Upload
others
View
12
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
คู่มือ การสืบค้นขอ้มูล เอื่อท าการวผจัฬ
โดฬ นาฬสมภอ หนูอ้น บรรณารักษ์ปฏผบัตผการ หลายๆคนคงมีปัญหาในการสืบค้นข้อมูลเพื่อท าวิจัยกันใช่ไหมครับ ? การสืบค้นข้อมูลจริงๆนั้นมันไม่ยากเลย เพียงต้องอาศัยความช านาญ อาศัยการฝึกการสืบค้นอยู่บ่อยๆ มันจะเกิดเป็นทักษะไปเองครับ
ผมจะแนะน าวิธีการสืบค้นข้อมูลโดยแบ่งตามหัวข้อดังนี้ครับ
1.การสืบค้นข้อมูลจาก Search Engine
2.การสืบค้นข้อมูลจาก WebOpac
3.การสืบค้นข้อมูลจาก ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์
4.การสืบค้นจากฐานข้อมูลออนไลน์ (ต่างประเทศ) บทความวารสาร
1. การสืบค้นข้อมูล จาก Search Engine หลักๆเลยก็คงหนีไม่พ้น Google เมื่อเพ่ือนๆต้องท ารายงานหรอืท าวิจัยที่ต้องการข้อมูลพร้อมแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ อันดับแรกเมื่อได้หัวข้อที่ต้องการค้นหา เช่น ต้องการท ารายงาน เรื่อง “การล่มสลายของสหภาพโซเวียต”
การค้นหาด้วย Google ปกติ ธรรมดา ผลที่ได้คือ
เมื่อลองคลิกผลการค้นหาแล้วสแกนด้วยสายตาดูแล้ว ปรากฏว่า ผลการค้นหาที่ได้ เป็นเพียงแค่ข่าวหรือบล็อกท่ีไม่มีแหล่งอ้างอิง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่สมควรอย่างยิ่งในการน ามาท ารายงาน หรือน ามาอ้างอิงในงานวิจัย
ทริค ของการสืบค้นข้อมูลด้วย Google อยู่ที่ การค้นหาขั้นสูง โดยปกติไฟล์งานวิจัยหรือบทความ
วารสารวิชาการที่มีความน่าเชื่อถือโดยทั่วไปจะท าในรูปแบบไฟล์ PDF อาจจะมีไฟล์ .doc บ้าง ในกรณีที่บางคนท าแล้วอัปโหลดไฟล์ขึ้นบนอินเตอร์เน็ต เพราะฉะนั้นการค้นหาต้องก าหนดให้ค้นหาให้เป็นเฉพาะ ไฟล์ PDF โดยเขา้ไปที่การค้นหาชั้นสูง
ผลการค้นหาจากการก าหนด เป็นไฟล์ pdf
จะมีความตา่งกันในแง่ของการตัดข้อมูลขยะออกไปเหลือแต่ไฟล์ PDF แต่ไฟล์ที่ค้นหาได้ก็มีไฟล์ที่เราไม่ต้องการอีกอยู่ดี ขั้นตอนต่อไปคือการแสกนเนื้อหาในไฟล์โดยการสแกนที่รวดเร็วที่สุดในไฟล์ PDF คือ การเปิดอย่างไวหรืออ่านผ่านๆตาแล้วดูเนื้อหาว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ ถ้าเนื้อหามีมากหลายสิบหน้าหรือเป็นร้อยๆหน้าให้เรากด CTRL+F เพื่อค้นหาค าในเอกสาร โดยเอกสารนั้น แตส่ิ่งที่แรกของข้อมูลที่ต้องค านึงมีอันดับแรก คือ แหล่งอ้างอิง ซึ่งขาดไม่ได้ในการประกอบการท ารายงานหรือการท าวิจัย
ข้อมูลที่ใช้ไม่ได้ เช่น
เพราะไม่มีแหล่งอ้างอิง ท าให้ข้อมูลไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถน ามาประกอบการท ารายงานหรือท าวิจัยได้
ตัวอย่างข้อมูลที่ดี สามารถใช้อ้างอิงในรายงานหรืองานวิจัยได้
การกด Ctrl + F เพ่ือหาค าในเอกสารเป็นการสแกนการอ่านเอกสารอย่างหนึ่ง เพ่ิมความสะดวกในการค้นหาข้อมูล