Upload
others
View
1
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
หน่วยการเรยีนรูท่ี้ 2เรื่อง ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
*****************************************************************************
น้ำ้ามนัเป็นแหล่งพลังงานที่ส้ำาคัญ ทัง้ในชวีติประจ้ำาวนั และในวงการอุตสาหกรรม ซึ่งสว่นใหญ่ต้องใชน้้ำ้ามนัเป็นเชื้อเพลิง น้ำ้ามนัทกุชนิดตัง้แต่น้ำ้ามนัเบนซนิ น้ำ้ามนัก๊าด น้ำ้ามนัดีเซล และน้ำ้ามนัหล่อล่ืน ได้มาจากการกลัน่น้ำ้ามนัปิโตรเลียมทัง้สิน้2.1 ปิโตรเลียม (Petroleum)
น้ำ้ามนัปิโตรเลียมหรอืน้ำ้ามนัดิบ เกิดขึ้นในธรรมชาติจากการทับถมของซากพชืและสตัวเ์ป็นเวลานานนับล้าน ๆ ปี พบอยูต่ามชัน้ของหนิและมกัจะมกี๊าซธรรมชาติเกิดปนอยูด่ ้วย เช ื่อกันวา่ก๊าซธรรมชาติและน้ำ้ามนัปิโตรเลียมเหล่านี้เกิดจากสารอินทรยี ์ เชน่ คารโ์บไฮเดรต ไขมนั และโปรตีนในซากพชืและสตัวท์ี่ตายทับถมกัน สารเหล่านี้จะถกูยอ่ยสลายจนกลายเป็นปิโตรเลียมภายใต้สภาวะไร ้ออกซเิจน ด้วยเอนไซมจ์ากจุลินทรยี ์ โดยมคีวามรอ้นใต้ผิวโลกและความดันจากชัน้หนิและดินเป็นตัวชว่ย
การส้ำารวจหาแหล่งปิโตรเลียมหรอืแหล่งน้ำ้ามนัดิบอาจจะท้ำาได้หลายวธิ ี เชน่ ทางธรณีวทิยา ใชข้อ้ม ูลพ ื้นฐานจากภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายแผนที่อากาศ แผนที่และรายงานทางธรณีวทิยา จากนัน้จงึส้ำารวจธรณีวทิยาพื้นผิวโดยการเก็บและวเิคราะหต์ัวอยา่งดินจากผิวด ิน การส ้ำารวจทางธรณีวทิยา จะชว่ยใหค้าดคะเนโครงสรา้ง และชนิดของหนิวา่มโีอกาสเก็บกักปิโตรเลียมมากน้อยเพยีงใด นอกจากนี้การส้ำารวจทางธรณีฟสิกิส ์ จะสามารถบอกแหล่ง ขอบเขตและล ักษณะโครงสรา้งและร ูปทรงของแอ ่งเก ็บก ักปิโตรเลียม โดยวธิวีดัความเขม้ของสนามแมเ่หล็กโลกท้ำาใหท้ราบชนิด ความหนา ขอบเขต ความกวา้งใหญ่ของแอ่งและความลึกของชัน้หนิ การวดัความโน้มถ่วงของโลกท้ำาใหท้ราบวา่ชัน้หนิบรเิวณ
25
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.นัน้เป็นชนิดใด การวดัคลื่นความไหวสะเทือนท้ำาใหท้ราบรูปรา่ง และล ักษณะโครงสรา้งของแหล่งช ัน้หนิอยา่งละเอ ียด ท ้ำาใหน้ ักธรณีวทิยาสามารถระบุได้วา่ช ัน้หนิบรเิวณใดมโีอกาสเป็นแหล่ง ปิโตรเลียม และมปีรมิาณมากน้อยเพยีงใด
รูปท่ี 2.1 แหล่งน้ำ้ามนัปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติหล ังจากทราบขอ้ม ูลเบ ื้องต ้นวา่ม โีอกาสท ี่จ ะพบแหล ่ง
ปิโตรเลียม จงึจะด้ำาเนินการค้นหาแหล่งปิโตรเลียมที่แน่นอนเพื่อท้ำาการขุดเจาะต่อไป การเจาะส้ำารวจเป็นขัน้ตอนที่ท้ำาใหท้ราบความยากง่ายของการขุดมาใช ้และท ้ำาใหท้ราบวา่เป็นแหล่งของก๊าซธรรมชาติ หรอืน้ำ้ามนัดิบ หรอืทัง้สองอยา่ง รวมทัง้ท้ำาใหท้ราบวา่มีปรมิาณส้ำารองมากน้อยเพยีงใด พอที่จะผลิตในเชงิเศรษฐกิจหรอืไม่
หลังจากเจาะพบปิโตรเลียมแล้ว หลมุที่มคีวามดันภายในสงู ปิโตรเลียมจะถกูดันใหไ้หลพุง่ขึ้นมาเอง หลมุที่มคีวามดันภายในต้ำ่า จะต้องเพิม่แรงดันจากภายนอกเขา้ไปชว่ย หลังจากได้ปิโตรเลียมหรอืน้ำ้ามนัดิบแล้ว ต้องน้ำามากลัน่เพื่อใหไ้ด้สารท่ีมสีมบติัเหมาะสมกับงานแต่ละชนิด
น้ำ้ามนัดิบเป็นของเหลวผสมของสารประกอบไฮโดรคารบ์อนมสีีด้ำาและเหนียวหนืด องค์ประกอบค่อนขา้งจะซบัซอ้นและเปล่ียนแปลงไปตามแหล่งที่เกิด มทีัง้ไฮโดรคารบ์อนที่อ่ิมตัวหลายชนิด ปนกันอยู่ ทัง้ที่มคีารบ์อนต่อกันเป็นโซต่รง เชน่ อัลเคนที่ม ี C1 - C30 เป็นโซ่กิ่ง เชน่ อัลเคนที่ม ี C6 - C8 และต่อกันเป็นวง เชน่อนุพนัธข์อง ไซโคลเพนเทน ,ไซโคลเฮกเซน และ อะโรมาติกไฮโดรคารบ์อน
