16
1 ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป 1 ปปปปปป แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแ C n H 2n+2 แแแแแ n แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแ C 1 แแแแแ ปปปปปปปปปปปปปปป แแแแแแแแแแแแแแแ 1. แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแ–แแแแแแแแแแแ แแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ 2. แแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแ C 1-4 แแแแแ แแแแแแแแ 5–17 แแแแแ แแแแแแแแแแแ แแแ 18 แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ 3. แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ 4. แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแ 1. ปปปปปปปปปป แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแ แแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแแ แแแแ 2 C 4 H 10 (g) + 13 O 2 (g) 8 CO 2 (g) + 10 H 2 O(g) 2C 6 H 14 (g) + 19 O 2 (g) 12 CO 2 (g) + 14 H 2 O(g) แ.แแแแแแแแแ แแแแแแ

kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

  • Upload
    others

  • View
    2

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

1

ประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์อน

1 แอลเคนแอลเคน หมายถึงสารประกอบไฮโดรคารบ์อนท่ีพนัธะระหวา่งคารบ์อนยดึเหน่ียว

ด้วยพนัธะ เดี่ยว จดัเป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนประเภทอิ่มตัว มสีตูรทัว่ไปเป็น CnH2n+2 เมื่อ n คือจำานวนอะตอมของคารบ์อน โดยเริม่ต้นตัง้แต่ C 1 อะตอม สมบติัของแอลเคนสมบติัทางกายภาพ1. เป็นโมเลกลุไมม่ขีัว้ ไมล่ะลายนำ้า แรงยดึเหนี่ยวระหวา่งโมเลกลุเป็นแรงลอนดอน จุดหลอมเหลว จุดเดือดจงึตำ่ามาก ซึ่งเพิม่ขึ้นตามจำานวนอะตอมของคารบ์อนที่เพิม่–ขึ้น2. ที่อุณหภมูหิอ้ง แอลเคนที่ม ีC 1-4 อะตอม เป็นแก๊ส 5–17 อะตอม เป็นของเหลว และ 18 อะตอมขึ้นไปเป็นของแขง็3. ความหนาแน่นน้อยกวา่นำ้า4. เป็นสารประกอบท่ีไมม่สี ีไมม่กีลิ่น เมื่อนำามาใชเ้ป็นเชื้อเพลิงต้องเติมสารท่ีมกีลิ่นลง เพื่อตรวจสอบการรัว่ของแก๊สสมบติัทางเคมี1. การเผาไหม ้สารประกอบแอลเคนสามารถลกุไหมด้ีดี ไมม่เีขมา่และควนั เมื่อเทียบกับไฮโดรคารบ์อนชนิดอ่ืนที่มจีำานวนอะตอมคารบ์อนเท่ากัน เชน่

2 C4H10(g) + 13 O2(g) 8 CO2(g) + 10 H2O(g)

2C6H14(g) + 19 O2(g) 12 CO2(g) + 14 H2O(g) 2. ปฏิกิรยิาแทนที่ แอลเคนเป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนอิ่มตัว ซึ่งหมายถึงมีพนัธะระหวา่งอะตอมคารบ์อนเป็นพนัธะเดี่ยว สามารถเกิดปฏิกิรยิากับเฮโลเจน (halogen : F , Cl , Br , I) ได ้ในท ี่ม แีสงสว า่ง โดยเก ิดปฏ ิก ิร ยิ าแทนท ี ่(substitution reaction) โดยอะตอมของเฮโลเจนจะแทนที่อะตอมของไฮโดรเจน

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 2: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

