Upload
others
View
9
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
7-1
หน่วยที่7
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
อาจารย์อัชพรจารุจินดา
ชื่อ อาจารย์อัชพรจารุจินดา
วุฒิ น.บ.,น.บ.ท.
ตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หน่วยที่เขียน หน่วยที่7
7-2
แผนผังแนวคิดหน่วยที่7
7.1.1ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐ
7.1.2ความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.1.3สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.2.1เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญในอดีต
7.2.2เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)
แนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ
7.1ความหมายของ
แนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ
7.2ขอบเขตของ
แนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ
7-3
หน่วยที่7
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
เค้าโครงเนื้อหาตอนที่7.1 ความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.1.1 ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.1.2 ความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.1.3สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ตอนที่7.2 ขอบเขตของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
7.2.1 เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญในอดีต
7.2.2 เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)
แนวคิด1. แนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐั(StatePolicy)เปน็กรอบพืน้ฐานในการบรหิารราชการแผน่ดนิ
ของรัฐบาลที่ทุกรัฐบาลมีพันธะจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางที่บทบัญญัติของ
รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดนโยบายหรือการตรากฎหมายต่างๆเพื่อ
รองรับหลักการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ซึ่งโดยปกติจะกำหนดในเรื่องสำคัญของประเทศ
และความเป็นอยู่ของประชาชน และแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมิใช่แนวนโยบายของ
รัฐบาลคณะใดคณะหนึ่ง(GovernmentPolicy)ซึ่งสามารถกำหนดให้เปลี่ยนแปรไปได้
ตามความประสงค์ของพรรคการเมืองและรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศแต่แนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐจะไม่ผันแปรไปตามพรรคการเมืองและรัฐบาล โดยจะเป็นแนวทางขั้น
พื้นฐานที่ทุกรัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามและทำให้เกิดขึ้นจริงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
และจะกำหนดนโยบายหรือปฏิบัติที่ขัดแย้งกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมิได้
2. โดยที่รัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้ถูกยกเลิกและมีการตราขึ้นใหม่หลายครั้ง แต่
บทบัญญัติเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐยังคงมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
ทกุครัง้เพือ่ให้เปน็แนวทางพืน้ฐานให้รฐับาลและรฐัสภาปฏบิตัิตามโดยถอืเปน็หลกัประกนั
ให้รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติมิให้ล่วงละเมิดต่อหลักการที่กำหนดไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐและในขณะเดียวกันรัฐบาลมีหน้าที่ต้องผลักดันให้การปฏิบัติตามแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐบังเกิดผลขึ้นแต่จากการที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หลายครั้งทำให้
7-4
แนวความคิดในการบัญญัติแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีการ
พัฒนาไปตามสภาพความต้องการของสังคมในขณะที่มีการตรารัฐธรรมนูญแต่ละครั้ง
วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาหน่วยที่7จบแล้วนักศึกษาสามารถ
1.อธิบายความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ทั้งที่มาและวัตถุประสงค์ในการ
บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญความสำคัญและสภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่ง
รัฐได้
2.อธิบายการพัฒนาการบัญญัติแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับได้
กิจกรรม1.กิกรรมการเรียน
1)ศึกษาแผนผังแนวคิดหน่วยที่7
2)อ่านแผนการสอนประจำหน่วยที่7
3)ทำแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่7
4)ศึกษาเนื้อหาสาระจาก
4.1)แนวการศึกษาหน่วยที่7
4.2)หนังสือประกอบการสอนชุดวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง
ชั้นสูง
5)ปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่องตรวจสอบกิจกรรมจากแนวคำตอบ
6)ทำแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่7
2.งานที่กำหนดให้ทำ
1)ทำแบบฝึกหัดทุกข้อที่กำหนดให้ทำ
2)อ่านเอกสารเพิ่มเติมจากบรรณานุกรม
7-5
แหล่งวิทยาการ1.สื่อการศึกษา
1)แนวการศึกษาหน่วยที่7
2)หนังสือประกอบการสอนชุดวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองชั้นสูง
2.1)รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
2.2)วษิณ ุเครอืงาม(2530)กฎหมายรฐัธรรมนญูกรงุเทพฯสำนกัพมิพ์นติิบรรณ-
การ
2.3)บุญศรีมีวงศ์อุโฆษ(2552)กฎหมายรัฐธรรมนูญโครงการตำราและเอกสาร
ประกอบการสอนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พิมพ์ครั้งที่3
กรุงเทพฯ
2.4)วริชัวริชันภิาวรรณ(2542)วเิคราะห์เปรยีบเทยีบรฐัธรรมนญูแหง่ราชอาณาจกัร
ไทยพุทธศักราช 2540กับรัฐธรรมนูญฉบับสำคัญกรุงเทพฯสำนักพิมพ์
นิติธรรม
2.5)สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2551) แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
กรุงเทพฯสำนักการพิมพ์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
2.6)สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (2550) เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 กรุงเทพฯสำนักการพิมพ์สำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
2.7)อมรรกัษาสตัย์(2541)รฐัธรรมนญูฉบบัประชาชนพรอ้มบทวจิารณ์กรงุเทพฯ
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2.8)ชาติชัยเดชสุริยะและมานิตย์จุมปา(2541)รัฐธรรมนูญของเรากรุงเทพฯ
โรงพิมพ์เดือนตุลา
2.9)รติกร เจือกโว้นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ http:///www.thaipolitics-
govenment.org.