26
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.ไฮโดรคารบ์อนเหล่านี้มขีนาดโมเลกลุต่าง ๆ กันตัง้แต่โมเลกลุเล็ก ๆ ที่มเีพยีงอะตอมเดียว จนถึงโมเลกลุใหญ่ที่มคีารบ์อนมากกวา่ 100 อะตอม สารประกอบเหล่านี้มมีวลโมเลกลุ ความหนาแน่น และจุดเดือดแตกต่างกัน เมื่อน้ำาไปใชเ้ป็นเชื้อเพลิงจงึใหพ้ลังงานไมเ่ท่ากัน การจะน้ำาน้ำ้ามนัดิบไปใชต้ามวตัถปุระสงค์ต่าง ๆ จะต้องหาวธิกีารแยกสารต่าง ๆ ที่ผสมรวมกันอยูใ่นน้ำ้ามนัดิบนัน้ออกจากกันก่อน
ส้ำาหรบัก๊าซธรรมชาติ สว่นใหญ่จะเป็นก๊าซ CH4 (ประมาณ 80%) ที่เหลือเป็นก๊าซ C2H6 C3H8 , และ C4H10 รวมกัน นอกจากนี้ยงัมกี๊าซอื่น ๆ เชน่ CO2 , N2 , H2S , และ H2
ก๊าซที่จะน้ำาไปใชง้าน จงึต้องผ่านกระบวนการแยกสิง่ที่ไมต่้องการออกก่อน ซึ่งค่อนขา้งจะซบัซอ้น
เนื่องจากน้ำ้ามนัดิบประกอบด้วยไฮโดรคารบ์อนหลายชนิดปนกันอยู ่ ซึ่งไมส่ามารถน้ำาไปใชป้ระโยชน์ได้ จงึต้องแยกออกจากกันก่อน และน้ำาสารแต่ละชนิดไปใชต้ามความเหมาะสม
การแยกสารประกอบไฮโดรคารบ์อนในน้ำ้ามนัดิบ ใชว้ธิกีารกลัน่ล้ำาดับสว่น โดยการใหค้วามรอ้นแก่น ้ำ้ามนัดิบ ท้ำาใหเ้กือบทัง้หมดระเหยกลายเป็นไอขึ้นไปในหอกลัน่พรอ้ม ๆ กัน จากนัน้จงึเกิดการควบแน่นเป็นชว่งตามอุณหภมู ิ เชื่อกันวา่ในการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบแต่ละครัง้จะมผีลิตภัณฑ์ที่เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนเกิดขึ้นประมาณ 500 ชนิด ท้ำาใหไ้มส่ามารถแยกสารแต่ละชนิดออกจากกันใหบ้รสิทุธ ิท์ ัง้หมดได้ Dr. F. D. Rossini แหง่ National Bureau of Standard ประ เทศสหรฐัอเมรกิา ได ้ใช ค้วามพยายามแยกสารต่าง ๆ ออกจากน้ำ้ามนัดิบ ปรากฏวา่ได้ถึง 170 ชนิด ทัง้นี้เนื่องจาก ไฮโดรคารบ์อนบางชนิดมจุีดเดือดใกล้เคียงกันมาก สารเหล่านี้มสีมบตัิคล้ายกันรวมทัง้ใหพ้ลังงานใกล้เคียงกันสามารถใชร้ว่มกันได้ จงึไมจ่้ำาเป็นที่จะต้องแยกออกจากกัน ดังนัน้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบในแต่ละชว่งของอุณหภมูจิงึประกอบด้วยไฮโดรคารบ์อนที่มจีุดเดือดใกล้เคียงกัน
27
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.หลายชนิดรวมกัน การเลือกชว่งอุณหภมูขิองผลิตภัณฑ์จะขึ้นอยูก่ับชนิดของน้ำ้ามนัดิบ และจุดประสงค์ของโรงกลัน่วา่ต้องการผลิตภัณฑ์ในลักษณะใด
ก่อนการกลัน่อาจจะต้องท้ำาใหน้้ำ้ามนัดิบบรสิทุธิม์ากกวา่เดิมก่อน เชน่ แยกเอาน้ำ้า ดิน และทรายที่ปนอยูอ่อกก่อน แล้วจงึน้ำาไปกลัน่ล้ำาดับสว่นแยกสว่นต่าง ๆ ของน้ำ้ามนัออกตามชว่งของอุณหภมูิ สว่นใหญ่ เมื่อน้ำาไปกลัน่ในตอนแรกจะได้ผลิตภัณฑ์หลักคือ น้ำ้ามนัเบนซนิ (petrol หรอื gasoline) น้ำ้ามนัก ๊าด (kerosene) , gas oil (เชน่ น้ำ้ามนัดีเซล น้ำ้ามนัหล่อลื่น) และน้ำ้ามนัเตา (fuel oil) สว่นที่เหลือน้ำาไปกลัน่ใหมภ่ายใต้ความดันต้ำ่า ๆ จะได้เป็นไข (paraffin wax) และบทิเูมน (bitumen) เป็นต้น ปรมิาณขององค์ประกอบต่าง ๆ ของน้ำ้ามนัจะไมเ่ท่ากัน จะขึ้นอยูก่ับแหล่งก้ำาเนิดของน้ำ้ามนัดิบนัน้
รูปท่ี 2.2 ผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบจากแหล่งต่างๆ ของโลก
โดยทัว่ ๆ ไป เมื่อน้ำาน้ำ้ามนัดิบมากลัน่ล้ำาดับสว่นจะได้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แยกออกมาตามชว่งของอุณหภมู ิ ดังแผนภาพต่อไปน้ี
28
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