21 อะตอม ไฮโดรเจนที่ถกูแทนที่จะรวมกับเฮโลเจนเกิดเป็นแก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์ (HX เมื่อ X แทนธาตเุฮโลเจน  F , Cl , Br , I) ซึ่งเป็นแก๊สที่มสีมบติัเป็นกรดหมูแ่อลคิล (Alkyl group : R)หมูแ่อลคิล หมายถึงแอลเคนที่สญูเสยีไฮโดรเจน 1 อะตอม มสีตูรท ัว่ไปเป ็น CnH2n+1 ใชส้ญัลักษณ์แทนด้วย R หมูแ่อลคิลจะพบในโซข่องไฮโดรคารบ์อนที่เป็นโซก่ิ่ง (branched chain) ซึ่งแยกจากโซห่ลักของคารบ์อนการเรยีกชื่อหมูแ่อลคิลใชห้ลักการเดียวกับแอลเคน แต่ลงท้ายเสยีงเป็น อิล – (–yl) 

สตูรและชื่อของหมูแ่อลคิลเปรยีบเทียบกับแอลเคนท่ีเป็นโซต่รง 

จำานวน

อะตอม C

ชื่อของแอลเคน

สตูรโครงสรา้งของแอลเคน

สตูรโครงสรา้งของหมู่แอลคิล

ชื่อของหมูแ่อลคิล

1มเีทน

(methane)

CH4 CH3– เมทิล(methyl)

2อีเทน

(ethane)

CH3CH3 CH3CH2– เอทิล(ethyl)

3โพรเพน(propa

ne)CH3CH2CH3 CH3CH2CH2– โพรพลิ

(propyl)

4บวิเทน

(butane)

CH3CH2CH2CH3

CH3CH2CH2CH2–

บวิทิล(butyl)

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 3: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

3

5เพนเทน(penta

ne)CH3CH2CH2CH2CH2CH3

CH3CH2CH2CH2CH2–

เพนทิล(pentyl)

6เฮกเซน(hexan

e)CH3CH2CH2CH2CH2CH3

CH3CH2CH2CH2CH2CH2–

เฮกซลิ(hexyl)

ไซโคลแอลเคน (Cycloalkane)ไซโคลแอลเคน เป็นไฮโดรคารบ์อนที่มโีครงสรา้งเป็นวง พนัธะระหวา่งอะตอม

คารบ์อนยดึเหีย่วด้วยพนัธะเดี่ยว เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนอิ ่มตัวเชน่เดียวกับแอลเคน มสีตูรทัว่ไปเป็น CnH2n โดยประกอบด้วยคารบ์อนตัง้แต่ 3 อะตอมขึ้นไปการเรยีกชื่อไซโคลแอลเคนเรยีกเหมอืนกับแอลเคน แต่นำาหน้าชื่อด้วยคำาวา่ ไซโคล “ ” (cyclo) เชน่ ไซโคลโพรเพน ไซโคลบิวเทน เป็นต้น

ประโยชน์ของแอลเคน1. CH4 ใชเ้ป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟา้ และโรงงานต่าง ๆ ใชเ้ป็นวตัถดุิบในการผลิตเคมภีัณฑ์ต่าง ๆ เชน่ เมทานอล(CH3OH) นอกจากน้ี ยงัใชก้ับรถยนต์ เรยีกวา่แก๊ส NGV (Natural Gas for Vehicle) 2. อีเทน (C2H6) และโพรเพน (C3H8) ใชใ้นการผลิตเอทิลีน (C2H4) และโพรพิลีน (C3H6) เพื่อเป็นสารตัง้ต้นในการผลิตเมด็พลาสติก

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 4: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

