Upload
others
View
4
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
ประเภทของละครตะวันตก
ละครแทรจิดี (Tragedy)
เป็นวรรณกรรมการล ะ ค ร ท ี ่ เ ก ่ า แ ก ่ที่สุด และมีคุณค่าสูงสุดในเชิงศิลปะและวรรณคดี ละครประเภทนี้ถือกำเนิดขึ้นในปร ะทศกรีก
ความหมายของคำว่า แทรจิดี
(Tragedy) แ ท ร จ ิ ด ี
แปลว่าเพลงแพะซึ่งมาจาก คำว ่ า ท ร าโ ก ส ( t r a g o s ) ซ ึ ่ ง แ ป ล ว ่ า แ พ ะ แ ล ะโอด(ode) แปลว่า เพลง แทรจิดี จึงแปลว่า เ พ ล ง แ พ ะ
ละครประเภทนี้ได้ถือกำเนิดในประเทศกรีก เป็นสมัยที่ชาวกรีกนับถือเทพเจ้าไดโอไนซุส(Dionysus) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งเจ้าองุ่นพืชพันธ์ธัญญาหาร ฤดูใบไม้ผลิความอุดมสมบูรณ์และช ี ว ิ ต
*** ดังนั้นละครประเภทแทรจิดีจึงถือกำเนิดมาจากการร้องเพลงดิธีแรมบ์ *** ���
ช่วงแรกการบวงสรวงนั้นจะขับร้อง เพลงด ิ ธ ี แ ร มบ์(Dithyramb) โดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องบูชายัญ แต่หลังจากน ั ้ น ม า เ ห ็ น ว ่ าเป็นการทารุน จึงเปลี่ยนมาใช้แพะแทน แล้วก็ให้แพะแก่กลุ่มนักร้อง หรือ “คอรัส”(chorus) ที่ขับร้องเพลงดิธีแรมบ์ได้ดีที่สุด และให้รางวัลเป็นแ พ ะ แ ท น
แทรจิดีพัฒนามาจากเพลงดีธีแรมบ์ได้อย่างไร?��� ผู้ริเริ่มป ร ะ พ ั น ธ ์คำร้อ งในบทส ว ด บ ู ช า ท ี ่เรียกว่า ดีธีแรมบ์ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อให้คอรัสขับร ้ อ ง ใ น ก า รบว งส ร ว งบ ูช าเทพเจ้าไดโอไนซ ุ ส
คนสำคัญทา งบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการละครชื่อว ่ า เ ธ ส พ ิ ส ( T h e s p i s ) ไ ด ้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการขับร้องเพลงดีธีแรมบ์ด้วยการริเริ่มให้มีนักแสดง (Actor) คนแ ร ก ข ึ ้ น เ พ ื ่ อสามารถให้มีบทเจรจาโต้ตอบกับคอรัสได้ และต่อม า ก ็ ไ ด ้ ม ี
ต่อมาก็ได้มีผู้ปรับปรุงแก้ไขบทละครประเภทนี้ให้ม ีค ว ามสมบ ู รณ์ย ิ ่ ง ข ึ ้ น ค ื อ เอสคิลุสได้เพิ่มนักแสดงเป็น 2 คน โซโฟคลีสได้เพิ่มนักแสดงขึ้นเป็น 3 ค น เพราะเหตุนี้ จึงทำให้เกิดประเพณีนิยมของละครกรีกโบราณว่าจะต้องมีกลุ่มคอรัสและตัวละครซึ่งมีบทเจรจาโต้ตอบกันในฉากหนึ่งๆไม่เกิน 3 คน
ลักษณะสำคัญของละครประเภทแทรจิดี (Tragedy) ต้องเป็นเรื่องที่แสดงถึงความทุกข์ทรมานของ
มนุษย์และจบลงด้วยความหายนะของตัวเอก