2.หนังสือตามที่อ้างไว้ในบรรณานุกรม
การประเมินผลการเรียน1.ประเมินผลจากการสัมมนาเสริมและงานที่กำหนดให้ทำในแผนกิจกรรม
2.ประเมินผลจากการสอบไล่ประจำภาคการศึกษา
7-6
แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน
วัตถุประสงค์ เพือ่ประเมนิความรู้เดมิในการเรยีนรู้ของนกัศกึษาเกีย่วกบัเรือ่ง“แนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐั”
คำแนะนำ อ่านคำถามต่อไปนี้แล้วเขียนคำตอบลงในช่องว่างที่กำหนดให้ นักศึกษามีเวลาทำแบบ
ประเมินผลตนเองชุดนี้30นาที
1.นักศึกษามีความเข้าใจความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐอย่างไร
2.“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”กับ“นโยบายของรัฐบาล”ต่างกันอย่างไร
7-7
3.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมีความสำคัญอย่างไร
4.สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นอย่างไร
5.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550) มีความแตกต่างจาก
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับอื่นๆอย่างไร
7-8
ตอนที่7.1
ความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
โปรดอ่านแผนการสอนประจำตอนที่7.1แล้วจึงศึกษาสาระสังเขปพร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
หัวเรื่องเรื่องที่7.1.1ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
เรื่องที่7.1.2ความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
เรื่องที่7.1.3สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
แนวคิด1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ คือ นโยบายหลักของประเทศซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
เพื่อให้รัฐบาลหรือรัฐสภามีหน้าที่นำไปดำเนินการกำหนดนโยบายหรือตรากฎหมาย
2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นการแสดงหลักการสำคัญของการบริหารประเทศที่เป็น
นโยบายกลางที่ถาวร เพื่อให้รัฐมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนที่
ได้รับการบริการตามหลักประกันที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
3. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นเจตจำนงที่รัฐธรรมนูญกำหนดขึ้น เพื่อให้รัฐปฏิบัติ
รัฐจึงมีหน้าที่ต้องชี้แจงต่อรัฐสภาว่าจะดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเรื่องใด
ในเวลาใด และต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินและแผนการตรากฎหมายให้
สอดคล้องกัน
วัตถุประสงค์เมื่อศึกษาตอนที่7.1จบแล้วนักศึกษาสามารถ
1. อธิบายความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้
2. อธิบายความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้
3. อธิบายสภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้
7-9
เรื่องที่7.1.1ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
สาระสังเขป1.ความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ(StatePolicy)
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐซึ่งเป็นถ้อยคำที่ใช้ในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540และพ.ศ.2550นั้น มี
ความหมายเดียวกับแนวนโยบายแห่งรัฐซึ่งเป็นถ้อยคำที่ใช้ในรัฐธรรมนูญเดิมฉบับก่อนหน้านั้นซึ่งได้มีการ
ให้ความหมายไว้หลายประการคือ
(1)แนวนโยบายแห่งรัฐหมายถึงนโยบายหลักซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นแนวทางที่รัฐบาล
จะต้องปฏิบัติตาม เหตุที่ต้องมีการกำหนดไว้เกิดขึ้นเพราะมีความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ
การเมือง จึงเกรงกันว่ารัฐสภาอาจออกกฎหมาย และรัฐบาลอาจบริหารราชการแผ่นดินผิดไปจากปรัชญา
อุดมการณ์ และแนวทางที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องการด้วยเหตุนี้ จึงกำหนดขึ้นเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ ซึ่ง
กำหนดไว้กว้างๆ เพื่อให้ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองนั้นหรือรัฐบาลนั้นจะ
กำหนดนโยบายของรัฐบาลหรือกระทำการให้เป็นการขัดแนวนโยบายแห่งรัฐมิได้ดังนั้นแนวนโยบายแห่งรัฐ
จึงเป็นความหวังหรือความตั้งใจของผู้ร่างรัฐธรรมนูญว่ารัฐบาลควรจะวางหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน
และรัฐสภาควรจะออกกฎหมายมาในรูปลักษณะใด
(2)แนวนโยบายแห่งรัฐหมายถึงแนวนโยบายขั้นพื้นฐานที่รัฐฝ่ายบริหารหรือองค์กรของรัฐจะต้อง
ดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน
(3)แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐหมายถึงหลักการแห่งนโยบายหลักซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญให้
รฐัจะตอ้งปฏบิตัิตามกลา่วคอืไม่วา่รฐับาลชดุใดจะเขา้มาบริหารประเทศรฐับาลก็มีพนัธะกรณีที่จะตอ้งปฏบิตัิ
ตามแนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐัแนวนโยบายแหง่รฐัจงึไม่เปลีย่นแปลงไปตามรฐับาลหากแต่เปน็สิง่ที่แนน่อน
อันสะท้อนเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้รัฐบาลต้องดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
(4)แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐหมายถึงแนวนโยบายหลักของรัฐหรือประเทศเพื่อเป็นกรอบหรือ
แนวทางที่กำหนดในรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นภารกิจของรัฐที่ต้องดำเนินการแก่ประชาชน เป็นกรอบหรือ
แนวทางในการตรากฎหมายและกำหนดนโยบาย ซึ่งมิใช่แนวนโยบายของรัฐบาลคณะใดคณะหนึ่ง ในขณะ
ที่แนวนโยบายของรัฐบาลเปลี่ยนไปได้ตามพรรคการเมืองและคณะรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ แต่แนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะไม่ผันแปรไปตามพรรคการเมืองและคณะรัฐบาลและเป็นแนวทางขั้นพื้นฐานที่ทุก
รัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามและทำให้เกิดขึ้นจริง
ความหมายต่างๆ ข้างต้นมีความหมายในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจสรุปได้ว่า แนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐหมายถึงกรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิด
ความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของ
รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนด
ไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและจะไม่ผันแปรไปตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
7-10
2.การเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญต่างประเทศ
บทบัญญัติเกี่ยวกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมีบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญของเกือบทุกประเทศ
แต่ส่วนใหญ่จะกำหนดเฉพาะหลักการใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงลักษณะการปกครองประเทศที่ไม่ต้องการให้มีการ
เปลี่ยนแปลงและบัญญัติไว้เป็นมาตราเฉพาะแต่ละเรื่อง โดยไม่กำหนดเป็นหมวดหมู่ซึ่งบางครั้งทำให้ยาก
ที่จะทำความเข้าใจว่าเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพหรือเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ เช่นในประเทศฝรั่งเศสที่ได้บัญญัติไว้ในArticle1ที่ว่า“ประเทศฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐ
อันหนึ่งอันเดียวที่มีระบอบการปกครองภายใต้หลักทางโลกหลักประชาธิปไตย และหลักสังคมซึ่งจะ
ต้องประกันความเท่าเทียมกันของประชาชนภายใต้กฎหมาย โดยไม่มีการแบ่งแยกกันในทางแหล่งกำเนิด
เชือ้ชาติหรอืศาสนาตลอดจนการเคารพความเชือ่ของทกุๆคนและให้มีการจดัระเบยีบในรปูแบบการกระจาย
อำนาจ” หรือเป็นแนวนโยบายทางเศรษฐกิจหรือสังคมที่ต้องการกำหนดไว้เป็นกรอบในการบริหารประเทศ
เช่นในประเทศเดนมาร์กได้บัญญัติไว้ในSection43ที่ว่า“การกำหนดเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกภาษีอากร
จะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่บัญญัติไว้ในกฎหมายเช่นเดียวกันนอกจากนี้การบังคับให้ชายใดรับราชการ
ทหารหรือการก่อหนี้สาธารณะจะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่บัญญัติไว้ในกฎหมายเช่นเดียวกัน”Section44
ที่ว่า“(1)การแปลงสัญชาติบุคคลต่างด้าวจะกระทำได้เฉพาะที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย(2)ขอบเขตของสิทธิ
บุคคลต่างด้าวในการมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ”และSection76
ที่ว่า“ให้เด็กที่อยู่ในวัยโรงเรียนมีสิทธิได้รับการศึกษาในโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ในการนี้ บิดามารดาหรือผู้ปกครองซึ่งจัดให้บุตรหรือเด็กที่อยู่ในปกครองของตนได้รับการศึกษาในระดับ
ที่เทียบเท่ากับมาตรฐานโรงเรียนสามัญระดับประถมศึกษาไม่จำต้องจัดให้บุตรหรือเด็กที่อยู่ในปกครองนั้น
เข้าเรียนในโรงเรียนระดับประถมศึกษา” เป็นต้น แต่จะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่แยกบัญญัติไว้เป็นหมวดหนึ่ง
โดยเฉพาะดังเช่นรัฐธรรมนูญของประเทศไทย รัฐธรรมนูญของประเทศสเปนที่บัญญัติแยกไว้ในChapter
4PrinciplesGoverningEconomicandSocialPolicyรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดียที่บัญญัติไว้ใน
PartIVDirectivePrinciplesofStatePolicyประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่บัญญัติไว้ในChapter3Social
Objectivesและประเทศบราซิลที่บัญญัติไว้ในTitleIFundamentalPrinciplesเป็นต้นอย่างไรก็ตาม
บทบัญญัติในเรื่องเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันในความเข้าใจและความคิดในการร่างรัฐธรรมนูญรวมทั้งการ
จัดหมวดหมู่ของรัฐธรรมนูญซึ่งอาจแตกต่างกันตามที่เห็นเหมาะสม
3.ความเป็นมาของการบัญญัติแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญ
การกำหนดหลักการเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้เริ่มนำมาบัญญัติไว้เป็นครั้งแรกใน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2492)โดยใช้ชื่อหมวดว่า “แนวนโยบายแห่งรัฐ” ซึ่งสภาร่าง
รัฐธรรมนูญในขณะนั้นได้นำแนวความคิดมาจากรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดีย ซึ่งได้กำหนดแนว
นโยบายให้รัฐส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชนคุ้มครองแรงงาน การจัดให้มีการศึกษาภาคบังคับและยก
ระดับมาตรฐานการครองชีพมาใช้เป็นแนวทางโดยได้พิจารณาเห็นว่า เมื่อรัฐธรรมนูญได้กำหนดเรื่องสิทธิ
เสรีภาพและหน้าที่ของปวงชนชาวไทยแล้วก็ควรมีบทบัญญัติที่กำหนดหน้าที่ของรัฐไว้ด้วย เพื่อประโยชน์
ของประชาชนและแสดงอุดมการณ์ของชาติให้มีความมั่นคงในการปกครองประเทศ โดยกำหนดแนวทาง
7-11
ใหญ่ๆที่เป็นภารกิจหลักสำคัญๆของรัฐที่พึงปฏิบัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นหมวดที่ชื่อว่า “แนวนโยบายแห่ง
รัฐ” เพื่อให้เป็นนโยบายกลางที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามพรรคการเมืองหรือรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ
ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายของคณะรัฐมนตรีแต่ละคณะมีความต่อเนื่องกัน และแนวทางในการกำหนดเป็น
หลักการของแนวนโยบายแห่งรัฐนี้ได้บัญญัติต่อมาในรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2475 (แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2495)
รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2511 รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2517 รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2521 รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2534ซึ่งใน
เนื้อหาสาระได้มีการเปลี่ยนแปลงในการตรารัฐธรรมนูญแต่ละฉบับตามที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญเห็นสมควรหรือ
ตามข้อเรียกร้องของประชาชนในขณะที่ตรารัฐธรรมนูญจนต่อมาในการจัดทำรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540สภา
ร่างรัฐธรรมนูญได้เปลี่ยนชื่อหมวดนี้เสียใหม่โดยใช้ถ้อยคำว่า“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”เพื่อให้มีความ
เข้าใจชัดเจนว่าเป็นแนวนโยบายพื้นฐานไม่ใช่นโยบายทั่วไปของแต่ละรัฐบาลที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาล
เวลาและสถานการณ์และรัฐบาลมีหน้าที่พึงจะต้องดำเนินการให้แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐบังเกิดผลอย่าง