43. แก๊สผสมระหวา่งโพรเพน (C3H8) กับบวิเทน (C4H10) ใชเ้ป็นแก๊สเชื้อเพลิงหงุต้ม แก๊สทัง้สองได้จากการกลัน่ปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติ เมื่อบรรจุในถังเหล็กภายใต้ความดันสงู จะมสีถานะเป็นของเหลว จงึเรยีกวา่ แก๊สปิโตรเลียมเหลว “ ”(Liquefied Petroleum Gas หรอื LPG)4. เฮกเซน ใชเ้ป็นตัวทำาละลายในอุตสาหกรรมการสกัดนำ้ามนัพชื และนำ้าหอม5. ไซโคลเฮกเซน ใชเ้ป็นตัวทำาละลายในการทำาเรซนิและแลกเกอร ์ ใชล้้างส ีใชเ้ป็นสารตัง้ต้นในการผลิตสารประกอบอินทรยี ์ เชน่ เบนซนี6. แอลเคนท่ีมมีวลโมเลกลุสงู ๆ เชน่ พาราฟนิ ใชเ้คลือบผักและผลไมเ้พื่อรกัษาความชุม่ชื้นและยบัยัง้การเจรญิเติบโตของเชื้อรา นอกจากน้ี ยงัใชแ้อลเคนเป็นสารตัง้ต้นในอุตสาหกรรมหลายชนิด เชน่ อึตสาหกรรมผลิตผงซกัฟอก เสน้ใย สารเคมทีางการเกษตร และสารกำาจดัศัตรูพชื 2. แอลคีน (Alkene)

แอลคีน เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนไมอ่ิ่มตัว อะตอมคารบ์อนยดึเหน่ียวด้วยพนัธะคู่อยา่งน้อย 1 พนัธะ มสีตูรทัว่ไปเป็น CnH2n เมื่อ n เท่ากับ 2 , 3 , 4 , . (สตูรทัว่ไปของแอลคีนเหมอืนกับไซโคลแอลเคน ซึ่งแสดงวา่เป็นไอโซเมอรก์ัน)

จากสตูรทัว่ไปของแอลคีน จะเหน็วา่แอลคีนและแอลเคนท่ีมจีำานวนอะตอมของคารบ์อนเท่ากัน แอลคีนจะม ีH น้อยกวา่ แอลเคนอยู ่2 อะตอม สารประกอบของแอลคีนจงึเริม่ต้นที่ C 2 อะตอม คือ C2H4 (ethylene)

สตูรโมเลกลุ สตูรโครงสรา้ง และสมบติัของแอลคีนบางชนิดจำานวนอะตอม

C

สตูรโมเลกลุ

สตูรโครงสรา้ง ชื่อ จุดหลอมเหลว (OC)

จุดเดือด (OC)

2 C2H4 CH2=CH2 อีทีน – 169.1 – 103.73 C3H6 CH2=CHCH3 โพรพนี – 185.2 – 47.74 C4H8 CH2=CHCH2CH

3 1–บวิทีน –185.3 – 6.3

5 C5H10 CH2=CH(CH2)2CH3

1–เพนทีน – 165.2 30.0

6 C6H12 CH2=CH(CH2)3CH3

1–เฮกซนี – 139.8 63.5

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 5: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

5

7 C7H14 CH2=CH(CH2)4CH3

1–เฮปทีน – 119.0 93.6

8 C8H16 CH2=CH(CH2)5CH3

1–ออกทีน – 101.7 121.3

การเรยีกชื่อระบบ IUPAC

1. เรยีกชื่อโครงสรา้งหลักตามจำานวนอะตอมคารบ์อน โดยใชห้ลักเกณฑ์เดียวกับการเรยีกชื่อแอลเคน แต่ลงท้ายเสยีงเป็น อีน – (–ene)2. แสดงตำาแหน่งจองพนัธะคู่ระหวา่งอะตอมคารบ์อนซึ่งเร ิม่ต้นจากปลายโซด่้านใดก็ได้ที่ทำาใหต้ำาแหน่งของพนัธะคู่เป็นตัวเลขที่น้อยที่สดุ แล้วเขยีนตัวเลขไวห้น้าชื่อของแอลคีน ยกเวน้ อีทีน และโพรพนี ไมต้่องแสดง

CH2=CH2 อีทีนCH2=CHCH3 โพรพนีCH2=CHCH2CH3

1–บวิทีน

CH3CH =CHCH3

2–บวิทีน

CH3CH =CHCH2CH3

2–เพนทีน

3. แอลคีนโซก่ิ่ง เลือกโซไ่ฮโดรคารบ์อนที่ยาวที่สดุและมพีนัธะคู่อยูใ่นสายโซ ่เร ิม่ต้นจากปลายที่ทำาใหต้ำาแหน่งของพนัธะคู่อยูใ่นตำาแหน่งน้อยที่สดุ และเรยีกชื่อโดยใชว้ธิีเดียวกับแอลคีนแบบโซต่รง หมูแ่อลคิล เรยีกเหมอืนแอลเคน และเขยีนไวด้้านหน้าชื่อของแอลคีน