ตัวเอกของแทรจิดีต้องมีความยิ่งใหญ่เหนือคนทั่วๆไ ป ( t r a g i c greatness) แต่ในขณะเดียวกันจะต ้ อ ง ม ี ข ้ อบกพร่องหรือผิดพล าด ( t r a g i c fl a w ) ท ี ่ เ ป ็ นสาเหตุของความหายนะที่ได้รับ
ฉ า ก ต ่ า ง ๆ ท ี ่แ ส ด ง ถ ึ ง ค ว า มทรมานของมนุษย์จ ะ ต ้ อ ง ม ี ผ ลทำให้ เกิดความรู้สึกสงสารและความหวาดกลัว (Pity and Fear) อันจะนำผู้ชมไปสู่คว าม เ ข ้ า ใ จ ในช ี ว ิ ต (Enl ightenment)
ม ี ค ว า ม เ ป ็ นเ ล ิ ศ ใ น เ ช ิ งศ ิ ล ป ะ แ ล ะว ร ร ณ ค ด ี ให้ความรู้สึกอันสูงส่งหรือค ว า ม ร ู ้ ส ึ กผ ่ อ ง แ ผ ้ ว ใ นจิตใจ(Exalta?on) แ ล ะ ก า ร ชำ ร ะล้างจิตใจให้บ ร ิ ส ุ ท ธ ิ ์ ( C a t h a r s i s )
ยกตัวอย่างเช่นละครเรื่อง “อีดิปุส” (Oedipus)
ละครแนวแทรจิดี มุ่งก่อให้เกิดสภาวะ “ความบริสุทธิ์ทางใจ”
ความหายนะของตัวละครเอกที่เกิดจาก“การกระทำผิดบาป” ของตัวละครเอง จะช่วยทำให้มนุษย์เข้าถึงสัจธรรมของชีวิต และเกิดแสงสว่างในการดำรงชีวิตนั่นเอง
ปัจจุบันละครแทรจิดีจะนำเสนอเรื่องราวปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนธรรมดาสามัญมากกว่าปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของคนชั้นสูงเช่นแทรจิดีในอดีต
ฟาร์ส (Farce) เป็นละครตลกโปกฮา ตลกกับเรื่องราวที่เหลือเชื่อ การแสดงรวดเร็วเอะอะตึงตัง เป็นละครตลกที่มีความเก่าแก่ที่สุด มักถูกนักวิจารณ์ดูถูกว ่ า ไ ร ้ ค ่ า แต ่แ ท ้ จ ร ิ ง แ ล ้ ว ม ีคุณค่าทางละครไม่แ พ ้ ล ะ ค ร ป ร ะ เ ภ ทอ ื ่ น ๆ
ที่มาของ Farce เป็นละครตลกที่ เ ก ่ าแก่ที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของละครตลกทั่วไป เกิดก่อนมีภาษาไ พ เ ร า ะ ห ร ื อวรรณกรรมที่ย ิ ่ ง ใ ห ญ ่
เ ก ิ ด จ า กธรรมชาติที่ของมนุษย์ที่ชอบหัวเราะให้ก ั บ ข ้ อบกพร่อ งแล ะความผิดพลาดของตนและผู้อื่นอันเป็นค ุณสมบ ั ต ิท ี ่ ด ี ท ี ่ทำให้มนุษย์ท น ต ่ อ ค ว า มล ำ บ า ก แ ล ะค ว า ม ไ ม ่ ส บอ า ร ม ณ ์ ไ ด ้ เพราะได้ผ่อนค ล า ย ค ว า มต ึ ง เ ค ร ี ย ดด ้ ว ย ก า รห ั ว เ ร า ะ
ดังนั้นจึงหาวิธีกระตุ้นให้เกิดการหัวเราะเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แสดงกิริยาตลกขบขันจึงเป็นที่มาของ farce
จุดประสงค์ของ farce ให้ความบันเทิง ต้องการผลการตอบสนองคือ
เสียงหัวเราะอันต่อเนื่องไม่จำกัดของคนดู