จริงจัง ด้วยการต้องรายงานต่อรัฐสภาว่าได้ดำเนินการไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามที่กำหนดไว้
ในรัฐธรรมนูญได้เพียงใดและในการตรารัฐธรรมนูญพ.ศ.2550ก็ยังคงใช้คำเดิมว่า“แนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐ”
4.ความแตกต่างระหว่าง“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”กับ“นโยบายรัฐบาล”
“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” เป็นบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในหมวด5ตั้งแต่มาตรา75ถึงมาตรา
87โดยกำหนดความมุ่งหมายไว้ในมาตรา75ว่าบทบัญญัติในหมวดว่าด้วยแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็น
เจตจำนงให้รัฐดำเนินการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยในการแถลง
นโยบายต่อรัฐสภาคณะรัฐมนตรีต้องชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดแจ้งว่าจะดำเนินการใดในระยะเวลาใดเพื่อบริหาร
ราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและในมาตรา76รัฐจะต้องจัดทำแผนการบริหาร
ราชการแผ่นดินและแผนการตรากฎหมายที่สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐด้วย
ส่วนนโยบายของรัฐบาลนั้นได้มีบัญญัติไว้ในมาตรา 176 ของรัฐธรรมนูญว่า คณะรัฐมนตรีที่จะ
เข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และชี้แจงการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐโดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ
ดังนั้น แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐกับนโยบายของรัฐบาลจึงมีความแตกต่างกัน โดยแนวนโยบาย
พืน้ฐานแหง่รฐัได้มีการกำหนดเปน็หลกัการแนน่อนถาวรในเรือ่งตา่งๆไว้ในรฐัธรรมนญูแลว้และรฐับาลมหีนา้ที่
ต้องปฏิบัติตามโดยไม่อาจกำหนดเป็นอย่างอื่น รวมทั้งมีหน้าที่ชี้แจงต่อรัฐสภาว่าจะดำเนินการให้เป็นผล
อยา่งไรในเวลาใดสว่นนโยบายของรฐับาลเปน็การแสดงความประสงค์ในการบรหิารประเทศของรฐับาลในชว่ง
เวลาการบริหารประเทศของรฐับาลวา่รฐับาลจะมนีโยบายดำเนินการในเรือ่งใดบ้างเพือ่ให้รฐัสภารับทราบและ
ตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลนโยบายของรัฐบาลจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการบริหารประเทศของ
รัฐบาลแต่ละคณะอย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติการกำหนดนโยบายของรัฐบาลอาจเป็นการกำหนดรายละเอียด
การดำเนินการต่างๆที่สอดคล้องกับเรื่องที่กำหนดไว้ในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้
7-12
(โปรดอ่านเนื้อหาสาระโดยละเอียดในหนังสือ)
1. วิษณุเครืองามกฎหมายรัฐธรรมนูญบทที่11บทบัญญัติอื่นๆที่อาจกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
2. สำนกังานเลขาธกิารสภาผู้แทนราษฎรเจตนารมณ์รฐัธรรมนญูแหง่ราชอาณาจกัรไทยพทุธศกัราช
2550หมวด5แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
3. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
4. ชาติ ชัยเดชสุริยะ และมานิตย์ จุมปา รัฐธรรมนูญของเรา : รัฐธรรมนูญใหม่กับแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐ
5. รติกรเจือกโว้นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
กิจกรรม7.1.1
1.จงอธิบายความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐว่าท่านมีความเข้าใจอย่างไร
2. “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”กับ“นโยบายของรัฐบาล”ต่างกันอย่างไร
บันทึกคำตอบกิจกรรม7.1.1
(โปรดตรวจคำตอบจากแนวตอบในแนวการศึกษาหน่วยที่7ตอนที่7.1กิจกรรม7.1.1)
7-13
เรื่องที่7.1.2ความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
สาระสังเขปแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมีความสำคัญดังนี้
1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นบทบัญญัติที่กำหนดภาระหน้าที่สำคัญของรัฐที่จะต้องปฏิบัติ
ซึ่งครอบคลุมภารกิจที่สำคัญอันเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ และความเป็นอยู่ของ
ประชาชนส่วนรวมในระยะยาวโดยครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในประเทศ
2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นนโยบายกลางขั้นพื้นฐานผูกพันรัฐสภาและรัฐบาลทุกชุดให้ต้อง
ดำเนินนโยบายและปฏิบัติตามกรอบหลักการของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐส่งผลให้กฎหมายและนโยบาย
สำคัญที่เป็นพื้นฐานของการพัฒนาประเทศมีความต่อเนื่องและอำนวยประโยชน์แก่ประชาชน
3. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยโดย
สมบูรณ์เพราะประชาชนจะได้รับหลักประกันในการดำเนินการของรัฐเพื่อประโยชน์ของประชาชนในแนวทาง
ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
4. แนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐัเปน็การแสดงหลกัการบรหิารประเทศของประเทศไทยให้บคุคลทัว่ไป
ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้รับทราบแนวทางการบริหารประเทศที่ชัดเจน
5. แนวนโยบายพื้นฐานของรัฐเป็นเครื่องมือของรัฐสภาที่จะใช้ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
ของรัฐบาลว่าเป็นไปตามแนวทางที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่
(โปรดอ่านเนื้อหาสาระโดยละเอียดในหนังสือ1.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐรติกาเจือกโว้น
2.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร)
กิจกรรม7.1.2
ให้นักศึกษาอธิบายว่าแนวนโยบายแห่งรัฐมีความสำคัญอย่างไร
บันทึกคำตอบกิจกรรม7.1.2
(โปรดตรวจคำตอบจากแนวตอบในแนวการศึกษาหน่วยที่7ตอนที่7.1กิจกรรม7.1.2)
7-14
เรื่องที่7.1.3สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
สาระสังเขป1. สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญเดิมก่อนรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)
ตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2492)เป็นต้นมาซึ่งได้เริ่มมีการบัญญัติเรื่องแนว
นโยบายแห่งรัฐได้บัญญัติในลักษณะเป็นคำแนะนำที่มิใช่เป็นบทบังคับโดยบัญญัติไว้ว่าบทบัญญัติในหมวด