3 – เมทิล – 2 – เพนทีน 3– เอทิล –2 – เมทิล – 1 – เฮก

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 6: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

6ซนี   

สมบติัของแอลคีน 1. สมบติัทางกายภาพ 1) แอลคีนที่โมเลกลุเล็ก ๆ มจีำานวนอะตอม C 2–4 อะตอมจะมสีถานะเป็นแก๊ส เมื่อขนาดโมเลกลุใหญ่ขึ้น C 5–8 อะตอม เป็นของเหลว ถ้าขนาดใหญ่กวา่นี้จะเป็นของแขง็ 2) เป็นโมเลกลุโคเวเลนต์ไมม่ขีัว้ จงึไมล่ะลายในตัวทำาละลายมขีัว้ เชน่ นำ้า แต่ละลายได้ดีในตัวทำาละลายที่ไมม่ขีัว้ 3) ไมน่ำาไฟฟา้ในทกุสถานะ มกีลิ่นเฉพาะตัว เชน่ C2H4 เมื่อดมมาก ๆ อาจสลบได้4) มคีวามหนาแน่นน้อยกวา่นำ้า เมื่อมวลโมเลกลุเพิม่ขึ้น ความหนาแน่นจะเพิม่ขึ้น5) จุดหลอมเหลว จุดเดือดตำ่า เพราะแรงยดึเหน่ียวระหวา่งโมเลกลุเป็นแรงลอนดอน

 

2. สมบติัทางเคมี1. ปฏิกิรยิาการเผาไหม ้ แอลคีนติดไฟได้ง ่าย เป ็นปฏิก ิรยิาคายความรอ้นที่บรรยากาศปกติจะเกิดเขมา่หรอืมคีวนั แต่ถ้าผาในบรเิวณที่มแีก๊สออกซเิจนจ ำานวนมากเกินพอ จะเกิดปฏิกิรยิาสมบูรณ์ ไมม่เีขมา่ ได้ CO2 และ H2O ตัวอยา่งปฏิกิรยิา เชน่

C2H4(g) + 3 O2(g) 2 CO2(g) + 2 H2O(g)2. ปฏิกิรยิารวมตัวหรอืปฏิกิรยิาการเติม (Addition reaction) แอลคีนสามารถเกิดปฏิกิรยิาการเติมได้ง่ายตรงบรเิวณพนัธะคู่ ปฏิกิรยิานี้มชีื่อเรยีกต่าง ๆ กัน บางปฏิกิรยิาไมต่้องใชต้ัวเรง่ปฏิกิรยิา แต่บางปฏิกิรยิาต้องใชต้ัวเรง่ปฏิกิรยิาจงึจะเกิดปฏิกิรยิาได้ดี มคีวามวอ่งไวในการเกิดปฏิกิรยิามากกวา่แอลเคน

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 7: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

71) ปฏิกิรยิาการเติมเฮโลเจน (Addition of Halogen) เป็นปฏิกิรยิาการเติมที่ Cl2 หรอื Br2 สามารถรวมตัวโดยตรงกับแอลคีนตรงพนัธะคู่โดยไมต่้องมตีัวเรง่ปฏิกิรยิา หรอืไมต้่องใชแ้สงสวา่ง ถ้ารวมกับ Cl2 เรยีกวา่ Chlorination ถ้ารวมกับ Br2 เรยีกวา่ Bromination ปฏิก ิรยิาท ี่เก ิดข ึ้นจะไมม่แีก ๊สไฮโดรเจนเฮไลด ์(Hydrogen halide : HX) เกิดขึ้น เชน่

         