ไม่ค่อยมีเนื้อหาเสริมสร้างสติปัญญาหรือสอดแทรกความสำคัญทางสัญลักษณ์ จึงไม่เรียกร้องให้ผู้ชมหาความหมายหรือพิจารณาเนื้อเรื่องอย่างจริงจัง
เพื่อจะได้สนุกสนานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับไวแต่จะไม่สมเหตุผลและไม่น่าเชื่อถือนัก
ผู้ชมต้องแยกตัวออกจากสถานการณ์โดยไม่มีอารมณ์ร่วมกับตัวละครและสถานการณ์ เพื่อไม่ทำให้เกิดการทำลายบรรยากาศที่ก่อให้เกิดอารมณ์ขันได้
ผ ู ้ ว ิ จ า รณ ์ ม ั ก
ดูถูกละครประเภทนี้ว่าไร้ค่า แต่แท้จริงแล้วละครประเภท ฟาร์ส เป็นล ะ ค ร ท ี ่ ด ี เ ป ็ นศิลปะที่มีคุณค่าทางละครไม่แพ้ละครประเภทอื่นๆ เช่นภาพยนตร์ ของชาลีแชปลิน ที่แฝงไว้ด้วยหลักปรัชญาที่ลึกซึ้งไม่แพ้ หลักปรัชญาที่เราได้จากละครประเภท อ ื ่ น ๆ
ละครประเภทขบขันหรือที่เรียกว่า
ฟาร์ส (farce) และคอเมดี (Comedy)
ละครประเภทตลกขบขันมีมากมายหลายชนิด ฉะนั้น ในการแบ่ง ละครประเภทนี้จึงไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ที่ตายตัวจนเกินไป จ ึ ง ท ำ ใ ห ้ ผ ู ้ศึกษาต้องเข้าใจลักษณะของละครตลกแต่ละประเภท ตามหลักของทฤษฎีของการละคร เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปนั้นมักจะถือว่า ละคร ประเภทตลกขบขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือฟาร์ส และคอเมดี
จากฟาร์สสู่คอเมดี ละครขั้นพื้นฐานคือ ฟาร์ส และคอ เมดีก็คือตลกในขั้นที่สูงขึ้นไป ซ ึ ่ ง ก ็ ม ีวิวัฒนาการมาจากตลกพื้นฐานนั่นเอง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ เ ร ิ่ม ม ี ว ัฒน ธ ร ร มม า ก ข ึ ้ นม ีขนบธรรมเนียมป ร ะ เ พ ณ ี แ ล ะภาษาที่ไพเราะเพราะพริ้งมากข ึ ้ น
ละครคอเมดี (Comedy) เ ป ็ น ล ะ ค ร ท ี ่ ม ีลักษณะเป็นวรรณกรรม บ า ง เ ร ื ่ อ ง เ ป ็ นวรรณกรรมชั้นสูง นับว่าเป็นวรรณคดีอมตะของโลก เช่นสุขนาฏกรรมของเชคเปียร์ ละครตลกประเภทเสียดสีของโ ม ล ิ แ ย ร ์ แ ล ะ ต ล กประเภทความคิดของ จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ ที่มาของละครประเภทฟ า ร ์ ส
ที่มาของคอเมดี (Comedy)
ละคร ประเภทคอเมดี เป็นละครชนิดตลกขบขัน ถือกำเนิดมาจาก พิธีเฉลิงฉลองเทพเจ้าไดโ อ ไ น ซ ุ ส ข อ งกรีกเช่นเดียวกับละครประเภท แทรจิดี ในขณะท ี ่ แ ท ร จ ิ ด ีพัฒนามาจากการข ับ ร ้อ งด ีธ ีแรมบ์ซึ่งเป็น ส ่ ว น ท ี ่ ม ีล ั ก ษณ ะ เ ป ็ นพิธีกา รนั้น
ค อ เ ม ด ี ก ็พัฒนามาจากกา รข ับร ้อ งเพลงสนุกสนานเฮฮา ของพวกที่ ติดตามขบวน เทวรูปของไดโอไนซุส จนกลาย เป็นประเพณีนิยมท ี ่ ถ ื อ ปฏิบัติตลอดม า
