครูทีสะทอ้นการจดัการเรียน การสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ..........................................

    378

    42 ผลการเปรียบเทียบการประเมินทกัษะการคิดของนกัเรียน ......................... 383

  • บทท ี 1

    บทนํา

    ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา

    การศึกษามีความสําคัญต่อการพฒันาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและการพฒันาประเทศ และทรงถือวา่ “การศึกษาเป็นกระบวนการพฒันาชีวิตมนุษย์” ดงักระแสพระราชดาํรัส และพระบรมราโชวาทซึงไดพ้ระราชทานไว ้ณ โอกาสต่าง ๆ ทีอญัเชิญมาบางตอนความวา่

    “...การพัฒนาให้ประชาชนทัวไป มีความอยู่ ดีกินดี มีความมันคงด้วยการให้การศึกษา การศึกษาเป็นเครืองมือสําคัญในการพัฒนาบุคคลให้มีคุณภาพ ให้เป็นทรัพยากรทางปัญญาทีมีค่าของชาติ...”

    “...งานด้านการศึกษา เป็นงานสําคัญทีสุดอย่างหนึงของชาติ เพราะความเจริญและ ความเสือมของชาตินัน ขึนอยู่กับการศึกษาของพลเมือง เป็นข้อใหญ่...” การเรียนรู้ในศตวรรษที 21 เมือเปรียบเทียบกบัการเรียนรู้ในศตวรรษที 20 แตกต่างกนัมากเพราะการเรียนรู้ในศตวรรษที 21 มุ่งเน้นให้คนลดการเรียนรู้ทางด้านวิชาการลงแต่ไปเพิม การพฒันาทกัษะต่าง ๆ มากขึน ทงัดา้นทกัษะในการใชชี้วิต ทกัษะการคิด และการใช้เทคโนโลยีเพือการเรียนรู้ (ICT) สภาวการณ์เปลียนแปลงของโลกปัจจุบนั ทีนานาประเทศทวัโลกตอ้งใช ้ กลยุทธ์ต่าง ๆ ทงัด้านความร่วมมือ และการแข่งขนัด้านคุณภาพของสินคา้และบริการ เพือความ อยูร่อดและผลประโยชน์ของประเทศ โดยเฉพาะการกา้วสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ทีมีการเปิดเสรีดา้นการคา้และบริการ เป็นเหตุผลสําคญัประการหนึงทีประเทศทวัโลกตอ้งเร่งพฒันากาํลงัคนให้มีคุณภาพเทียบมาตรฐานสากล สําหรับประเทศไทยในช่วงทีผ่านมา พบว่า สถานการณ์ด้าน การผลิตและพัฒนากําลังคนย ังมีปัญหาอยู่มาก การผลิตกําลังคนส่วนใหญ่ย ังเป็นไปตามความสามารถในการผลิตของสถานศึกษา กาํลังคนระดับอาชีวศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงานน้อย ทาํให้ประเทศขาดกาํลงัคนระดบักลางเพิมขึน สําหรับดา้นคุณภาพกาํลงัคน พบว่า กาํลงัคนทีผลิตได้ขาดคุณลักษณะทงัด้านความรู้และทกัษะทีจาํเป็น นอกจากนียงัพบปัญหาในเชิงระบบ เช่น ขาดระบบกลไกในการประสานความร่วมมือระหว่างฝ่ายผลิต ฝ่ายผูใ้ช้ขาดความร่วมมือและ การประสานระหว่างภาครัฐดว้ยกนัเองและกบัภาคเอกชน ขาดฐานขอ้มูลกาํลงัคนทีเชือมโยงกนั ทงัระบบ ขาดการกาํหนดมาตรฐานอาชีพและวิชาชีพ เป็นตน้ (สํานกังานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2554 : คาํนาํ) ความเปลียนแปลงของโลกปัจจุบนัและอนาคตมีแนวโนม้การแข่งขนัทวีความรุนแรง