+ Br2

1–butene       1,2–dibromo butane

2) ปฏ ิก ิร ยิ าการเต ิมไฮโดรเจน (Addition of Hydrogen) เป ็นปฏิกิรยิาการเติม H2 หรอืเรยีกวา่ hydrogenation แอลคีนจะรวมตัวกับ H2 ได้เป็นแอลเคน โดยม ีPt , Ni หรอื Pd เป็นตัวเรง่ปฏิกิรยิา

       

+ H2

1–butene       butane         

ไซโคลแอลคีน (Cycloalkene)  ไซโคลแอลคีน เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนประเภทไมอ่ิ ่มตัว โดยมสีมบตัิคล้ายกับแอลคีน มสีตูรทัว่ไป CnH2n–2 มพีนัธะคู่อยู ่1 พนัธะ จ ำานวนอะตอมไฮโดรเจนน้อยกวา่แอลคีน 2 อะตอม การเรยีกชื่อใหใ้ชว้า่ “ไซโคล นำาหน้าชื่อของแอ”ลคีน

เชน่       

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 8: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

8

       

ไซโคลโพรพนี ไซโคลบวิทีน ไซโคลเพนทีน ไซโคลเฮกซนี       

สมบติัและปฏิกิรยิาของไซโคลแอลคีนไซโคลแอลคีน มสีมบตัิต่าง ๆ คล้ายกับแอลคีน เชน่ การลกุไหม ้ การเกิด

ปฏิกิรยิาแบบเติมหรอืรวมตัวกับเฮโลเจน เชน่ ฟอกจางสโีบรมนี เกิดปฏิกิรยิากับสารละลายโพแทสเซยีมเปอรแ์มลกาเนต 

       

+ Br2ไซโคลเฮกซนี       ไดโบรโมไซโคลเฮกเซน

         ประโยชน์ชองแอลคีน1.อีทีนและโพรพนี (C2H4 และ C3H6)ชื่อสามญัคือเอทิลีนและโพรพิลีน ตามลำาดับใชเ้ป็นสารตัง้ต้นในการผลิตพอลิเมอร ์ประเภทพอลิเอทิลีนและพอลิโพรพิลีน ตามลำาดับ2. แอลคีนบางชนิดใชเ้ป็นสารปรุงแต่งกลิ่นอาหาร เชน่ ลิโมนีน (Limonene) ซึ่งให้กล่ินมะนาว

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 9: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

93. ใชแ้อลคีนเป็นสารตัง้ต้นในการในอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล พลาสติก และสารซกัฟอก

3. แอลไคน์ (Alkyne)แอลไคน์เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนประเภทไมอ่ิ ่มตัวเชน่เดียวกับแอลคี

นพนัธะระหวา่งอะตอมคารบ์อนเป ็นพนัธะสาม [– C º C –] มสีตูรท ัว่ ไปเป ็น CnH2n–2 จงึม ีH น้อยกวา่แอลคีนอยู ่2 อะตอม

สตูรโมเลกลุ สตูรโครงสรา้ง และสมบติัของแอลไคน์บางชนิดจำานวนอะตอม C

สตูรโมเลกลุ

สตูรโครงสรา้ง ชื่อจุดหลอมเหลว (OC)

จุดเดือด (OC)

2 C2H2 CH º CH อีไทน์ – 80.8 – 84.03 C3H4 CH º CCH3 โพรไพน์ – 102.7 – 23.2

4 C4H6 CH º CCH2CH3

1–บวิไทน์ –125.7 8.0

5 C5H8CH º

C(CH2)2CH3

1–เพนไทน์ – 105.7 40.2

6 C6H10

CH º C(CH2)3CH

31–เฮก

ไซน์ – 131.9 71.3

7 C7H12

CH º C(CH2)4CH

31–เฮป

ไทน์ – 81.0 99.7

8 C8H16

CH º C(CH2)5CH

31–ออก

ไทน์ – 79.3 125.2

ชื่อระบบ IUPAC

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 10: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