รูปท่ี 2.3 แผนภาพแสดงการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบ ผลิตภัณฑ์ท่ีได้ จะน้ำาไปใชป้ระโยชน์ต่าง ๆ กันในตารางที่ 2.1
ตารางท่ี 2.1 ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ท่ีได้จากการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบ
29
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
ชื่อผลิตภัณฑ์ จุดเดือด (0C)
สถานะ จ้ำานวน C ใน
โมเลกลุ
การใชป้ระโยชน์
ก๊าซปิโตรเลียมpetroleum gas
ต้ำ่ากวา่ 30
ก๊าซ 1 - 4 ใชเ้ป็นเชื้อเพลิง เชน่ buta gas ท้ำาสารเคมีและวสัดสุงัเคราะห์
น้ำ้ามนัเบนซนิหรอืแนฟทาเบา (gasoline or light naphtha)
0 - 65 ของเหลว
5 - 6 ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ก๊าซโซลีน
แนฟทาหนัก(heavy naphtha)
65 - 170
ของเหลว
6 - 10 ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ก๊าซโซลีน และเป็นตัวท้ำาละลาย
น้ำ้ามนัก๊าด(kerosine)
170 - 250
ของเหลว
10 - 14
ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงใหแ้สงสวา่ง หงุต้ม และเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องบนิไอพน่
น้ำ้ามนัดีเซล(diesal oil)
250 - 340
ของเหลว
14 - 35
ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล
น้ำ้ามนัหล่อล่ืน(lubricating oil)
340 - 500
ของเหลว
19 - 35
ใชเ้ป็นน้ำ้ามนัหล่อล่ืน น้ำ้ามนัเครื่อง
ไข (wax) 340 - 500
ของแข็ง
19 - 35
ใชท้้ำาเทียนไข เครื่องส้ำาอาง ยาขดัมนั และเป็นวตัถดิุบส้ำาหรบัผลิตผงซกัฟอก
น้ำ้ามนัเตา (fuel oil)
สงูกวา่ 500
ของเหลว
มากกวา่ 35
ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงเครื่องจกัร
บทิเูมน สงูกวา่ ของแข็ มากกวา่ ใชเ้ป็นยางมะตอยส้ำาหรบั
30
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.(bitumen) 500 ง 35 สรา้งถนน เป็นของแขง็ท่ี
อ่อนตัวและเหนียวหนืดได้เมื่อถกูความรอ้น ใชเ้ป็นวตัถกุันซมึ เชน่ อุดรูของหลังคาได้
Gasoline refiningเนื่องจากสว่นต่าง ๆ ที่ได้จากการกลัน่น้ำ้ามนัดิบยงัมสีิง่เจอืปน
อยูซ่ ึ่งไมเ่หมาะที่จะน ้ำาไปใช ้ โดยเฉพาะในสว่นของน้ำ้ามนัเบนซนิ (gasoline) อาจจะยงัมสีารประกอบของก ้ำามะถ ันและของสารประกอบไมอ่ิ่มตัวปนอยูด่้วย จงึต้องกลัน่อีกครัง้ก่อนน้ำาไปใชก้ับเครื่องยนต์ มขีัน้ตอนดังน้ี
1. ผสมกับ 98 % H2SO4 เพ ื่อดดูสารประกอบของก้ำามะถันและสารไมอ่ิ่มตัวออกก่อน
2. ใช ้ adsorption process (กระบวนการดดูซบั) เพื่อแยก thioalcohol ( R - S - H) ออกไป เชน่ใช ้ CuCl2
หรอื NaOCl ( sodium hypochlorite)2 R - S - H + 2 CuCl2 R - S - S - R +
2CuCl + 2HCl2R - S - H + O NaOCl R - S - S - R + H2O
สารประกอบของก้ำามะถันที่ปนอยูใ่นน้ำ้ามนัเบนซนิ ต้องเอาออกใหห้มด เพราะถ้าเหลือไว ้ ในขณะที่เกิดการเผาไหมจ้ะม ี SO2 เกิดขึ้น ซึ่งก๊าซนี้สามารถกัดกระบอกลกูสบูของเคร ื่องยนต์ และยงัท ้ำาให้น้ำ้ามนัมสีมบตัิในการกระตกุ (knock) ในปัจจุบนัได้มกีารเติมสารกันกระตกุ ลงไปในน้ำ้ามนัด้วยคือ (C2H5)4 Pb ซึ่งถ้าม ี S อยูใ่นน้ำ้ามนัจะรวมกับ Pb กลายเป็น PbS และสารประกอบไมอ่ิ่มตัวต่าง ๆ ก็ต้องก้ำาจดัออกเชน่เดียวกัน เพราะสารเหล่านัน้สามารถรวมตัวกันเป็นสารเหนียว ๆ (gums) ซึ่งท้ำาใหส้มบติัของน้ำ้ามนัลดลงได้
31
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.เลขออกเทนกับคณุภาพของน้ำ&ามนัเบนซนิ