    1

  • 2

    มากขึน มีการยา้ยฐานการผลิตหลายดา้นไปลงทุนในตลาดต่างประเทศทีมีค่าจา้งราคาถูกกวา่ ทาํให้สถานการณ์ความต้องการกาํลังคนมีการเปลียนแปลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันประเทศไทย ก็ต้องการยกระดับผลิตภาพสินค้าและบริการให้สูงขึน และใช้นวตักรรมมากขึน แต่กาํลังคน ของประเทศไทยยงัไม่สามารถยกระดบัความรู้และทกัษะการทาํงานของตนไดเ้ท่าทีควร รวมทงั มี ก า รข าดแคลนกําลัง คนในบางสาขา /ระดับ และ เ กินความต้องก ารในบางสาขา / ระดบัขาดมาตรฐานการประเมินสมรรถนะและทกัษะการทาํงานของกาํลงัคนของประเทศทีเป็นบรรทดัฐาน และสามารถเทียบเคียงมาตรฐานสากลของนานาชาติได้ (สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2554 : คาํนํา) การกาํหนดให้วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม นับเป็นความกา้วหนา้ของวชิาชีพทางการศึกษา และเป็นการยกระดบัมาตรฐานวิชาชีพให้สูงขึน อนัจะเป็นผลดีต่อผูรั้บบริการทางการศึกษาทีจะไดรั้บการศึกษาอยา่งมีคุณภาพและมีมาตรฐานทีสูงขึนดว้ยซึงจะทาํใหว้ชิาชีพและผูป้ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาไดรั้บความเชือถือ ศรัทธา มีเกียรติและศกัดิศรีในสังคม (สาํนกังานเลขาธิการคุรุสภา, 2548)

    การจดัการศึกษาของไทยในปัจจุบนัยงัไม่สอดคลอ้งกบัความตอ้งการของบุคคล สังคมและประเทศ เมือตอ้งเผชิญกบักระแสความคาดหวงัของสังคมทีจะให้การศึกษามีบทบาทในการเตรียมคนให้พร้อมสําหรับการแข่งขนัในสังคมโลกดว้ยแลว้ ก็ยิงเห็นสภาพความสับสน ความลม้เหลว และความล้าหลงัทีเป็นปัญหาของการศึกษามากขึน และวิกฤติทีสําคญัของการศึกษานอกจากนี อาจกล่าวถึงได้อีกคือ วิกฤติของผูเ้รียน กล่าวคือ ผูเ้รียนมีความทุกข์เนืองจากเนือหาทีเรียน ไม่สอดคลอ้งกบัความเป็นจริงในชีวิตประจาํวนัตอ้งจาํใจเรียนสิงทีไกลตวั ตอ้งสร้างจินตนาการดว้ยความยากลาํบาก และตอ้งท่องจาํตลอดเวลา ขาดการเชือมโยงความรู้ทีไดจ้ากการเรียนมาใช้ปฏิบติัในชีวติประจาํวนั ทาํใหเ้กิดความสับสน ผลทีเกิดขึนคือ มีเจตคติทางลบต่อการเรียน และเป็นปัญหาของสังคม เช่น ฆ่าตวัตาย เป็นคนเกเรหนีโรงเรียน สร้างปมเด่นในทางทีผิด และติดยาเสพติด (รุ่ง แกว้แดง, 2543) ดงันนักระบวนการเรียนรู้ ถือไดว้า่เป็นกระบวนการทีก่อให้เกิดความเจริญงอกงามของแต่ละบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวฒันธรรม การสร้างสรรคจ์รรโลงความกา้วหนา้ทางวชิาการ การสร้างองคค์วามรู้อนัเกิดจากการจดัสภาพแวดลอ้ม สังคม การเรียนรู้และปัจจยัเกือหนุนให้บุคคลเรียนรู้อยา่งต่อเนืองตลอดชีวิต และการจดัการศึกษา มีหลกัการสําคญัว่าผูเ้รียนทุกคนมีความสามารถทีจะเรียนรู้และพฒันาตนเองได้และถือวา่ผูเ้รียนสาํคญัทีสุด (พระราชบญัญติัการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542, มาตรา 4, มาตรา 22)

    กระบวนการจดัการศึกษาตอ้งส่งเสริมให้ผูเ้รียน สามารถพฒันาตนเองตามธรรมชาติ และเต็มตามศกัยภาพตอบสนองความตอ้งการความสนใจของผูเ้รียน ในการจดักระบวนการเรียนรู้ใหก้บัผูเ้รียนนนั ครูจะตอ้งจดัเนือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคลอ้งกบัความสนใจ ความถนดัและ