10การเรยีกชื่อแอลไคน์ใชห้ลักเกณฑ์เชน่เดียวกับแอลเคนและแอลคีนขึ้นต้นชื่อด้วยจำานวนอะตอมคารบ์อนแต่ลงท้ายเสยีงด้วย ไอน์ – (–yne)สมบติัของแอลไคน์ สมบติัทางกายภาพ 1. แอลไคน์เป็นสารโคเวเลนต์ไมม่ขีัว้ จงึไมล่ะลายนำ้า 2. มคีวามหนาแน่นน้อยกวา่นำ้า 3. จุดเดือด จุดหลอมเหลวตำ่า เพิม่ขึ้นตามจำานวนอะตอม – C เมื่อเปรยีบกับแอลเคน แอลคีน และแอลไคน์ ท่ีมจีำานวนอะตอมคารบ์อนเท่ากัน จะมจุีดเดือด จุดหลอมเหลว–เรยีงลำาดับดังน้ี

แอลไคน์ > แอลเคน > แอลคีนสมบติัทางเคมี1. ปฏิกิรยิาการเผาไหม้ (Combusion) การเผาไหมใ้นบรรยากาศปกติ หรอืมีออกซเิจนน้อยจะใหเ้ขมา่มากกวา่แอลคีน แต่ถ้าเผาในบรเิวณที่มอีอกซเิจนมากจะไมม่ีเขมา่ เมื่อเกิดปฏิกิรยิาจะได้แก๊ส CO2 และ H2O 2. ปฏิกิรยิาการเติม (Addition reaction) แอลไคน์เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์อนไมอ่ิ่มตัว จงึเกิดปฏิกิรยิาการเติมเฮโลเจน 1) ปฏิกิรยิาการเติมเฮโลเจน แอลไคน์ฟอกจางสสีารละลายโบรมนีได้ โดยไมต้่องใช้ตัวเรง่ ปฏิกิรยิาหรอืแสงสวา่ง

ประโยชน์ของแอลไคน์1. แอลไคน์ที่ร ูจ้กักันทัว่ไปคืออีไทน์ (ethyne) ชื่อสามญัคืออะเซทิลีน (C2H2) เตรยีมได้จากปฏิกิรยิาระหวา่งแคลเซยีมคารไ์บด์ทำาปฏิกิรยิากับนำ้า

CaC2(s)   +   2 H2O(l)    Ca(OH)2(aq)   +   C2H2(g)2. ในทางอุตสาหกรรมสามารถเตรยีม C2H2 ได้จาก CH4  โดยการใหค้วามรอ้นสงู ๆ ในเวลาที่สัน้มาก ๆ 

2CH4(g)    C2H2(g)   +   2 H2(g)

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 11: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

113. แก ๊สผสมระหวา่ง C2H2 ก ับ O2 ในอ ัตราสว่นท ี่เหมาะสมเรยีกวา่ oxy-acetylene ใหเ้ปลวไฟท่ีรอ้นสงูถึง 3000OC ในเชื่อมโลหะและตัดโลหะได้ นอกจากน้ี C2H2 ยงัใชเ้ป็นแก๊สเชื้อเพลิงท่ีใหส้งสวา่ง4. ใช ้C2H2 เพื่อเรง่การออกดอกของพชื และเรง่การสกุของผลไมใ้หเ้รว็ขึ้น

4. อะโรมาติกไฮโดรคารบ์อนอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อน หมายถึงสารประกอบไฮโดรคารบ์อนที่มเีบนซนี

(C6H6) เป็นองค์ประกอบ หรอืเป็นอนุพนัธข์องเบนซนีสารประกอบอะโรมาติกตัวแรกคือเบนซนี ประกอบด้วยคารบ์อน 6 อะตอมต่อ