น้ำ้ามนัเบนซนิที่ใชก้ับเครื่องจกัรซึ่งมรีะบบการเผาไหมภ้ายใน ถ้าเป็นน้ำ้ามนัที่มคีณุภาพดีจะท้ำาใหเ้ครื่องยนต์เดินเรยีบไมม่กีารกระตกุ แต่ถ้าน้ำ้ามนัมคีณุภาพไมด่ี จะท้ำาใหเ้ครื่องยนต์เดินไมเ่รยีบ เกิดการกรตกุเป็นระยะ ซ ึ่งการกระตกุของเคร ื่องยนต์นี้ ท ้ำาใหส้ ิน้เปลืองพลังงานหรอืสิน้เปลืองน้ำ้ามนัเพิม่ขึ้น ดังนัน้การก้ำาหนดคณุภาพของน้ำ้ามนัเบนซนิ จงึนิยมพจิารณาจากอัตราการกระตกุของเครื่องยนต์ ถ้าท้ำาใหเ้คร ื่องยนต์เก ิดการกระตกุมาก จะจดัวา่เป ็นน ้ำ้ามนัที่ม ีคณุภาพไมด่ี ถ้าท้ำาใหเ้คร ื่องยนต์ไมก่ระตกุ หรอืกระตกุน้อยมากจะจดัวา่เป็นน้ำ้ามนัที่มคีณุภาพดี การวดัอัตราการกระตกุ นิยมบอกกันเป็น เลขออกเทน “ ” (Octane number) ถ้าน้ำ้ามนัมเีลขออกเทนสงู จะมคีณุภาพดี ท้ำาใหเ้ครื่องยนต์เดินเรยีบ มกีารกระตกุน้อย ถ้าน้ำ้ามนัมเีลขออกเทนต้ำ่า จะมคีณุภาพไมด่ี ท้ำาใหเ้คร ื่องยนต์กระตกุมากสิน้เปลืองน้ำ้ามนั
เนื่องจากน้ำ้ามนัเบนซนิที่กลัน่ได้ มไีฮโดรคารบ์อนที่ม ี 5 - 1 อะตอม เป็นสว่นใหญ่ท ้ำาใหม้สีมบตัิแตกต่างกันไปตามชนิดและปรมิาณของไฮโดรคารบ์อน จากการศึกษาไฮโดรคารบ์อนที่เป็นไอโซเมอรก์ัน พบวา่ ไฮโซเมอรท์ี่มโีครงสรา้งแบบโซก่ิ่งใชเ้ป็นเชื้อเพลิงที่มีคณุภาพดีกวา่แบบโซต่รง โดยเฉพาะไอโซเมอรข์องออกเทนที่เรยีกวา่ ไอโซออกเทน ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ก๊าซโซลีนมาก ท้ำาใหเ้ครื่องยนต์เดินเรยีบ และพบวา่ เฮปเทน หรอืนอรม์อลเฮปเทน ซ ึ่งเป็นไฮโดรคารบ์อนแบบโซต่รงมคีณุภาพไมเ่หมาะกับเครื่องยนต์เลย ท้ำาใหเ้ครื่องยนต์กระตกุมาก
CH3 - C - CH2 - CH - CH3CH3 CH3
CH3CH3 - CH2 - CH2 - CH2 -CH2 - CH2 - CH3
ไอโซออกเทน เฮปเทนไอโซออกแทนเป็นชื่อทางการค้า หรอืชื่อ สามญั
32
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
ชื่อตามระบบ IUPAC คือ 2,3,4-trimethylpentaneการก้ำาหนดเลขออกเทนจงึอาศัยไอโซออกเทนและเฮปเทนเป็น
หลัก ดังน้ีก้ำาหนด เฮปเทนมเีลขออกเทน = 0
ไอโซออกเทนมเีลขออกเทน = 100ค่าออกเทนอื่น ๆ ได้จากการผสมระหวา่ง เฮปเทนกับไอโซออก
เทน โดยคิดจาก % ของไอโซออกเทนในสารผสม เชน่ ถ้ามไีอโซออกเทน 80 % มเีฮปเทน 20 %
เรยีกวา่มเีลขออกเทน 80 ถ้ามไีอโซออกเทน 70 % มเีฮปเทน 30 %
เรยีกวา่มเีลขออกเทน 70น้ำ้ามนัเบนซนิที่มสีมบตัิการเผาไหมเ้ชน่เดียวกับไอโซออกเทน
จงึมเีลขออกเทน 100 ในขณะที่น้ำ้ามนัเบนซนิที่มสีมบตัิการเผาไหม้เชน่เดียวกับเฮปเทนจะมเีลขออกเทนเป็น 0
น้ำ้ามนัเบนซนิที่มสีมบตัิการเผาไหมเ้ชน่เดียวกับเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วยไอโซออกเทน 90 % และ เฮปเทน 10 % เรยีกวา่มีเลขออกเทนเป็น 90 และ น้ำ้ามนัเบนซนิ ที่มสีมบตัิการเผาไหมเ้ชน่เดียวกับเชื้อเพลิงที่ประกอบด้วย ไอโซออกเทน 95 % และ เฮปเทน 5 % เรยีกวา่มเีลขออกเทนเป็น 90 เป็นต้น
น้ำ้ามนัเบนซนิที่มเีลขออกเทนสงูจะมคีณุภาพดีกวา่น้ำ้ามนัเบนซนิท่ีมเีลขออกเทนต้ำ่า
ตารางท่ี 2.2 ความสมัพนัธร์ะหวา่งเลขออกเทนกับโครงสรา้งโมเลกลุของไฮโดรคารบ์อน
สตูรโครงสรา้ง ชื่อ เลขออกเทนn-alkanesCH3 - CH2 - CH3CH3 - CH2 - CH2 - CH3CH3 - CH2 - CH2 - CH2 - CH3
n - propa
ne
1006062
33
CH3
CH3
CH3
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.CH3 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH3CH3 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH3CH3 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH2 - CH3