ความรู้สึกขบขันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
คนเรามักจะหัวเราะเ ม ื ่ อ เ ห ็ น ส ิ ่ งห น ึ ่ ง ส ิ ่ ง ใ ดผิดแผกไปจากปกติวิสัย ซึ่งเกิดจากความโง่เขลาเบาป ั ญ ญ า ค ว า มอ่อนแอของมนุษย์น ั ้ น เ อ ง
ความแตกต่างระหว่างแทรจิดีและคอเมดี
แทรจิดี คอเมดี นำเสนอภาพของมนุษย์ออกมาในด้านดีกว่าที่เขาเป็น เนื้อหา เรื่องราว การนำเสนอ > จริงจัง หนักแน่น
นำเสนอภาพของมนุษย์ออกมาในด้านที่แย่กว่าที่เขาเป็น เนื้อหา เรื่องราว การนำเสนอ > ผ่อนคลาย เบาสบาย
คอเมดีประเภทต่างๆ
ละครสุขนาฏกรรม ���
(Romantic Comedy)
“ ล ะ ค รส ุ ข น า ฏ ก ร ร มโรแมนติค” (Roman?c Comedy) คือละครตลกระดับวรรณกรรม ใช้ภ า ษ า ไ พ เ ร า ะ เรื่องราวเต็มไปด้วยจินตนาการแ ล ะ ค ว า ม ค ิ ดสร้างสรรค์ มีความน่าเชื่อและส ม เ ห ต ุ ส ม ผ ล
เ ร ื ่ อ ง ร า ว ม ั กเ ร ิ ่ ม ต ้ น ท ี ่ป ั ญ ห า แ ล ะอุปสรรคแต่จบลงด ้ ว ย ค ว า ม ส ุ ข ส่วนใหญ่เป็นล ะ ค ร ข อ ง ว ิ ลเลี่ยม เชกสเปียร์ ผู้โด่งดัง
ตัวเอกมีความดีง า ม ต า ม แ บ บอุดมคติ ละครแนวนี้ความตลกมักไปตกอยู่กับบทบ า ท ข อ ง ต ั วละครตลก (Clown) ไม่ใช่ที่ตัวล ะ ค ร เ อ ก
ละครตลกประเภทความคิด ���
(Comedy of Ideas) “ละครตลกประเภทค ว า มคิด” (Comedy of Ideas)เป็นละครที่นำเอาความคิด หรือความเชื่อของมนุษย์ที่ผิดพลาดมาล้อเลียน เพื่อให้ผู้ชมได้นำกลับไปขบคิดหรือแก้ไข ละครประเภทนี้มีผู้ขนานนามว่าเป็นละคร “ตลกระดับส ม อ ง ”
ละครตลกเสียดสี ���
(Satiric Comedy) “ ล ะ ค ร ต ล กเสียดสี” (Sa?ri c C o m e d y ) เป็นละครตลกที่ เน้นการเสียดสีข้อบกพร่องของม น ุ ษ ย ์ ใ นสังคมทั่วๆ ละคร ประเภทนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับตลกชั้นสูง
แต่เน้นการเสียดสี โจมตีด้วยวิธีการที่รุนแรงกว่า ตลกประเภทนี้ผู้เขียนจะต้องมีศิลปะในการ ประพันธ์เป็นอย่างด ี ต ้ อ ง ส า ม า ร ถทำให้ผู้ชมยอมรับก า ร โ จ ม ต ี อ ย ่ า งรุนแรง โดยไม่โกรธ
ซ ึ ่ งท ั ้ ง น ี ้ขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่อง ด ั ง น ั ้ นตลกประเภทเ ส ี ย ด ส ี น ี ้ ถ ื อเป็นละครต ล ก ท ี ่เข้าขั้นวรรณกรรมอีกประเภทห น ึ ่ ง
ละครตลกสถานการณ์ ���
(Situation Comedy) “ ล ะ ค ร ต ล กสถานการณ์” (Situa?on Comedy) ละครตลกที่มักใช้เรื่องราว ผิดฝาผิดตัว อลเวงอลวน เน้นที่ความบังเอิญ และท่าทางตลกมากกว่าการใช้ภาษาสูง ชื่อละครแนวนี้ได้ถูกนำมาทำให้สั้นลงเพื่อใ ช ้ เ ร ี ย ก ล ะ ค รโทรทัศน์ที่จบในตอน มีตัวละครกลุ่มเดียวกัน และเปลี่ยนสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ว่าละครแ น ว “ ซ ิ ทค อ ม ” ( S i t c o m )
ละครตลกเอะอะตึงตัง ���
(Slapstick Comedy) “ ล ะ ค ร ต ล ก เ อ ะ อ ะตึงตัง” (Slaps?ck Comedy) เป็นละครที่มุขตลกเน้นไปที่ความอึกทึกครึกโครม วิ่งไล่จับกัน ตีหัวแตก ลื่นล้มหกคะเมนตีลังกา หากเป็นละคร หรือภาพยนตร์ของไทย เทียบได้กับ ภาพยนตร์เรื่อง บ้านผีปอบ ที่มุขตลกยอดนิยมของเรื่องคือการวิ่งห น ี ผ ี ป อ บ ล ง ไ ปซ ่ อ น ใ น ต ุ ่ ม ภาพยนตร์เรื่องบุญชู เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการหาละครตลกที่มีลักษณะแบบใดแบบหนึ่งอย่างบริสุทธิ์ โดยไม่มีลักษณะละครตลกแบบอื่น หรือระดับอื่นมาเจือปนได้ ���
ในการแบ่งละครคอเมดีออกเป็นหมวดหมู่จึงไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ที่ต า ย ต ั ว
ผู้ศึกษาต้องมีค ว า ม เ ข ้ า ใ จลักษณะของละครตลกโดยรวม และใช้วิจารณญาณข อ ง ต น ใ น ก า รตัดสิน โดยดูลักษณะที่เด่นที่สุดของเรื่องเ ป ็ น ส ำ ค ั ญ
ละครอิงนิยายหรือที่เรียกว่า โรมานซ์ (Romance)
เป็นละครที่มีเ ร ื ่ อ ง ร า ว ท ี ่มนุษย์ใฝ่ฝันจะได้พบ มากกว่าท ี ่ จ ะ ไ ด ้ พ บจริงๆในชีวิตประจำวัน พระเอกนางเอก ของละครประเภทนี้จะเป็นว ี ร บ ุ ร ุ ษ แ ล ะวีรสตรี และตอนจบของเรื่องก็ มักจะชี้ให้เห็นคุณธรรมความดีจะต้องชนะความช ั ่ ว ต ล อ ด ไ ป
ภาษาที่ใช้ก ็ ม ั ก จ ะไพเราะเพราะพริ้ง และน ิยม เ ข ียนเป็นแบบร้อยกรอง หรือถ้าเ ป ็ น ร ้ อ ยแก้วก็จะใช้ภาษาที่เต็มไปด้วยภาพจ ณ ์ แ ล ะสัญลักษณ์
ด ้ า น ก า ร แ ส ด งน ิ ย ม ใ ช ้ ก า รเคลื่อนไหวแบบนุ่มนวล อาจจะใ ช ้ ล ี ล า ท ี ่สร้างสรรค์ขึ้นให้มีความงดงาม มากกว ่ าช ี ว ิตจริงเพราะโลกของโรมานซ์นั้น เป็นโลกที่นิยายที่ทุกสิ่งทุกอย่างเ ก ิ ด ข ึ ้ น ไ ด ้
ละครเมโลดรามา (Melodrama) เป็นละครที่มีเรื่องราวโ ศ ก เ ศ ร ้ า จริงจัง แต่มีฉากเบาสมองเ พ ื ่ อ ผ ่ อ นค ล า ยความเครียดแทรกอยู่ และจ บ ล ง ด ้ ว ยความสุข หรือความสมหวัง
แ ม ้ ว ่ า ช ื ่ อเรียกละคร เมโลดรามา จะเกิดข ึ ้ น ใ น ช ่ ว งห ล ั ง ศ ต ว ร ร ษที่ ๑๙ แต่รูปแ บ บ ล ะ ค รประ เภทนี้มีมากว่า ๕๐๐ ปีก่อนศริสตกาล ม า แ ล ้ ว