  • 3

    ความแตกต่างของผูเ้รียน เนน้การฝึกทกัษะกระบวนการคิด การจดัการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ใช้ เพือป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ผูเ้รียน เรียนรู้จากประสบการณ์การจริง ฝึกการปฏิบติัให้ทาํได้ คิดเป็น ทาํเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อยา่งต่อเนือง รวมทงัปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยม และคุณลกัษณะอนัพึงประสงคไ์วใ้นทุกวิชา (พระราชบญัญติัการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542, มาตรา 24 และสมใจ ทองเรือง, 2546 : 72) นอกจากนีนกัวิชาการศึกษาคนอืน ๆ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ระบบการศึกษาไทยในปัจจุบนั (วิวฒัน์ ขตัติยะมาน, 2549 : 52 และ พวงรัตน์ บุญญานุรักษ์, 2544 : 5-7) ทาํให้ไดข้อ้สรุปเกียวกบัสภาพปัญหาดา้นการศึกษาทีสําคญัคล้ายคลึงกนั ได้แก่ ด้านผูส้อนและวิธีการสอน กล่าวคือ ผูส้อนมุ่งสอนแต่เนือหาวิชาเป็นหลัก ทงัยงัเป็นผูก้าํหนดทุกสิงทุกอย่างในการเรียนการสอน ส่วนวิธีการสอนนันมุ่งเน้นทีการสอนหนงัสือมากกวา่การสอนคน เพราะยดึวชิาเป็นตวัตงัมากกวา่ยดึผูเ้รียนเป็นตวัตงั พฤติกรรมการสอนเป็นไปอยา่งจาํเจ และเนน้พฤติกรรมถ่ายทอดป้อนขอ้มูลใหจ้าํเป็นส่วนใหญ่ การฝึกปฏิบติั ฝึกคิดใช้ความรู้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทงัการอบรมบ่มนิสัยด้านคุณธรรม จริยธรรม มีน้อยกว่าการท่องบ่นเนือหา จึงทาํให้ผูเ้รียนขาดคุณลักษณะช่างสงสัยหรือใฝ่รู้ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่กลา้คิด ไม่กลา้ปฏิบติั และมองไม่เห็นความสําคญัของการเรียนรู้ตลอดชีวิตเช่นกนั ซึงสอดคล้องกบั จากการประเมินผลการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ระดบัการศึกษา ขนัพืนฐานของโรงเรียนซบัใหญ่วทิยาคม โดยสํานกังานรับรองมาตรฐานทางการศึกษา รอบทีหนึง (พ.ศ.2544 - 2548) พบวา่ มาตรฐานดา้นผูเ้รียนไม่ไดม้าตรฐาน ตวับ่งชี ไดแ้ก่ 1. ความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ 2. ความรู้และทกัษะทีจาํเป็นตามหลกัสูตร 3. ทกัษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้ และพฒันาตนเองอย่างต่อเนือง 4. ทกัษะในการทาํงาน รักการทาํงาน สามารถทาํงานร่วมกบัผูอื้นได้ และมีเจตคติทีดีต่ออาชีพสุจริต จะเห็นได้ว่าผลการประเมินของสํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาผูเ้รียนในระบบการศึกษาส่วนใหญ่ยงัไม่ไดผ้ลสัมฤทธิตามเป้าหมาย และยงัสอดคลอ้งกบัผลการประเมินในรอบทีสอง (2549 - 2552) มาตรฐานที 4 ผูเ้รียนมีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองและมีวิสัยทศัน์ พบว่า นักเรียนในระบบการศึกษาส่วนใหญ่ยงัไม่ได้ผลสัมฤทธิตามเป้าหมายเหมือนในการประเมินในรอบที 1 ดงันนัจะเห็นไดว้า่หลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขนัพืนฐาน พุทธศกัราช 2551 มีจุดหมายในการมุ่งพฒันาคนไทย คือให้เป็นคนมีปัญญา (มีความรู้และมีความคิด) โดยไดก้าํหนดจุดหมาย ซึงถือวา่เป็นมาตรฐานการเรียนรู้ดา้นความคิดไว้คือ ให้มีความคิดสร้างสรรค์ มีทกัษะการคิด จากการพิจารณาถึงมาตรฐานการเรียนรู้ดา้นการคิดทีได้กาํหนดไวใ้นสาระการเรียนรู้กลุ่มต่าง ๆ ของทุกระดับชันแล้ว จากความคาดหวงัทีกล่าวว่า คุณภาพของนกัเรียนเมือเรียนจบชนัมธัยมศึกษาปีที 6 แลว้ นกัเรียนจะมีความสามารถในการคิด