n - butan
en -
pentanen -
hexane
n - hepta
nen -
octane
260
-17
สตูรโครงสรา้ง ชื่อ เลขออกเทน
isoalkaneCH3 - CH - CH2 - CH3
CH3
CH3CH3 - CH - CH2 - CH2 -CH3
CH3 - CH - CH2 - CH2 -CH2 -CH3CH3
isopentane
isohexane
isoheptane
90
74
55
alkeneCH2 = CH - CH2 - CH2 - CH2 - CH3CH3 - CH = CH - CH2 - CH2 - CH3
1 - hexene2 - hexene
85100
34
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.aromatic hydrocarbons
CH3
benzenetoluene
108100
isomers of heptane
CH3CH3 - CH - CH2 - CH2 -CH2 -CH3
CH3CH3 - CH2 - CH - CH2 -CH2 -CH3
CH3 - C - CH2 - CH2 - CH3CH3
CH3
CH3
CH3CH3 - CH - CH - CH2 - CH3
CH3
CH3CH3 - CH2 - C - CH2 - CH3
CH3
CH3CH3 - C - CH - CH3
CH3
2 -methyhexane
3 -methyhexane
2,2-dimethylpentane
2,3-dimethylpentane
3,3-dimethylpentane
2,2,3-trimethylbutane
55
56
80
94
98
101
35
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.isomers of hexaneCH3 - CH2 - CH -CH2 -CH3
CH3CH3
CH3CH3 - C - CH2 = CH3
CH3 - CH - CH - CH3CH3
CH3
3-methylpentane
2,2,-dimethyl -butane
2,3,-dimethyl -butane
74
94
95
การปรบัปรุงคณุภาพของน้ำ&ามนัเบนซนิ การปรบัปรุงคณุภาพของน้ำ้ามนัเบนซนิก็คือ การเพิม่เลขออก
เทนใหแ้ก่น้ำ้ามนันัน่เอง ทัง้นี้เพราะน้ำ้ามนัที่มเีลขออกเทนสงูจะท้ำาให้เครื่องยนต์เกิดการกระตกุน้อยกวา่ น้ำ้ามนัที่เลขออกเทนต้ำ่า กล่าวได้วา่น้ำ้ามนัที่มเีลขออกเทนสงูจะมคีณุภาพดีกวา่พวกที่มเีลขออกเทนต้ำ่า ในการกลัน่น้ำ้ามนัดิบจะมสีว่นหนึ่งของน้ำ้ามนัที่มเีลขออกเทนสงู และมบีางสว่นที่มเีลขออกเทนต้ำ่า โดยเฉพาะสว่นที่มโีมเลกลุขนาดใหญ ่ถ้าเราต้องการใหไ้ด้น้ำ้ามนัที่มเีลขออกเทนสงูทัง้หมด ต้องลงทนุเพิม่ขึ้นอีกมาก ท้ำาใหม้รีาคาแพง ดังนัน้นักวทิยาศาสตรจ์งึได้พยายามหาวธิเีพิม่คณุภาพ หรอืเพิม่เลขออกเทนของน้ำ้ามนัเบนซนิด้วยการเติมสารบางอยา่งลงไป ซึ่งสารที่เติมลงไปนัน้จะชว่ยใหเ้คร ื่องยนต์ลดการกระตกุ Dr. Thomas Midgley พบวา่ถ้าเติมเตตระเอทิลเลด (C2H5)4Pb จ้ำานวนหนึ่งลงไปในน้ำ้ามนัเบนซนิจะชว่ยท้ำาให ้เคร ื่องยนต์เกิดการกระตกุน้อยลงเป็นการเพิม่เลขออกเทนของน้ำ้ามนัใหมคีณุภาพสงูขึ้น เรยีกสารซึ่งมสีมบตัิในการลดการกระตกุของเครื่องยนต์วา่ สารกันกระตกุ (antiknock)
36
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
สารกันกระตกุนอกจากเตตระเอทิลเลดแล้วยงัมเีตตะเมทิลเลด (CH3)4Pb สารทัง้สองชนิดเป็นของเหลว ใส ไมม่สี ี ไมล่ะลายน้ำ้า แต่ละลายในเบนซนิ เมื่อน้ำ้ามนัถกูเผาไหม ้เตตะเอทิลเลดจะกลายเป็นออกไซด์ และคารบ์อนเนตของตะกัว่ปนละอองปนอยูใ่นอากาศ ซึ่งเป็นพษิต่อมนุษยแ์ละสตัว ์ โดยสะสมอยูใ่นตับท้ำาใหตั้บมปีระสทิธภิาพในการท้ำางานลดต้ำ่าลง
การเติมสารกันกระตกุท้ำาใหน้้ำ้ามนัมสีมบตัิดีขึ้น แต่อยา่งไรก็ตามเนื่องจากเป็นสารตะกัว่เมื่อเกิดการเผาไหม ้จะเกิดตะกัว่และตะกัว่ออกไซด์ ไปจบัที่ลกูสบูของเคร ื่องยนต์ ซึ่งเป็นผลเสยีต่อตัวเครื่องยนต์ ดังนัน้ในเวลาต่อมาจงึได้มกีารแก้ไขใหด้ีขึ้นโดยการเติมสารผสมระหวา่ง เอทิลีนไดโบรไมด์ และเอทิลีนไดคลอไรด์ ซึ่งเรยีกรวมกันวา่ เอทิล ฟลอิูด (ethyl fluid) ลงไป สารทัง้สอง 2 ชนิดที่เติมลงไปนี้จะสามารถท้ำาปฏิกิรยิากับตะกัว่กลายเป็น เลดโบรไมด ์และเลดคลอไรด์ ซึ่งไมจ่บัลกูสบูของเครื่องยนต์ แต่กลับกลายเป็นไอปนออกมากับท่อไอเสยี ซึ่งก่อใหเ้กิดอากาศเป็นพษิเนื่องจากสารตะกัว่ ดังนัน้การเติมสารเหล่านี้ลงไปในน้ำ้ามนั แมจ้ะเพิม่เลขออกเทนของน้ำ้ามนัได้แต่ก็มผีลเสยีต่อสิง่แวดล้อมท้ำาใหอ้ากาศเป็นพษิ ในปัจจุบนันักวทิยาศาสตรไ์ด้พยายามหาวธิปีรบัปรุงคณุภาพของน้ำ้ามนัใหด้ีขึ้นโดยใหเ้กิดผลเสยีน้อยที่สดุ บางประเทศจงึใชส้ารเคมชีนิดอ่ืน เชน่ เมทิลเทอรเ์ชยีรบีวิทิลอีเทอร ์(MTBE) แทนสารประกอบตะกัว่ และเรยีกน้ำ้ามนัเบนซนิชนิดนี้วา่ น ้ำ้ามนัไรส้ารตะกัว่ หรอื ยูแอลจ ี(ULG = unleaded gasoline)