แนวนโยบายแห่งรัฐมีไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการตรากฎหมายและการกำหนดนโยบายและไม่เกิดสิทธิ
ในการฟ้องร้องรัฐ ซึ่งหมายความว่าบทบัญญัติเกี่ยวกับแนวนโยบายแห่งรัฐนี้มีไว้เป็นเพียงแนวทางที่ควร
ต้องปฏิบัติเท่านั้น ถ้ารัฐสภาหรือรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ผู้ใดจะฟ้องร้องบังคับหรือเรียก
ค่าเสียหายมิได้สภาพบังคับที่อาจมีก็จะเป็นเรื่องการดำเนินการในทางการเมือง เช่น เป็นช่องทางให้รัฐสภา
เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้
ต่อมา ในการตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540)นอกจากจะเปลี่ยนชื่อเป็นแนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐแล้วได้เพิ่มสภาพบังคับของบทบัญญัติในหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเพื่อให้
เกิดผลในการนำไปปฏิบัติมากยิ่งขึ้นโดยยังคงหลักการเดิมในเรื่องกำหนดให้เป็นแนวทางในการตรากฎหมาย
และกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ได้ตัดเรื่อง “การไม่ก่อให้เกิดสิทธิในการฟ้องร้องต่อ
รัฐ” ออก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ไม่ต้องการสร้างอุปสรรคขัดขวางหรือปิดกั้นโอกาสของ
ประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมได้ตามเงื่อนไขของสิทธิที่ประชาชนจะพึงมีตามรัฐธรรมนูญนอกจากนี้ ยัง
ได้เพิ่มหน้าที่ของรัฐบาลด้วยว่าในการเข้าบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลต้องชี้แจงต่อรัฐสภาให้ชัดแจ้งว่าจะ
ดำเนินการใดตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและรายงานผลให้รัฐสภาทราบด้วยซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลต้องให้
คำมั่นต่อรัฐสภาว่าในแต่ละปีรัฐบาลจะดำเนินการเรื่องใดที่กำหนดเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐบ้าง
2. สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.
2550)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)ยังคงบัญญัติให้บทบัญญัติในหมวดแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐมีผลใช้ในเรื่องการตรากฎหมายและการกำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินแต่ได้เพิ่ม
สภาพบังคับมากขึ้นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2540)เพื่อให้บทบัญญัติในหมวดนี้มีความ
ศักดิ์สิทธิยิ่งขึ้นและมีผลให้รัฐบาลนำไปดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังนี้
2.1กำหนดให้บทบัญญัติในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็น “เจตนำนง” แทนการบัญญัติ
ให้เป็น “แนวทาง” ตามที่เคยเป็นมาแต่เดิม เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่าเป็นความ
ประสงค์ของรัฐธรรมนูญให้บทบัญญัติในหมวดนี้มีสภาพบังคับที่รัฐบาลหรือรัฐสภาจะต้องดำเนินการตรา
7-15
กฎหมายหรือกำหนดนโยบายให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ โดยไม่อาจละเมิดได้เพราะอาจทำให้การดำเนินการ
นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ
2.2 กำหนดเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีต้องชี้แจงในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ชัดเจน
ว่าการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะดำเนินการใดและในระยะเวลาใดและต้องจัดทำรายงาน
แสดงผลการดำเนินการต่อรัฐสภา
2.3 คณะรัฐมนตรีต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะต้องแสดงมาตรการและ
รายละเอียดของแนวทางการปฏิบัติราชการในแต่ละปีของการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งต้องสอดคล้องกับ
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและต้องจัดทำแผนการตรากฎหมายที่จำเป็นตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
นั้น
3. ความแตกต่างระหว่างสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และมี
ผลบังคับทันทีโดยผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ รัฐมีหน้าที่จะต้องไม่ดำเนินการใดๆ รวมทั้งการตรากฎหมายที่
เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือมีผลเป็นข้อห้ามมิให้รัฐดำเนินการที่เป็นการละเมิด
บทบัญญัติที่กำหนดไว้
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นกรอบหรือแนวทางที่กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการตรากฎหมายหรือ
กำหนดนโยบายให้เป็นไปในแนวทางที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หรือมีผลเป็นการกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้อง
กระทำให้เกิดผลตามรัฐธรรมนูญ
(โปรดอ่านเนื้อหาสาระโดยละเอียดในหนังสือ1.กฎหมายรัฐธรรมนูญบทที่11บทบัญญัติอื่นๆที่
อาจกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญวิษณุเครืองาม2.เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช
2550หมวด5แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร3.แนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร)
กิจกรรม7.1.3
ให้นักศึกษาอธิบายสภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐว่าเป็นอย่างไร
7-16
บันทึกคำตอบกิจกรรม7.1.3
(โปรดตรวจคำตอบจากแนวตอบในแนวการศึกษาหน่วยที่7ตอนที่7.1กิจกรรม7.1.3)
7-17
ตอนที่7.2
ขอบเขตของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
โปรดอ่านแผนการสอนประจำตอนที่7.2แล้วจึงศึกษาสาระสังเขปพร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
หัวเรื่องเรื่องที่7.2.1เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญในอดีต
เรื่องที่7.2.2เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)
แนวคิดรฐัธรรมนญูของประเทศไทยมีการยกเลกิและจดัทำขึน้ใหม่หลายครัง้แต่บทบญัญตัิที่เกีย่วกบั
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐยังคงมีการกำหนดในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ เพื่อให้เป็นแนวทาง
พื้นฐานให้รัฐบาลและรัฐสภาปฏิบัติตามโดยได้มีการพัฒนาเนื้อหาสาระที่แตกต่างกันไปตาม
สภาพความต้องการของสังคมในขณะที่มีการตรารัฐธรรมนูญแต่ละครั้ง
วัตถุประสงค์เมื่อศึกษาตอนที่7.2จบแล้วนักศึกษาสามารถ
1. อธิบายขอบเขตเนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญในอดีต
2. อธิบายขอบเขตเนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)
7-18
เรื่องที่7.2.1เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญในอดีต
สาระสังเขปรัฐธรรมนูญในอดีตจะมีการกำหนดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในลักษณะกว้างๆ และคล้ายคลึง
กันคือ
1. กำหนดเรื่องต่างๆไว้ในหมวดเดียวกันโดยไม่แยกเป็นแต่ละด้าน
2. กำหนดเนื้อหาสาระที่เป็นหลักการสำคัญในการปกครองประเทศซึ่งอาจสรุปได้เป็น3ด้านคือ
(2.1)แนวนโยบายในทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะกำหนดให้เห็นว่ารัฐสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบ
เสรีโดยให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและการส่งเสริมอาชีพของประชาชน
(2.2)แนวนโยบายในทางสังคมซึ่งจะกำหนดในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาการสาธารณสุขการ
ส่งเสริมวัฒนธรรมการสังคมสงเคราะห์และการคุ้มครองแรงงาน
(2.3)แนวนโยบายทางการเมืองการปกครองซึ่งจะกำหนดในเรื่องการรักษาสถาบันพระมหา
กษัตริย์ เอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขตความสัมพันธ์กับนานาประเทศการจัดกำลังทหารการรักษา
กฎหมายและการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ต่อมา ในการตรารัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีการเพิ่มเติมนโยบายที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญประสงค์จะให้มี
ขึน้ใหม่ในแนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐัเพือ่ให้รฐับาลปฏบิตัิตามจนทำให้รฐัธรรมนญูพ.ศ.2534(แกไ้ขเพิม่เตมิ
ฉบับที่5พ.ศ.2538)มีความยาวถึง35มาตราเป็นเหตุให้แนวนโยบายแห่งรัฐมีลักษณะคล้ายกับแนวนโยบาย
ของรัฐบาลซึ่งมีรายละเอียดเกินไปดังนั้น ในการตรารัฐธรรมนูญพ.ศ. 2540 จึงได้เปลี่ยนชื่อหมวดนี้เสีย
ใหม่เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐโดยกำหนดให้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานจริงๆไม่ใช่นโยบายทั่วไปที่อาจ
เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลาและสถานการณ์ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมด5ด้านคือด้านความมั่นคงแห่งชาติ
ด้านการบริหารและการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้านการเมืองการปกครองตามครรลองของระบอบ
ประชาธิปไตยด้านศาสนาสังคมการศึกษาและสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจโดยได้ตัดบทบัญญัติต่างๆที่
เป็นรายละเอียดออกแต่ก็ยังคงบัญญัติรวมกันไว้ในหมวดเดียวกันโดยไม่แยกเรื่องเป็นแต่ละด้าน
(โปรดอ่านเนื้อหาสาระในรายละเอียดในหนังสือ1.กฎหมายรัฐธรรมนูญบทที่11บทบัญญัติอื่นๆ
ที่อาจกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญวิษณุ เครืองาม 2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐสำนักงานเลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎร3. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐรติกร เจือกโว้น 4. วิเคราะห์เปรียบเทียบรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช2540กับรัฐธรรมนูญฉบับสำคัญ)
7-19
กิจกรรม7.2.1
จงอธิบายขอบเขตเนื้อหาที่สำคัญที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญในอดีต
บันทึกคำตอบกิจกรรม7.2.1
(โปรดตรวจคำตอบจากแนวตอบในแนวการศึกษาหน่วยที่7ตอนที่7.2กิจกรรม7.2.1)
7-20
เรื่องที่7.2.2เนื้อหาสาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(พ.ศ.2550)
สาระสังเขปรฐัธรรมนญูแหง่ราชอาณาจกัรไทย(พ.ศ.2550)นอกจากจะกำหนดให้รฐับาลตอ้งชีแ้จงวา่จะดำเนนิการ
ตามนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐัในเวลาใดและตอ้งจดัทำแผนการบรหิารราชการแผน่ดนิและแผนการตรากฎหมาย
ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐแล้วในด้านเนื้อหาสาระยังได้กำหนดให้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญ
ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการกำหนดเป็นจำนวนเพียงไม่กี่มาตราก็ตามแต่ได้มีวิธีเขียนแนวใหม่โดยแต่ละมาตรา
จะแยกเป็นอนุมาตราต่างๆอีกมากซึ่งหากพิจารณาในภาพรวมแล้วจะพบว่าการกำหนดแนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550มีเนื้อหาสาระย้อนไปคล้ายคลึงกับรัฐธรรมนูญพ.ศ.2534กล่าวคือมีการ
บัญญัติรายละเอียดไว้เป็นจำนวนมากซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540ซึ่งพยายามกำหนดไว้เฉพาะ
หลักการสำคัญที่เป็นพื้นฐานการปกครองประเทศจึงเป็นเหตุทำให้เนื้อหาสาระของแนวนโยบายพื้นฐานแห่ง
รัฐเป็นการกำหนดรายละเอียดถึงขั้นการปฏิบัติงาน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเนื้อหาสาระของนโยบายของ
รัฐบาลแต่ก็จะเป็นผลดีแก่ประชาชนที่จะมีหลักประกันการได้รับความคุ้มครองว่าจะได้รับการบริการในเรื่อง
ต่างๆมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550คือการจัดให้แต่ละเรื่องเป็นหมวดหมู่
เดียวกันซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลและในบางเรื่องได้
กำหนดรายละเอียดที่เป็นหลักการชัดเจนที่จะปฏิบัติให้ถูกต้องได้รวมทั้งมีการจัดตั้งองค์การต่างๆขึ้นมาให้
เป็นผู้ดำเนินการตามนโยบายในด้านนั้นซึ่งจะทำให้นโยบายสำเร็จผลขึ้นได้และมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ของประชาชนในการปกครองประเทศมากยิ่งขึ้น
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)ได้กำหนดหมวดหมู่ของแนวนโยบายพื้นฐานแห่ง
รัฐไว้เป็น9ด้านดังนี้
1. ด้านความมั่นคงของรัฐ
2. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
3. ด้านศาสนาสังคมการสาธารณสุขการศึกษาและวัฒนธรรม
4. ด้านกฎหมายและการยุติธรรม
5. ด้านการต่างประเทศ
6. ด้านเศรษฐกิจ
7. ด้านที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
7-21
8. ด้านวิทยาศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาและพลังงาน
9. ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