บ า ง ย ุ ค เ ร ี ย กละครลักษณะนี้ว่า “ละครแทรจิค อ เ มดี” (Tragicomedy) ห ร ื อ ล ะ ค ร โ ศ กก ึ ่ ง ส ุ ข เ น ื ่ อ ง จ า ก ม ีลักษณะจริงจังเศร้าโศกอย่างแทรจิดีและจบลงด ้ วยคว ามสุขอ ย ่ า ง ค อ เ ม ด ี
ละครเมโลดรามาท ี ่ แ ท ้ จ ร ิ ง เ ก ิดขึ้นแล ะเป็นที่นิยมแพ ร ่ ห ล า ย ใ นศตวรรษที่ ๑๙ เป็นละครที่มีดนตรีประกอบเ พ ื ่ อ แ ส ด งล ั ก ษ ณ ะ ข อ งอ า ร ม ณ ์ ใ นแ ต ่ ล ะ ฉ า ก
ล ั ก ษณ ะ ข อ งล ะ ค ร เ ม โ ล ดรามาในยุคดังกล่าวนิยมนำเสนอตามสูตรท ี ่ ว า ง ไ ว ้อย่างชัดเจน ค ื อ เ ร ้ าอารมณ์ผู้ชมเป็นสำคัญ กระตุ้นความรู้สึกสงสารและโกรธอย่างไ ม ่ ล ึกซ ึ ้ งน ั ก
เรื่องราวมักด ำ เ น ิ น ไ ปด้วยแผนการของฝ่ายตรงข ้ า ม ก ั บตัว เอกซึ่งท ำ ใ ห ้เ ห ต ุ ก า รณ ์ยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งโ ค ร ง เ ร ื ่ อ งของละครเมโลดร า ม า เ ป ็ นเ ร ื ่ อ ง ท ี ่เ ข ้ า ใ จ ง ่ าย
แสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่ต ั ว เ อ ก ต ้ อ งเ ผ ช ิ ญ ก ั บปัญหาครั้ งแล้วครั้งเล่า เรื่องราวมีปมที่น่าสงสัย ชวนให้ติดตามดูแล ะตอนจบของเรื่องมักจ ะ ผ ั น แ ป รเหตุการณ์ไปอย่างไม่น่าเ ป ็ น ไ ป ไ ด ้
ตัวละครเมโลดรามามีลักษณะตายตัว (typed character) ไม่ค่อยมีพัฒนาการ หากตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงด้านนิสัย ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
ซึ่งมักเชื่อได้ยากถ้านำมาไตร่ตรองให้ดี ลักษณะตัวละครแบบเมโลดรามาที่พบได้ใ น แ ท บ ท ุ กเ ร ื ่ อ ง ค ื อพระเอก นางเอก ตัวตลก แล ะผ ู ้ ร ้ า ย
หากเปรียบละครแนวเมโลดรามากับละครที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน คือ ละครโทรทัศน์แนว “ น ้ ำ เ น ่ า ” นั่นเอง ซึ่งมักเน้นการกระตุ้นเร้าอารมณ์ผู้ชมให้รู้สึกสนุก ตื่นเต้น สงสาร สะใจ ฯลฯ ไปตามเรื่องราวในละคร
ไม่ใส่ใจที่จะสร้าง “ความน่าเชื่อ” หรือความสมจริ งให้กับละครมากนัก ส่วนใหญ่จะวนเวียนใช้โครง เ รื่องเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อตัวล ะ ค ร เ ท ่ า น ั ้ น
ละครเมโลดรามาเน้นที่ “ความผลิกผัน และความรันทด” ของชะตากรรมนั้นๆ นอกจากนี้เมโลดรามาจะแบ่งความดีและความชั่วออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งอยู่ในรูปของตัวเอก และฝ่ายผู้ร้าย