เลขซเีทนกับน้ำ&ามนัดีเซลเลขซเีทน (Cetane number) ใชก้้ำาหนดคณุภาพของ
น้ำ้ามนัดีเซล เชน่เดียวกับเลขออกเทนที่ใชก้้ำาหนดคณุภาพของน้ำ้ามนัเบนซนิ โดยก้ำาหนดใหส้ารซเีทน (C16H34) มเีลขซเีทนเท่ากับ 100 และแอลฟาเมทิลแนพทาลีน (C11H10) มเีลขซเีทนเท่ากับ 0
สตูรโครงสรา้งของซเีทนและแอลฟาเมทิลแนพทาลีน เป็นดังน้ี
37
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
CH3 - (CH2)14 - CH3CH3
ซเีทน แอลฟาเมทิลแนฟทาลีน
การเพิม่คณุภาพและปรมิาณของน้ำ&ามนั
การเพิม่เลขออกเทนของน้ำ้ามนั นอกจากจะท้ำาได้โดยการเติมสารกันกระตกุลงไปแล้ว ยงัสามารถท้ำาได้อีกหลายวธิ ีทัง้นี้ได้จากการศึกษาโครงสรา้งของไฮโดรคารบ์อนที่ใชเ้ป็นน้ำ้ามนั บางโครงสรา้งจะมเีลขออกเทนสงู และบางโครงสรา้งจะมเีลขออกเทนต้ำ่า เมื่อกลัน่น้ำ้ามนัดิบจะได้ไฮโดรคารบ์อนที่มโีครงสรา้งต่าง ๆ ปนกันออกมา ถ้าทราบวา่โครงสรา้งแบบใดมเีลขออกเทนสงูก็พยายามเปลี่ยนโครงสรา้งของไฮโดรคารบ์อนอื่น ๆ ที่มเีลขออกเทนต้ำ่าใหก้ลายเป็นสว่นที่มเีลขออกเทนสงู ซึ่งจะท้ำาใหค้ณุภาพของน้ำ้ามนัดีขึ้น
จากตารางที่ 2.2 จะเหน็ได้วา่ขนาดและโครงสรา้งโมเลกลุของไฮโดรคารบ์อนมสีว่นสมัพนัธก์ับเลขออกเทน พวกไอโซเมอรท์ี่โครงสรา้งแบบโซก่ิ่งจะมเีลขออกเทนสงูกวา่พวกไอโซเมอรแ์บบโซ่ตรง พวกที่ต่อกันเป็นวงจะมเีลขออกเทนสงูกวา่พวกที่ไมเ่ป็นวง ขนาดของโมเลกลุไฮโดรคารบ์อนประมาณ 6 - 10 อะตอม จะมเีลขออกเทนค่อนขา้งสงู ดังนัน้การปรบัปรุงคณุภาพของน้ำ้ามนัในป ัจจุบนั จงึได ้พยายามท ี่จะผล ิตไฮโดรคารบ์อนท ี่มขีนาดและโครงสรา้งซึ่งมเีลขออกเทนสงูออกมามาก ๆ เชน่ ท้ำาใหโ้มเลกลุใหญ ่ๆ ที่มคีารบ์อนมาก ๆ แตกสลายกลายเป็นโมเลกลุเล็กตามขนาดที่ต้องการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิม่เลขออกเทนแล้ว ยงัเป็นการเพิม่ปรมิาณของน้ำ้ามนัด้วย นอกจากนี้ก ็พยายามหาวธิเีปลี่ยนโครงสรา้งโมเลกลุแบบโซต่รงใหเ้ป็นโซก่ิ่ง หรอืท้ำาใหโ้ครงสรา้งเป็นแบบอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อนวธิกีารต่าง ๆ ดังกล่าวนี้นอกจากจะ
38
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.ท้ำาใหไ้ด้เชื้อเพลิงที่มคีณุภาพดีขึ้น มเีลขออกเทน หรอืเลขซเีทนสงูขึ้นแล้ว ยงัได้ปรมิาณเช ื้อเพลิงเพิม่ข ึ้นด้วย การเพิม่ปรมิาณและคณุภาพของเชื้อเพลิงท้ำาได้หลายวธิดัีงน้ี
ก. กระบวนการแตกสลาย (cracking process) กระบวนการแตกสลาย หมายถึง กระบวนการที่ท้ำาให้
สารอินทรยีโ์มเลกลุใหญ่ แตกสลายออกเป็นโมเลกลุเล็ก ๆ ภายใต้สภาวะท่ีอุณหภมูสิงู ๆ และมตัีวเรง่ปฏิกิรยิาที่เหมาะสม
จากการกลัน่ล้ำาดับสว่นน้ำ้ามนัดิบพบวา่ไฮโดรคารบ์อนชนิดมีขนาดใหญ่และมมีวลโมเลกลุสงู เชน่ น ้ำ้ามนัก๊าด และน้ำ้ามนัเตา ไฮโดรคารบ์อนเหล่านี้มจีุดเดือดสงูกวา่ และมเีลขออกเทนต้ำ่ากวา่น้ำ้ามนัเบนซนิ นักวทิยาศาสตรจ์งึได้พยายามหาวธิลีดขนาดของโมเลกลุใหเ้ล็กลงซึ่งจะท้ำาใหม้คีณุภาพที่ดีขึ้น ทัง้นี้เพราะทราบวา่ไฮโดรคารบ์อนที่โมเลกลุมขีนาดเล็กโดยเฉพาะพวกที่มคีารบ์อน 5 -10 อะตอม จะมเีลขออกเทนสงู เหมาะแก่การใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ก๊าซโซลีน