  • 4

    วิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล และคิดเป็นระบบ อันเป็นลักษณะอันพึงประสงค์ ประการหนึงทีถือว่าเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายทีกาํหนดไวข้องหลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขนัพืนฐาน จากการกาํกับ ติดตาม และนิเทศการปฏิบติังานของโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคม ซึงเป็นโรงเรียนตน้แบบตามโครงการการขบัเคลือนทกัษะการคิดสู่ห้องเรียน และโครงการการพฒันานวตักรรมการเรียนการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล รวมระยะเวลาทีเขา้ร่วมโครงการทงัสิน 9 ปี พบวา่ ครูส่วนใหญ่มีการพฒันาและปรับปรุงนวตักรรมทีใชใ้นการจดัการเรียนการสอนอย่างต่อเนือง แต่ยงัมุ่งเน้นการพัฒนานวตักรรมประเภทเอกสารประกอบการสอน ใบงาน ใบความรู้ สือ Power point E - book คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพลง เกม นิทาน มาใช้ในการจดั การเรียนการสอน หรือนวตักรรมทีใชป้ระกอบการขอผลงานทางวชิาการ และยงัพบวา่ครูส่วนใหญ่ใช้วิธีการวิเคราะห์นกัเรียนจากผลการบนัทึกหลงัการสอน หรือผลสัมฤทธิทางการเรียนทีไดจ้ากการทดสอบ ดงันนัในการพฒันาการเรียนการสอนทีเนน้ความแตกต่างระหวา่งบุคคล ตอ้งมุ่งเนน้ให้ครูมีความรู้ความเขา้ใจและความสามารถในการวิเคราะห์ผูเ้รียน กลยุทธ์การเรียนการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล ซึงประกอบด้วย รูปแบบ เทคนิค วิธีการสอนทีเน้นความแตกต่างระหวา่งบุคคล เพือให้ครูสามารถปรับเปลียนวิธีการสอนแบบเดิม ๆ ไปสู่วิธีการสอนแบบใหม่ ๆ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการว ัดผลประเมินผล ทีจะต้องสนอง ความตอ้งการระหวา่งบุคคล และการพฒันาความรู้ความเขา้ใจและความสามารถในการพฒันาการเรียนการสอนทีเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วยกระบวนการวิจัยทีมีความสัมพันธ์กับสมรรถนะสําคญัของผูเ้รียนตามหลกัสูตรแกนกลางการศึกษาขนัพืนฐานพุทธศกัราช 2551 จาํนวน 5 ดา้น คือ 1. ความสามารถในการสือสาร เป็นความรู้สึกและทศันะของตนเองเพือแลกเปลียนขอ้มูลข่าวสารและประสบการณ์อนัจะเป็นประโยชน์ต่อการพฒันาตนเองและสังคม รวมทงัการเจรจาต่อรอง เพือขจดัและลดปัญหาความขดัแยง้ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับขอ้มูลข่าวสาร ดว้ยหลกัเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสือสารทีมีประสิทธิภาพโดยคาํนึงถึงผลกระทบทีมีต่อตนเองและสังคม ซึงสอดคล้องกบั ICT Literacy 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และ การคิดเป็นระบบ เพือนาํไปสู่การสร้างองคค์วามรู้หรือสารสนเทศเพือการตดัสินใจเกียวกบัตนเองและสังคมไดอ้ยา่งเหมาะสม ซึงสอดคลอ้งกบั Learning Thinking Skills 3. ความสามารถในการแกปั้ญหา เป็นความสามารถในการแกปั้ญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทีเผชิญไดอ้ยา่งถูกตอ้งเหมาะสมบนพืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และ การเปลียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม การแสวงหาความรู้ การประยุกต์นาํความรู้มาใชใ้น

  • 5

    การป้องกนัและแก้ไขปัญหา ใช้การตดัสินใจทีมีประสิทธิภาพโดยคาํนึงถึงผลกระทบทีเกิดขึน ต่อตนเอง สังคมและสิงแวดลอ้ม สอดคลอ้งกบั Life skill 4. ความสามารถในการใช้ทกัษะชีวิต เป็นความสามารถในการนาํกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาํเนินชีวิตประจาํวนั การเรียนรู้ดว้ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนือง การทาํงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพนัธ์อนัดีระหว่างบุคคล การจดัการปัญหาและความขดัแยง้ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวัให้ทนักับการเปลียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จกัหลีกเลียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทีส่งผลกระทบต่อตนเองและผูอื้น สอดคล้องกับ Life skill 5. ความสามารถในการใชเ้ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีดา้นต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพือการพฒันาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสือสาร การทาํงาน การแกปั้ญหาอยา่งสร้างสรรค ์ถูกตอ้ง เหมาะสม และมีคุณธรรม สอดคลอ้งกบั ICT Literacy

    การเรียนการสอนทีเน้นผูเ้รียนเป็นสําคญัจึงเกิดขึนจากพืนฐานความเชือทีว่า เป้าหมาย ทีสาํคญัทีสุดของการจดัการศึกษา คือ การจดัให้ผูเ้รียนแต่ละคนเกิดการเรียนรู้และพฒันาตนเองได้สูงสุดตามศักยภาพของตน แนวคิดเกียวกับการจัดการเรียนการสอนทีเน้นผู ้เรียนเป็นสําคัญ มีลกัษณะการให้ความสําคญักบัผูเ้รียน ผูเ้รียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ข