กันเป็นวง คารบ์อนทกุ ๆ อะตอมอยูใ่นระนาบเดียวกันและต่อกับไฮโดรเจนอีก 1 อะตอม พนัธะระหวา่งอะตอมของคารบ์อนทัง้ 6 พนัธะมคีวามยาวเท่ากัน คือ 139 พ ิโกเมตร ซึ่งเป็นค่าที่อยูร่ะหวา่งความยาวของพนัธะเดี่ยว (154 พโิกเมตร) กับพนัธะคู ่(134 พโิกเมตร) เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปมาภายในวงเบนซนี เบนซนีจงึม ีโครงสรา้งเป็นเรโซแนนซ์

สตูรและสมบติัของอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อนบางชนิด 

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 12: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

12

ชื่อ / สตูรโมเลกลุ โครงสรา้งลิวอิส จุดหลอมเหลว (OC)

จุดเดือด (OC)

เบนซนี

(Benzene)C6H6

5.5 80.1

แนฟทาลีน (Naphthalene)

C10H8 

 

 

80.3 217.9

แอนทราซนี (Anthracene)

 

 

216.0 340.0

ฟแีนนทรนี (Phenanthrene)

 

 

99.2 340.0

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 13: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

13สมบติัของอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อน  จากโครงสรา้งของสารประกอบอะโรมาติก จะเหน็วา่มพีนัธะคู่อยูห่ลายแหง่ แต่จากการศึกษาสมบตัิทางเคมพีบวา่พนัธะคู่ในอะโรมาติกไฮโดรคารบ์อนเสถียรมาก จงึไมเ่กิดปฏิกิรยิาที่พนัธะคู่ เชน่ ไมฟ่อกจางสขีอง KMnO4 ไมเ่กิดปฏิกิรยิาการเติมกับ H2 หรอื Br2 ภายใต้สภาวะเดียวกับแอลคีน ปฏิกิรยิาสว่นใหญ่คล้ายแอลเคนคือเกิดปฏิกิรยิาแทนท่ี (Substitution reaction) ซึ่งพอสรุปได้วา่อะโรมาติกไซโรคารบ์อนมโีครงสรา้งคล้ายแอลคีน แต่เกิดปฏิกิรยิาคล้ายแอลเคน จงึแยกออกมาเป็นกลุ่มต่างหาก สมบติัทางกายภาพเป็นของเหลวใสไมม่สีจีนถึงสเีหลืองอ่อน ๆ มคีวามหนาแน่นน้อยกวา่ ไมล่ะลายนำ้า มีกล่ินเฉพาะตัวสมบติัทางเคมี1. ปฏิกิรยิาการเผาไหม้ อะโรมาติกไฮโดรคารบ์อนติดไฟใหเ้ขมา่และควนัมาก ได้แก๊สคารบ์อนไดออกไซด์และไอนำ้าดังสมการ 

2 C6H6(l) + 15 O2(g)   12 CO2(g) + 6 H2O(g)

 2. ปฏิกิรยิาแทนท่ี1) ปฏิกิรยิาแทนที่ด้วยเฮโลเจน (Halogenation) เบนซนีจะทำาปฏิกิรยิากับ Cl2 หรอื Br2 โดยมผีงเหล็กหรอื FeCl3 เป็นตัวเรง่ปฏิกิรยิา เกิดปฏิกิรยิาแทนที่ได้แก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์ เชน่

    

Cl2 

 

  +

 HCl

benzene       Chloro

benzene   Hydrogen chloride

 2) ปฏิกิรยิาซลัโฟเนชนั (Sulfonation) ทำาปฏิกิรยิากับ H2SO4 เขม้ขน้

   +

 HNO3 / H2SO4

  

 

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ

Page 14: kroosakchai.files.wordpress.com · Web viewจำนวนอะตอม C ช อของแอลเคน ส ตรโครงสร างของแอลเคน ส ตรโครงสร

14

benzene       Sulfonic acid

 

3. ปฏิกิรยิา Nitrationเบนซนีเกิดปฏิกิรยิากับกรดไนตรกิ HNO3  โดยมกีรดซลัฟวิรกิ H2SO4 เขม้ขน้ เป็นตัวเรง่ปฏิกิรยิา จะได้ไนโตรเบนซนี

 

อ.ศักดิ์ชยั นวนเทศ