การท้ำาใหไ้ฮโดรคารบ์อนที่มโีมเลกลุขนาดใหญ่แตกสลายออกเป็นโมเลกลุเล็ก ๆ ขนาดใกล้เคียงกับไฮโดรคารบ์อนในน้ำ้ามนัเบนซนิเรยีกวา่กระบวนการแตกสลาย ซึ่งท้ำาได้โดยการเผาที่อุณหภมูสิงู ๆ แต่ความดันต้ำ่าๆ เชน่ น้ำาไฮโดรคารบ์อนที่มขีนาดใหญ่มาท้ำาใหร้อ้นที่อุณหภมูปิระมาณ 500 0C ภายใต้ความดันต้ำ่า พรอ้มทัง้กับใช ้Al2O3 - SiO เป็นตัวเรง่ปฏิกิรยิา
ตัวอยา่งเชน่
39
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
CH3(CH2)16CH3 2 - SiO32OAl CH3(CH2)13CH3 + CH3CH = CH2 Octadecane pentadecane propene
CH3(CH2)9CH3 + CH2 = C(CH3)2 Undecane isobutylene
กระบวนการแตกสลายนอกจากจะท้ำาใหไ้ฮโดรคารบ์อนที่มมีวลโมเลกลุต้ำ่า มเีลขออกเทนสงูเท่า ๆ กับน้ำ้ามนัเบนซนิแล้ว ยงัเท่ากับเป็นการเพิม่ปรมิาณเบนซนิ จากสว่นของไฮโดรคารบ์อนที่มมีวลโมเลกลุสงูอีกด้วย นอกจากนี้ยงัได้สารประกอบอัลคีนบางชนิด เชน่ โพรพนี ,เอทิลีน และไดโซบวิทิลีน ซ ึ่งอัลคีนเหล่านี้ เป็นวตัถดุิบที่ส ้ำาค ัญในอุตสาหกรรมเคม ี เช น่ อ ุตสาหกรรมผงซกัฟอก อุตสาหกรรมพลาสติก เป็นต้น
รูปท่ี 2.4 กระบวนการแตกสลายของไฮโดรคารบ์อน
40
CH3
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
ข . ร ฟี อ ร ม์ ม ิง่ (Reforming ห ร อื catalytic isomerization ) เป ็นการเปล ี่ยนแปลงโครงสร า้งโมเลกลุไฮโดรคารบ์อนที่เป็นโซต่รงใหก้ลายเป็นไอโซเมอรท์ี่เป็นโซก่ิ ่ง หรอืการเปล่ียนไฮโดรคารบ์อนแบบวงใหเ้ป็นสารประกอบอะโรมาติก โดยใชค้วามรอ้นและตัวเรง่ปฏิกิรยิา เชน่
CH3 - CH2 - CH2 - CH2 - CH3 AlCl3heatCH3 - CH2 - CH - CH3CH3
เพนเทน = 62เลขออกเทน
ไอโซเพนเทน = 90เลขออกเทน
CH3 ตัวเรง่ปฏิกิรยิาความรอ้น
CH3+ 3H2
โทลอีูนเมทิลไซโคลเฮกเซน
ปฏิกิรยิาดังกล่าวนี้จะเพิม่คณุสมบตัิของสาร โดยท้ำาใหม้เีลขออกเทนเพิม่ขึ้น
ค. แอลคิเลชนั (alkylation) เป็นปฏิกิรยิาที่มกีารเติมหมูอ่ัลคิลเขา้ไปในโมเลกลุของสารอื่น ๆ เชน่อัลคีน ซึ่งสามารถใช้เตรยีมไอโซออกเทนได้โดยน้ำาไอโซบวิทิลีน ที่ได้จากกระบวนการแตกสลายมาเติม
CH3 - CH - CH3CH3
+ CH2 = C - CH3CH3 H2SO4 CH3 - C - CH2 - CH - CH3
CH3 CH3
CH3ไอโซบิวเทน ไอโซบิวทิลีน ไอโซออกเทน
ง. โอลิโกเมอไรเซชนั (Oligomerization) เป็นกระบวนการรวมไฮโดรคารบ์อนไมอ่ิ่มตัวโมเลกลุเล็ก ๆ เขา้ด้วยกัน โดยใช้
41
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.ความรอ้นหรอืตัวเรง่ปฏิกิรยิา ท้ำาใหเ้กิดเป็นไฮโดรคารบ์อนที่มขีนาดใหญ่เป็น 2 , 3 หรอื 4 เท่าของสารตัง้ต้น เชน่
CH3 - C = CH2 + CH3- C = CH2CH3 CH3 ตัวเรง่ปฏิกิรยิา
CH3
CH3CH3CH3 - C - CH2 - CH = CH2
จ . Aromatization เ ป ็น ข บ ว น ก า ร เ ป ล ี่ย นไฮโดรคารบ์อนท ี่ไม ไ่ด ้ต ่อก ันเป ็นวง ใหก้ลายเป ็นอะโรมาต ิกไฮโดรคารบ์อนที่ต่อกันเป็นวง เนื่องจากไฮโดรคารบ์อนที่ต่อกันเป็นวงจะมเีลขออกออกเทนสงู ดังนัน้ขบวนการดังกล่าวนี้ จงึเป็นการเพิม่เลขออกเทนของไฮโดรคารบ์อนอีกแบบหน่ึง
โดยทัว่ ๆไปจะน ้ำาเอาอ ัลเคนท ี่เป ็นโซต่รงมาท ้ำาปฏ ิก ิรยิา dehydrogenation โดยเผารวมกับ Pt ที่อุณหภมูสิงู ๆ ท้ำาให ้H2 บางสว่นหลดุออไป กลายเป็นอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อน เชน่
CH3CH2
CH2CH2
CH2
CH3CH2
Pt