(โปรดอ่านเนื้อหาสาระโดยละเอียดในหนังสือ1.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐสำนักงานเลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร 2. เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 โดยสำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร3.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐรติกรเจือกโว้น)
กิจกรรม7.2.2
จงอธิบายความแตกต่างในเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550กับรัฐธรรมนูญในอดีต
บันทึกคำตอบกิจกรรม7.2.2
(โปรดตรวจคำตอบจากแนวตอบในแนวการศึกษาหน่วยที่7ตอนที่7.2กิจกรรม7.2.2)
7-22
แนวตอบกิจกรรมหน่วยที่7
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ตอนที่7.1ความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
แนวตอบกิจกรรม7.1.1
1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง กรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศ ซึ่ง
กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของ
ประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของรัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและ
ออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนดไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและจะไม่ผันแปรไปตามการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมือง
2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้มีการกำหนดเป็นหลักการแน่นอนถาวรในเรื่องต่างๆ ไว้ใน
รัฐธรรมนูญแล้วและรัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามโดยไม่อาจกำหนดเป็นอย่างอื่นรวมทั้งมีหน้าที่ชี้แจงต่อ
รัฐสภาว่าจะดำเนินการให้เป็นผลอย่างไรในเวลาใดส่วนนโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงความประสงค์ใน
การบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วงเวลาการบริหารประเทศของรัฐบาลว่ารัฐบาลจะมีนโยบายดำเนินการใน
เรื่องใดบ้างนโยบายของรัฐบาลจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการบริหารประเทศของรัฐบาลแต่ละคณะ
แนวตอบกิจกรรม7.1.2
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นการแสดงหลักการบริหารประเทศให้บุคคลทั่วไปได้ทราบและเป็น
แนวทางการบรหิารราชการแผน่ดนิในระบอบประชาธปิไตยโดยสมบรูณ์เพราะเปน็หลกัประกนัให้แก่ประชาชน
ว่ารัฐธรรมนูญได้กำหนดนโยบายกลางขั้นพื้นฐานที่มีผลผูกพันรัฐสภาและรัฐบาลทุกชุดต้องดำเนินนโยบาย
และปฏิบัติตามกรอบหลักการของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและความเป็น
อยู่ของประชาชนสว่นรวมในระยะยาวโดยไมม่ีการเปลีย่นแปลงวถิีชวีติของคนไทยและเปน็เครือ่งมอืที่รฐัสภา
จะใช้ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลได้
แนวตอบกิจกรรม7.1.3
1. กำหนดให้บทบัญญัติในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดง
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่าประสงค์ให้บทบัญญัติในเรื่องนี้มีสภาพบังคับที่รัฐบาลหรือรัฐสภามีหน้าที่ต้อง
กำหนดนโยบายหรือตรากฎหมายให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้โดยไม่อาจละเมิดได้
7-23
2. กำหนดเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องชี้แจงในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ชัดเจนว่า การดำเนินการ
ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะดำเนินการในเรื่องใดและในระยะเวลาใดและต้องจัดทำรายงานแสดงผล
การดำเนินการต่อรัฐสภาด้วย
3. รัฐบาลต้องจัดทำแผนการบรหิารราชการแผน่ดินและแผนการตรากฎหมายให้สอดคลอ้งกับแนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ตอนที่7.2ขอบเขตของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
แนวตอบกิจกรรม7.2.1
รัฐธรรมนูญในอดีตที่ผ่านมาจะกำหนดแต่เพียงหลักการกว้างๆในเรื่องดังต่อไปนี้
(1)แนวนโยบายในทางเศรษฐกิจ
(2)แนวนโยบายในทางสังคม
(3)แนวนโยบายในทางการเมืองการปกครอง
ต่อมารัฐธรรมนูญพ.ศ.2540ได้มีการกำหนดเป็น5ด้านคือด้านความมั่นคงแห่งชาติด้านการ
บริหารและการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้านการเมืองการปกครองด้านศาสนาสังคมการศึกษา
และสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ
แนวตอบกิจกรรม7.2.2
รัฐธรรมนูญในอดีตส่วนใหญ่จะกำหนดเนื้อหาในลักษณะกว้างๆในด้านเศรษฐกิจสังคมการเมือง
และการปกครอง โดยไม่ได้กำหนดรายละเอียดการปฏิบัติและมิได้แบ่งหมวดหมู่ แต่ตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)นอกจากจะกำหนดให้รัฐบาลต้องชี้แจงว่าจะดำเนินการตามแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐในเวลาใด และต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และแผนการตรากฎหมายให้
สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ในด้านเนื้อหาสาระยังได้กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้น
เป็นจำนวนมากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับโดยบางเรื่องได้กำหนดรายละเอียดที่เป็นหลักการชัดเจนที่จะปฏิบัติ
ให้ถูกต้องได้รวมทั้งมีการจัดตั้งองค์การต่างๆเป็นผู้ดำเนินการและมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการปกครองประเทศมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังได้กำหนดให้แต่ละเรื่องอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันทำให้ง่าย
ต่อการทำความเข้าใจและสามารถตรวจสอบการดำเนินการของรัฐบาลได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น
7-24
แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง“แนวนโยบายพื้นฐาน
แห่งรัฐ”
คำแนะนำ อ่านคำถามต่อไปนี้แล้วเขียนคำตอบลงในช่องว่างที่กำหนดให้ นักศึกษามีเวลาทำแบบ
ประเมินผลตนเองชุดนี้30นาที
1.นักศึกษามีความเข้าใจความหมายของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐอย่างไร
2.“แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ”กับ“นโยบายของรัฐบาล”ต่างกันอย่างไร
7-25
3.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมีความสำคัญอย่างไร
4.สภาพบังคับของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นอย่างไร