( = 104)โทลอีูน เลขออกเทน
+ 4H2CH3
( = 0)เฮปเทน เลขออกเทน
2.2 การแยกก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งของพลังงานที่ส้ำาคัญอีกประเภทหนึ่ง ในประเทศไทยพบที่บรเิวณอ่าวไทยและบรเิวณล้ำาน้ำ้าพอง จงัหวดัขอนแก่น ก๊าซธรรมชาตินอกจากจะใชเ้ป็นเชื้อเพลิงแล้ว ยงัใชเ้ป็นวตัถดิุบพื้นฐานส้ำาหรบัอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ก๊าซธรรมชาติท่ีบรเิวณอ่าวไทยประกอบด้วยไฮโดรคารบ์อนได้แก่ มเีทน อีเทน โพรเพน บวิเทน เพนเทน และ
42
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.ก๊าซเหลว นอกจากน้ียงัประกอบด้วยสารอ่ืน ๆ ท่ีไมใ่ช่ไฮโดรคารบ์อนได้แก่ CO2 H2S N2 He ไอปรอท และไอน้ำ้า
ตารางท่ี 2.3 สว่นประกอบท่ีส้ำาคัญของก๊าซธรรมชาติชื่อสารประกอบท่ีพบ สตูรโมเลกลุ % โดยปรมิาตร
มเีทนอีเทนโพรเพนบวิเทนเพนเทนคารบ์อนไดออกไซด์ไนโตรเจนอ่ืน ๆ (เฮกเซน ไอน้ำ้า ฮีเลียม และไฮโดรเจนซลัไฟด์)
CH4C2H6C3H8C4H10C5H12CO2N2-
60 - 804 - 103 - 51 - 3
115 -25
< 3น้อยมาก
แหล่งก๊าซธรรมชาติท่ีมคีวามดันสงู เมื่อขุดเจาะออกมาจะได้ทัง้ของเหลวและก๊าซ สว่นท่ีเป็นของเหลว เรยีกวา่ ก๊าซเหลว สว่นท่ีเป็นก๊าซเรยีกวา่ ก๊าซธรรมชาติ
การแยกก๊าซธรรมชาติ จะแบง่เป็นขั&นตอนดังนี&ขั&นท่ี 1 แยกสว่นท่ีเป็นก๊าซเหลวออกจากก๊าซธรรมชาติ โดย
ผ่านไปท่ีหน่วยแยกของเหลว ขั&นท่ี 2 ผ่านก๊าซท่ีได้ไปยงัหน่วยก้ำาจดัปรอท เน่ืองจากไอ
ปรอทท้ำาใหร้ะบบท่อก๊าซและเครื่องมอืต่าง ๆ สกึกรอ่นขั&นท่ี 3 ผ่านก๊าซต่อไปยงัหน่วยก้ำาจดั CO2 และความชื้น
(H2O) เน่ืองจากก๊าซทัง้สองจะกลายเป็นของแขง็ท้ำาใหท้่ออุดตัน เมื่อเขา้ระบบแยกก๊าซในขัน้ท่ีมกีารลดอุณหภมูิ
43
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
การก้ำาจดัก๊าซ CO2 ใชส้ารละลาย K2CO3 ผสมกับตัวเรง่ปฏิกิรยิา CO2 ท่ีแยกได้น้ี จะน้ำาไปท้ำาน้ำ้าแขง็แหง้ได้ต่อไป
การก้ำาจดัน้ำ้าโดยใชส้ารดดูซบัที่มรูีพรุนมพีื้นท่ีผิวภายในประมาณ 100-1500 ตารางเมตร
ขั&นท่ี 4 แยกสว่นท่ีเป็นก๊าซไฮโดรคารบ์อน โดยการเพิม่ความดันและลดอุณหภมู ิท้ำาใหก้๊าซเป็นของเหลวทัง้หมด แล้วน้ำาก๊าซน้ีรวมกับก๊าซเหลวท่ีแยกไวใ้นขัน้ที่ 1 แล้วผ่านไปท่ีหอกลัน่ เพื่อกลัน่แยกก๊าซ CH4 C2H8 และ C4H10 ตามล้ำาดับ
รูปท่ี 2.5 แผนภาพแสดงการแยกก๊าซธรรมชาติการน้ำาก๊าซธรรมชาติไปใชป้ระโยชน์
44
เอกสารประกอบการสอนวชิาเคมพีื้นฐาน (สารและสมบติัของสาร) หน่วยท่ี 2 สรา้งสรรค์โดย ชมรม ควคท.
ก. ก๊าซมเีทน ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟา้และในโรงงานอุตสาหกรรม อัดใชใ้นรถยนต์และ เป็นวตัถดุิบผลิตปุ๋ยเคมี
ข. ก๊าซอีเทน และโพรเพน ใชใ้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีค. ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG = liquid petroleum
gas) ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในครวัเรอืน และในรถยนต์ง. ก๊าซโซลีนธรรมชาติ ใชป้้อนโรงงานกลัน่น้ำ้ามนั เพื่อผลิต
น้ำ้ามนัเบนซนิ ใชใ้นอุตสาหกรรมตัวท้ำาละลานและปิโตรเคมี
*****************************************************************************
อาจารยร์าม ติวาร ีนักวชิาการจาก สาขาฟสิกิส ์สถาบนัสง่เสรมิการสอนวทิยาศาสตรแ์ละเทคโนโลย ี(สสวท.) มาสมัภาษณ์ครูศักดิ์
อนันต์ อนันตสขุ ประธานชมรม ควคท. และเยีย่มชมแหล่งเรยีนรูท้างวทิยาศาสตรท่ี์ โรงเรยีนพนาสนวทิยา จงัหวดั
สรุนิทร ์เมื่อวนัท่ี 24 มนีาคม 2549
45