5.แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550) มีความแตกต่างจาก
รัฐธรรมนูญเดิมอย่างไร
7-26
เฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่7
ก่อนเรียน1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง การกำหนดแนวทางการตรากฎหมายและการกำหนด
นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินที่รัฐบาลมีหน้าที่จะต้องนำไปปฏิบัติ
2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นนโยบายหลักของประเทศที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและรัฐบาล
มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสำหรับนโยบายของรัฐบาลเป็นเรื่องที่รัฐบาลแต่ละรัฐบาลจัดทำขึ้นเองและแถลงต่อ
รัฐสภาว่าจะดำเนินการสิ่งใดในช่วงเวลาการบริหารประเทศของรัฐบาล
3. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นหลักการสำคัญที่กำหนดแนวทางการตรากฎหมาย และการ
กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อแสดงให้เห็นว่าในการบริหารราชการแผ่นดินรัฐมีหน้าที่ต้อง
ปฏิบัติในเรื่องใดบ้างให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
4. รัฐบาลมีหน้าที่ต้องนำแนวนโยบายแห่งรัฐไปปฏิบัติในการตรากฎหมายและกำหนดนโยบายให้
สอดคล้องกับหลักการที่กำหนดไว้ในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
5. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)มีการกำหนดให้
รัฐบาลต้องชี้แจงว่าจะดำเนินการตามนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในเวลาใดและต้องจัดทำแผนการบริหารราชการ
แผ่นดินและแผนการตรากฎหมายให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐนอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)ได้บัญญัติแยกแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นหมวดหมู่ทำให้มีความชัดเจน
ยิ่งขึ้นว่านโยบายในแต่ละด้านมีเรื่องใดบ้าง
หลังเรียน1. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมายถึง กรอบหรือแนวทางที่เป็นนโยบายหลักของประเทศ ซึ่ง
กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความมั่นคงแห่งความเป็นรัฐและตอบสนองต่อความต้องการของ
ประชาชนซึ่งรัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรของรัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการกำหนดนโยบายบริหารราชการและ
ออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักการที่กำหนดไว้เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและจะไม่ผันแปรไปตามการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมือง
2. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐได้มีการกำหนดเป็นหลักการแน่นอนถาวรในเรื่องต่างๆ ไว้ใน
รัฐธรรมนูญแล้วและรัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามโดยไม่อาจกำหนดเป็นอย่างอื่นรวมทั้งมีหน้าที่ชี้แจงต่อ
รัฐสภาว่าจะดำเนินการให้เป็นผลอย่างไรในเวลาใดส่วนนโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงความประสงค์ใน
การบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วงเวลาการบริหารประเทศของรัฐบาลว่ารัฐบาลจะมีนโยบายดำเนินการใน
เรื่องใดบ้างนโยบายของรัฐบาลจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการบริหารประเทศของรัฐบาลแต่ละคณะ
7-27
3. แนวนโยบายพืน้ฐานแหง่รฐัเปน็การแสดงหลกัการบรหิารประเทศให้บคุคลทัว่ไปได้ทราบและเปน็
แนวทางการบรหิารราชการแผน่ดนิในระบอบประชาธปิไตยโดยสมบรูณ์เพราะเปน็หลกัประกนัให้แก่ประชาชน
ว่ารัฐธรรมนูญได้กำหนดนโยบายกลางขั้นพื้นฐานที่มีผลผูกพันรัฐสภาและรัฐบาลทุกชุดต้องดำเนินนโยบาย
และปฏิบัติตามกรอบหลักการของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและความ
เป็นอยู่ของประชาชนส่วนรวมในระยะยาว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยและเป็นเครื่องมือ
ที่รัฐสภาจะใช้ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลได้
4. (1)กำหนดให้บทบัญญัติในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐเป็นเจตจำนงของรัฐธรรมนูญเพื่อแสดง
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่าประสงค์ให้บทบัญญัติในเรื่องนี้มีสภาพบังคับที่รัฐบาลหรือรัฐสภามีหน้าที่ต้อง
กำหนดนโยบายหรือตรากฎหมายให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้โดยไม่อาจละเมิดได้
(2)กำหนดเปน็หนา้ที่รฐับาลตอ้งชีแ้จงในการแถลงนโยบายตอ่รฐัสภาให้ชดัเจนวา่การดำเนนิการ
ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐจะดำเนินการในเรื่องใดและในระยะเวลาใดและต้องจัดทำรายงานแสดงผล
การดำเนินการต่อรัฐสภาด้วย
(3)รัฐบาลต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินและแผนการตรากฎหมายให้สอดคล้องกับ
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
5. รัฐธรรมนูญในอดีตส่วนใหญ่จะกำหนดเนื้อหาในลักษณะกว้างๆ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม
การเมอืงและการปกครองโดยไม่ได้กำหนดรายละเอยีดการปฏบิตัิและมไิด้แบง่หมวดหมู่แต่ตามรฐัธรรมนญู
แห่งราชอาณาจักรไทย(พ.ศ.2550)นอกจากจะกำหนดให้รัฐบาลต้องชี้แจงว่าจะดำเนินการตามแนวนโยบาย
พื้นฐานแห่งรัฐในเวลาใด และต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และแผนการตรากฎหมายให้
สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ในด้านเนื้อหาสาระยังได้กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้น
เป็นจำนวนมากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับโดยบางเรื่องได้กำหนดรายละเอียดที่เป็นหลักการชัดเจนที่จะปฏิบัติ
ให้ถูกต้องได้รวมทั้งมีการจัดตั้งองค์การต่างๆเป็นผู้ดำเนินการและมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการปกครองประเทศมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังได้กำหนดให้แต่ละเรื่องอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันทำให้ง่าย
ต่อการทำความเข้าใจและสามารถตรวจสอบการดำเนินการของรัฐบาลได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น